Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1597 พลังจากคุณ
ลู่โจวหยิบจดหมายรักขึ้นมาในมือ
ตั้งแต่วันนั้นซิงเปียนก็ไม่เคยเห็นลู่โจวออกมาจากบ้านของตัวเองหรือมีโอกาสคุยกับอีกฝ่ายหลังจากนั้นเลย
“ผมจะขอไปพักสักช่วงหนึ่ง ระหว่างนี้ไม่ต้องมาหาผมนะ”
เขาจำได้ว่าตอนนั้นลู่โจวพูดไว้อย่างนี้
หลังจากนั้นลู่โจวก็ปิดประตูแมนชั่น แล้วประตูนั้นก็ไม่เปิดอีกเลย
ผ่านไปเดือนหนึ่ง ในตอนแรกซิงเปียนก็สงสัยว่าเขาไปทำอะไรให้ลู่โจวจะโกรธหรือเปล่า แต่หลังๆ เขาก็พบว่าไม่ใช่แค่เขาที่ติดต่อกับลู่โจวไม่ได้ ขนาดเพื่อนเก่าของอีกฝ่ายก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนกัน
ณ ออฟฟิศกองความมั่นคง
หวังเผิงมองซิงเปียนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แล้วก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“นี่ วันนั้นคุณบอกอะไรเขาไป?”
เขาได้ยินมาว่าเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ร้อยเอกซิงไปเยี่ยมบ้านลู่โจว และนั่นก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลู่โจวออกมานอกบ้าน
ถึงการคาดเดาครั้งนี้จะไม่ได้มีหลักอะไร แต่หวังเผิงก็รู้สึกมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้ต้องทำอะไรที่ไม่น่าทำลงไปแน่ๆ
พอต้องเจอหวังเผิงตั้งคำถาม ซิงเปียนก็รู้สึกอายเล็กๆ เขากระแอมขึ้นแล้วตอบไปว่า “ก็เรื่องส่วนตัวของนักวิชาการลู่เขานั่นแหละ คุณสงสัยคุณก็ไปถามเขาเองสิ”
“ถามได้ก็แปลกแล้ว” หวังเผิงว่า “นี่ติดต่อเขาไม่ได้เลย ผมส่งข้อความไปชวนเขาออกมาดื่มด้วยกันแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย”
สมัยก่อนตอนลู่โจวไปพัก เขาจะไม่ใช่คนที่ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงแบบนี้
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
อย่างน้อยจากที่หวังเผิงรู้จักกับเขามา ถ้าไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรเป็นพิเศษเกิดขึ้นก็ต้องเป็นเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เรื่องทางวิชาการ ไม่อย่างนั้นแล้วต่อให้เป็นการไปพัก ลู่โจวก็คงไม่หายเงียบจนไม่ยอมติดต่อมาเลยขนาดนี้
“เขาไม่ตอบอะไรมาเลยเหรอ?” ซิงเปียนถอนหายใจแล้ววางถ้วยชาในมือลง “ผมอาจจะทำพลาดไป…บ้าจริง ทั้งๆ ที่ตั้งใจทำเพราะมีเจตนาดีแท้ๆ ”
“คุณทำบ้าอะไรลงไป?”
“ของที่เหลือจากงานของคุณสมัยนั้นนั่นแหละ ถ้าคุณสนใจก็ลองไปที่คลังเก็บข้อมูลแล้วค้นหาข้อมูลของโปรเจกต์สายเลือดดูสิ ไม่ต้องมาถามผมนะ ผมไม่อยากคิดเรื่องนี้ต่อแล้ว” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ซิงเปียนก็พูดขึ้นมาต่อ “ผมจะมอบหมายภารกิจให้คุณ”
หวังเผิงเลิกคิ้ว
“เกี่ยวกับนักวิชาการลู่เหรอ?”
“ก็ประมาณนั้น” ซิงเปียนพูดต่อหลังจากเว้นจังหวะไป “คู่หมั้นของเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่”
พอหวังเผิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“คุณหมายถึงเฉินยู่ซานน่ะเหรอ? แต่…ก็ผ่านมาตั้ง 100 ปีแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ คุณจะเอาตัวเองไปใส่ในตู้สำหรับการนอนหลับชั่วคราวเพราะแฟนคุณตายไหมล่ะ? อย่างน้อยผมก็ไม่ทำแล้วคนหนึ่ง…” ซิงเปียนยิ้มแห้งๆ แล้วพูดต่อ “แต่…ผมก็ไม่รู้ว่าพวกคนจากศตวรรษก่อนเขาจะทำไหม บางทีผมไม่น่าเล่าเรื่องโปรเจกต์สายเลือดให้ลู่โจวฟังเลย ไม่น่าพาเขาไปเจอหลานตัวเองด้วย”
เขาจะได้ไม่เจอกล่องแหวนนั่น แต่จะพยายามทำเครื่องยนต์ความเร็วมากกว่าแสง มุ่งตรงไปยังปีแสงข้างหน้า…
เขาเป็นคนบ้าชัดๆ !
“คุณอยากให้ผมตามหาเฉินยู่ซานเหรอ?”
“ใช่” ซิงเปียนพยักหน้า “ในทางทฤษฎีแล้ว ยุคนั้นน่าจะไม่มีเทคโนโลยีนำทางในกาแล็กซี…นอกจากว่าเธอจะแช่แข็งตัวเองแล้วค่อยๆ บินไปในจักรวาลน่ะนะ ถ้าผ่านไปสักประมาณหมื่นปี บางทีเธออาจจะบินไปถึงก็ได้ แต่นั่นก็ยังช้าไปอยู่ดี บางทีกว่าจะถึงตอนนั้น ยานอวกาศของพวกเราอาจจะลอยไปทั่วทางช้างเผือกแล้วก็ได้”
“ดังนั้นผมเลยเดาไว้ว่าอาจจะมีสถานการณ์อื่นที่เธอแช่แข็งตัวเองไว้ รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยออกเดินทางบนยาน แต่วิธีนั้นก็ยังมีความเสี่ยงอีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือการมีตัวตนอยู่ของเธอจะค่อยๆ ถูกคนอื่นลืมเลือนไปตามกาลเวลา แล้วสุดท้ายเธออาจจะไม่ตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ”
หวังเผิงพยักหน้า
“ผมเข้าใจแล้ว…ผมจะสืบสวนที่อยู่ของเฉินยู่ซานในขณะที่สืบสวนเรื่ององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลไปด้วย”
“งั้นก็ คุณทำเรื่องนี้เป็นภารกิจรองก็ได้ เน้นงานหลักของคุณก่อน” ซิงเปียนจิบชาจากถ้วยชาบนโต๊ะ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “มูลนิธิพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแช่แข็งที่ลู่เสี่ยวถงควบคุมอยู่สมัยยังมีชีวิตอาจจะเป็นเบาะแสก็ได้ รวมไปถึงกองทุนการตั้งอาณานิคมต่างดาวด้วย…”
“ถ้าคุณมีเวลาก็ลองไปสืบดูก็ได้”
…
ในขณะเดียวกันที่แมนชั่นนอกชานเมืองจินหลิง เวร่ากำลังยืนอยู่ในห้องอ่านหนังสือของลู่โจวด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอกำลังรอให้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุยตอบเธอ
เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนหลังจากที่เขากลับมาจากการไปข้างนอก เขาก็เหมือนกลายสภาพไปเป็นคนละคนในทันใด
เขาไม่เพียงแต่จะกลายเป็นคนเงียบขรึมกว่าเมื่อก่อน แต่ยังเหมือนจะหลบหน้าเธออีกด้วย
แม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับเขา เดือนนี้เธอกลับแทบจะไม่เห็นหน้าเขาเลย
หากไม่นับเรื่องการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ พวกเขาก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยในบทสนทนาของชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่า…
แม้จะเป็นอย่างนั้นเวร่าก็ยังรู้สึกพอใจ
เพราะการที่เธอได้พบกับเขาอีก แม้เวลาจะผ่านไปหนึ่งร้อยปี มันก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว เธอเองก็พบปาฏิหาริย์มาแล้วครั้งหนึ่ง หากเธอจะขออะไรเพิ่มอีกก็คงจะโลภมากเกินไปหน่อย
อย่างน้อยเธอก็รู้สึกอย่างนั้น เธอก็ค่อนข้างพอใจกับความเป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว
การได้คุยถกเถียงเรื่องทางวิชาการกับเขาก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกดี
ถ้าเพียงแต่เธอจะได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขาเท่านั้น โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ตั้งใจมอบให้เพื่อเธอ นั่นก็จะดีกว่าเดิมไม่ใช่น้อย…
ลู่โจวมองกระดาษร่างในมือ เขาใช้เวลาคิดอยู่นานด้วยสีหน้าว่างเปล่า แล้วก็เผยรอยยิ้มแข็งๆ ขึ้นมาตอนพูดว่า “คุณทำได้ดีมากครับ”
รุ่งอรุณแห่งชัยชนะอยู่ตรงนี้แล้ว
หลังจากผ่านมานานเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็เจอความหวังในการแก้ไขข้อเสนอนี้แล้ว
พอเห็นรอยยิ้มนี้ เวร่าที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเธอฉายแววโล่งอกโล่งใจ
เธอกังวลเรื่องลู่โจวมาตลอดเดือนที่ผ่านมา เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่พอเห็นว่าอารมณ์เขาดีขึ้น เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงนิดหน่อย
“ตราบใดที่คุณหาค่าคงตัวเอปซีลอนได้ ขั้นตอนที่เหลือก็ง่ายมากๆ แล้ว” ลู่โจววางกระดาษร่างลงเบาๆ แล้วก็หยิบปากกาจากด้านข้างขึ้นมาเขียนสมการสองสามบรรทัดบนกระดาษอีกกองหนึ่งบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษที่เขียนขึ้นมาแล้วส่งไปให้เวร่า “นำค่า ε ไปใส่ในนิพจน์บรรทัด 13 หน้า 11 สมการทั้งหมดจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบของสมการ 3 ได้โดยตรง จึงทำให้เกิดอนุพันธ์ในการตั้งบทแทรก 4”
หลังจากรับกองกระดาษมา เวร่าก็ก้มมองโน้ตของลู่โจว
ไม่นานนักสีหน้าประหลาดใจก็ฉายขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาว
“คุณทำ…ทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ?”
ถึงจะเป็นเขาก็เถอะ…
นี่มันจะเร็วไปหน่อยไหม
เธอศึกษางานวิจัยนี่มาสักพักแล้ว เธอรู้ระดับความยากของทุกอย่างดี
“อ่าฮะ ทำนองนั้นแหละ พอมาดูๆ ตอนนี้แล้ว สมการที่อยู่ตรงหน้าคุณน่าจะเป็นนิพจน์ที่แม่นยำและรวบรัดมากที่สุดของสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคแซดที่ผมคิดออกแล้ว”
บรรยากาศทั้งห้องอ่านหนังสือตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาของเวร่าจ้องเขม็งอยู่ที่กระดาษในมือ ริมฝีปากของเธอเปิดและปิดลงเล็กๆ เหมือนจะพยายามคำนวณตัวเลขในใจเงียบๆ
ลู่โจวไม่เข้าไปรบกวนการคิดของเวร่า เขาหยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบเล็กน้อย
รสชาติขมนิดๆ ช่วยคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ในสมองของเขาและทำให้เขารู้สึกตื่นตัวอีกครั้ง
จากที่เขาจำได้ กาแฟดำไม่เติมน้ำตาลเป็นของโปรดของเฉินยู่ซานนี่นา
แล้วเขาไปตกหลุมรักกาแฟรสแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
ลู่โจวเหลือบมองท้องฟ้านอกหน้าต่างในทันที
เขาจ้องมองไปทางเมฆอยู่นาน นานมากทีเดียว…
…………………………………………………………