Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1601 ยืมยาน?
ณ ตึกของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์
หลังจากลู่โจวประกอบอุปกรณ์สั่นอนุภาคซีรุ่นทดลองชิ้นแรก ‘ซี-เดโม’ เสร็จ เขาก็เดินทางจากจินหลิงมาที่นี่ทันที
ถ้าเปรียบเทียบกับผู้บริหารระดับสูงของอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้แล้ว ผู้บริหารของอีสต์เอเชียอินดัสตรีส์เข้าถึงได้ง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อย่างผู้ชายชื่อหยางฉีตงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ แม้ว่าสถานะของบุคคลคนนี้จะเป็นประธานของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ เขากลับไม่มีอีโก้เลยสักนิด เขาเชิญลู่โจวเข้าไปในออฟฟิศด้วยท่าทางสุภาพเอามากๆ
แต่เพราะอะไรบางอย่าง มันกลับทำให้ลู่โจวรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กำลังวิตกกังวลเล็กน้อย…
“ผมไม่ได้สนใจตำแหน่งประธานนะครับ คุณไม่ต้องกังวลมากก็ได้”
ลู่โจวพยายามปล่อยมุกตลก แต่ดูเหมือนมุกของเขาจะไม่ได้ผลอะไรเลย
“นักวิชาการลู่ ผมจะกังวลเรื่องอะไรกัน? ผมไม่ได้กังวลอะไรเลย!” ประธานหยางเผยรอยยิ้มทื่อๆ ขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณอยากจะเป็นประธานของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ก็ถือเป็นเกียรติของบอร์ดผู้บริหารเราครับ ตราบใดที่คุณต้องการเช่นนั้น ผมก็จะมีความสุขมากๆ ผมจะไปกังวลทำไมกัน?”
แหม แต่คุณดูไม่ได้มีความสุขเลยนะ…
ลู่โจวเดาว่าผู้ชายคนนี้น่าจะตื่นตระหนกจากกรณีของหลิวเจิ้งซิง
แต่ที่หลิวเจิ้งซิงตายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเสียหน่อย ทั้งหมดเกิดขึ้นจากที่หมอนั่นเปิดโปงตัวตนนิรนามที่ตัวเองไม่ควรเข้าไปแตะต้องต่างหาก เรียกว่าขุดหลุมฝังตัวเองเลย
จะว่าไปแล้ว…
คนจากองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลได้แทรกซึมเข้าไปในอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ ดังนั้นอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ก็น่าจะโดนเหมือนกันใช่ไหม?
ถึงผลประโยชน์จะน้อยกว่านิดหน่อย แต่ในฐานะที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุตสาหกรรมแล้ว พลังของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้…
พอเห็นว่าลู่โจวมองเขาด้วยสายตาตั้งคำถาม หยางฉีตงก็มีท่าทีตื่นตระหนกอีกครั้ง
“คุณ…มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลู่โจวเอ่ยด้วยเสียงสุขุมกว่าเดิมเล็กน้อยขณะหันไปมองอีกฝ่าย “ผมบอกคุณแล้ว คุณไม่ต้องวิตกกังวลอะไร ผมมาที่นี่เพื่อจะถามอะไรคุณนิดหน่อย ไม่น่าลำบากคุณมาก…แล้วก็จะเป็นประโยชน์กับคุณแน่นอน”
ด้วยความกลัวว่าลู่โจวจะไม่พอใจ หยางฉีตงจึงรีบตอบกลับมาว่า “บอกมาได้เลยครับ!”
ลู่โจวตัดสินใจเลิกห่วงเรื่องที่อีกฝ่ายยังทำท่าทางตื่นๆ ไม่ยอมผ่อนคลาย เขาจัดระเบียบความคิดในหัว แล้วพูดออกมาในแบบที่รวบรัดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“คือ ก่อนหน้านี้ผมวิจัยเรื่องเครื่องสั่นอนุภาคซีมาใช่ไหมล่ะครับ หลังจากวิจัยไปได้พักหนึ่ง มันก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“และเพื่อจะทดสอบไอเดียทฤษฎีไฮเปอร์สเปซให้ได้ ผมเลยจะขอให้คุณช่วยดัดแปลงยานอวกาศให้ผมหน่อย”
หยางฉีตงตกตะลึง เขานึกว่าตัวเองฟังอะไรผิดไปจึงถามซ้ำอีกรอบ “ดัดแปลงเหรอครับ?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวว่าต่อ “ผมจะขอยืมยานลาดตระเวนสำรวจจากกองทัพชุดแรกในอีกสองวัน ผมอาจจะต้องขอให้คุณดัดแปลงยานนั้นหน่อย”
หยางฉีตง “…?”
…
ณ สถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียน
ในออฟฟิศวิจัยฟิสิกส์เชิงทฤษฎี ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าพบกับประธานที่เดินทางมาเยี่ยมเขา
เขาหันไปมองรอบๆ แล้วจึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ออฟฟิศ จากนั้นก็ยื่นมือขวาออกไปทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ ท่านประธาน! ผมไม่คิดว่าท่านจะมาถึงเร็วขนาดนี้”
หลี่กวงหยายิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ศาสตราจารย์ลู่ คุณเป็นคนที่เก่งที่สุดในสาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของพาน-เอเชียนแล้ว ดังนั้นผมเลยต้องมาพบคุณให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว”
“โธ่ คุณก็ชมเกินไป” ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่ารู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มอุ่นๆ เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างอายๆ “หากไม่นับนักวิชาการลู่แล้ว ถึงจะเอาไปเปรียบกับคนดังคนอื่นในสาขานี้ ความสามารถของผมก็ยังด้อยกว่าพวกเขาอยู่ดีครับ”
“แหม คุณก็ถ่อมตัวเกินไป!”
“ไม่ได้ถ่อมตัวครับ ประเด็นคือผมรับคำชมนี้ไม่ไหวต่างหาก” ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าถอนหายใจแล้วพูดต่อ “จะว่าไปแล้วผมขอถามได้ไหมครับว่าทำไมท่านถึงมาที่นี่?”
หลี่กวงหยายิ้มแล้วบอกว่า “เรื่องมันมีอยู่ว่าผมอยากจะถามคำถามคุณสักหน่อย”
พอเห็นว่าท่านประธานเจอปัญหาแล้วอยากมาปรึกษาเขา ลู่เหวินเหม่าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“ว่ามาได้เลยครับ”
หลี่กวงหยา “จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ถ้าอ้างอิงตามหลักพื้นฐานทางทฤษฎีของสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีแล้ว ด้วยเทคโนโลยีระดับปัจจุบันนี้ เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง?”
สมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีกับเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสงเหรอ?
เป็นคำถามที่ดูจะกว้างไปหน่อยนะ…
ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่ามองไปที่ประธานหลี่กวงหยา เขาผงะไปนิดๆ แล้วก็ถามให้แน่ใจอีกทีว่า “คุณหมายถึง…จะสามารถเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซที่มั่นคงได้ไหมน่ะเหรอครับ?”
หลี่กวงหยายิ้มแล้วตอบไป “ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทางวิชาการเขาใช้คำว่าอะไร แต่คร่าวๆ ก็ทำนองนั้นแหละ”
ลู่เหวินเหม่าตอบ “มันก็อาจจะยากสักนิดหน่อย”
หลี่กวงหยายังคงไม่ยอมแพ้และถามต่อไป “ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะส่งสสารไปโดยตรง แต่ถ้าเป็นการส่งชิ้นส่วนข้อมูลไปล่ะ ถ้าใช้วิธีช่องทางไฮเปอร์สเปซ เร่งความเร็วของข้อมูล…มันจะมีโอกาสสำเร็จมากแค่ไหน?”
ลู่เหวินเหม่ายิ้มเฝื่อนๆ แล้วเอ่ยว่า “ก็พูดยากนะครับ…เอาจริงๆ แล้ว ผมก็เป็นแค่นักทฤษฎี ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนทฤษฎีให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ จากมุมมองทางทฤษฎีแล้วสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ระหว่างความถี่การสั่นของอนุภาคซีกับความโค้งของกาลอวกาศในระดับที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบขึ้นมาจริงๆ แต่ถ้าถามว่าจะใช้สิ่งนี้เป็นตัวเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซได้หรือไม่ ก็ยังเป็นคำถามและปัญหาข้อที่ใหญ่เอาการอยู่ครับ”
“แม้เมื่อหนึ่งร้อยปี พวกเราจะสามารถทำให้โฟตอนเดินทางกลับจากดาวอังคารมายังโลกได้ภายใน 207.1 วินาที มันก็ใช้งบวิจัยรายปีของ ILHCRC ในปีนั้นไปมากถึง 1/10 จากทั้งหมด”
“ผมไม่แน่ใจเรื่องอนาคตไกลเท่าไร แต่อย่างน้อยในอีกช่วงห้าสิบปีข้างหน้า…ก็ไม่น่าจะเอาสูตรนี้ไปแก้ปัญหาเรื่องความเร็วกว่าแสงจนสำเร็จได้หรอกครับ”
หลังจากฟังความเห็นของศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าเสร็จ ใบหน้าของหลี่กวงหยาก็แสดงท่าทางครุ่นคิดขึ้นมา
ทำท่าไตร่ตรองอยู่นานสองนาน ในที่สุดหลี่กวงหยาก็แตะคางตัวเองแล้วพยักหน้ารับ
“โอ้ อย่างนั้นเองสินะ…”
พอเห็นสีหน้าของท่านประธานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นผิดหวังแล้ว ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าจึงเอ่ยว่า “แต่ก็แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น มันอาจจะฟังดูเป็นแง่ลบไปเสียหน่อย บางทีคนอื่นอาจจะมีความคิดเห็นคนละแบบกับผมก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้”
“ไม่เป็นไรๆ คุณช่วยได้มากเลย!”
ท่านประธานหลี่กวงหยายิ้มขึ้นมา เขากำลังจะพูดคำชมเพื่อขอบคุณอีกฝ่ายต่อ
แต่ตอนนั้นเอง เลขาฯเหว่ยก็รีบเดินมาจากข้างๆ ท่าทางร้อนรน
“ท่านประธานหลี่ครับ!”
หลี่กวงหยาอดเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กๆ ไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อครู่นี้นักวิชาการลู่โทรเข้ามาในออฟฟิศท่านครับ เขาอยากให้ท่านรับรองคำขอทำการทดลองของเขา”
“คำขอทำการทดลองเหรอ?” หลี่กวงหยาทำสีหน้าฉงนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาถาม “การทดลองอะไรกัน? ทำไมต้องมาถามผมด้วย?”
เลขาฯเหว่ยอธิบายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “เขาอยากจะขอยืม…ยานลาดตระเวนจากกองทัพชุดแรกน่ะครับ”
ยานลาดตระเวนเหรอ?!
หลี่กวงหยาสูดลมหายใจ เขาอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ขอยืมยานลาดตระเวน…เขาคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่?”
นั่นไม่ใช่ของที่คนนึกอยากจะยืมก็ยืมได้เสียหน่อย!
ถ้าไม่มีเหตุผลที่ฟังขึ้นไปคุยกับพวกสภาคองเกรส ต่อให้เป็นเขาที่เป็นประธานของบอร์ด ก็ยังไม่สามารถสั่งเคลื่อนกองทัพชุดแรกได้เลย
“เขาบอกผ่านโทรศัพท์ว่าเขาต้องการจะทดสอบความมั่นคงของช่องทางไฮเปอร์สเปซอะไรเนี่ยแหละครับ…”
พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังทำสีหน้างุนงง เหว่ยซงก็กลืนน้ำลายแล้วอธิบายต่ออย่างไม่สบายใจนัก “ดูเหมือนว่า…จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทดลองความเร็วกว่าแสงด้วยครับ”
……………………………………………………..