Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1602 การทดลองไฮเปอร์สเปซ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1602 การทดลองไฮเปอร์สเปซ
ณ สถานีอวกาศประจำดาวศุกร์
วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันที่ฟิลด์กับเพื่อนร่วมงานของเขาทำตามคำสั่งขององค์การอวกาศอเมริกาเหนือ เขาก็แอบมองไซต์ก่อสร้างของสหการพาน-เอเชียนในวงโคจรพ้องคาบโลกต่อไป
ถ้าพูดในทางเทคนิคแล้ว มันก็ไม่เรียกว่าการแอบมองหรอก เพราะพวกเขาจ้องตรงๆ ไปทางนั้นเลยต่างหาก
ตอนแรกฟิลด์ก็ยังมีแอบๆ หลบๆ บ้าง เขาตั้งค่ากล้องโทรทรรศน์ให้ไปสวนทางกับสถานีอวกาศเนอร์วานา หลังๆ มาเขารู้สึกว่าวิศวกรของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ไม่สนใจแล้วว่าพวกเขาจะแอบสอดรู้สอดเห็นอะไร ฟิลด์ก็เลยเลิกตั้งค่ากล้องโทรทรรศน์แล้วเปลี่ยนเป็นส่องตรงๆ ไปทางพวกเขาเลย
ผลที่ได้มาก็คือ สถานีอวกาศประจำดาวศุกร์ได้เปลี่ยนจากหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ มาเป็น ‘ดาวเทียมสอดแนม’ อย่างเป็นทางการเพื่อประโยชน์ของประชาชน
“ดูๆ ไปแล้ว…เหมือนพวกเขาจะไม่สนใจเลยนะว่าพวกเรากำลังสอดแนมเทคโนโลยีพวกเขาอยู่” จอห์นนี่ทักขณะมองไปที่ไซต์ก่อสร้างนอกหน้าต่างทรงกลม แล้วเขาก็พูดต่อ “เอาจริงๆ นะ ผมชักจะสงสัยแล้วว่าที่พวกเราทำอยู่มันมีประโยชน์อะไรไหม”
เอาจริงๆ พวกวิศวกรจากสหการพาน-เอเชียนเชื่อว่า ต่อให้พวกเขายื่นพิมพ์เขียวมาจ่อหน้าพวกฟิลด์ พวกฟิลด์ก็ยังไม่สามารถสร้างเลียนแบบดีไซน์พวกนี้ได้เลย
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วพวกฟิลด์จะถ่ายรูปการก่อสร้างไปทำไมกันล่ะ?
“ประเด็นก็คือ พอถึงเวลาสักวันในอนาคต ตอนที่พวกเราเชี่ยวชาญวัสดุและเทคโนโลยีวิศวกรรมที่เป็นหัวใจหลักกันหมดแล้ว พวกเราก็ไม่ได้ตามหลังพวกเขาไกลหรอก” พอมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าของฟิลด์ก็เต็มไปด้วยความเศร้า เขาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “แต่ความเร็วในการก่อสร้างนี่เร็วเหลือเชื่อจริงๆ …ถ้ายังคงความเร็วการก่อสร้างในปัจจุบันได้ พวกเขาจะทำส่วนหลักของสถานีอวกาศทั้งหมดเสร็จอย่างช้าสุดก็ช่วงสิ้นปี”
ทั้งสองคนเงียบไป ดวงตาสองคู่มีแววอิจฉาฉายขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ถ้าในประเทศบ้านเกิดของพวกเขามีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่มาเกิดบ้างก็คงจะดี
ถึงถ้าพูดตามหลักแล้ว ลิฟต์อวกาศที่กำลังก่อสร้างนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์จากใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้นเพราะเขาคนนั้น
ฐานของหอคอยสูงนั้นสามารถตั้งอยู่บนวงโคจรพ้องคาบโลกได้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 22 เพราะการที่ผู้ชายคนนั้นตื่นขึ้นมา…
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังจะเริ่มฝันกลางวัน ยานอวกาศสีขาว-เงินก็โผล่ขึ้นมาในระยะสายตาพอดี
แวบแรกที่ฟิลด์เห็นยานนั้น เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จำไม่ได้ว่ามันเป็นยานอะไรไปช่วงหนึ่ง
จนเขารีบเดินกลับมาที่ระบบสังเกตการณ์แล้วเพ่งสายตามองที่จอโฮโลแกรมนั่นแหละ เขาถึงจำได้ว่ายานนั้นเป็นยานอะไร
มันคือยานลาดตระเวนฉินหลิ่ง
เป็นยานที่มีระบบพลังงานนิวเคลียร์และระบบควบคุมการยิงรุ่นล่าสุด เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในยานรบที่ทรงพลังที่สุดของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียนในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
“ฉินหลิ่งเหรอ…ทำไมพวกเขาถึงขับยานลาดตระเวนมาวงโคจรพ้องคาบโลกกันล่ะ?”
เห็นได้ชัดว่าจอห์นนี่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาก็จำชื่อของยานอวกาศได้ เขาเองก็รู้สึกว่าเหตุการณ์มันช่างมหัศจรรย์ไม่ต่างกัน
ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังประหลาดใจที่เห็นยานวิศวกรรมหนักสองลำออกจากฐานของสถานีอวกาศเนอร์วานาแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ยานลาดตระเวนลำนั้น
พอรู้ตัวว่าสหการพาน-เอเชียนอาจจะกำลังทำสิ่งสำคัญอยู่ ฟิลด์ก็ตัดสินใจขึ้นมาทันทีหลังจากคิดเสร็จ
“เล็งกล้องไปที่ระบบสังเกตการณ์!”
“อ้าว…แล้วลิฟต์อวกาศล่ะ?” จอห์นนี่ยังลังเลแล้วพูดต่อ “ภารกิจที่องค์การอวกาศอเมริกาเหนือมอบหมายมาให้ไม่ได้รวมถึงการสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียนนะ”
“ยานวิศวกรรมสองลำแยกตัวออกมาจากไซต์ก่อสร้างลิฟต์อวกาศ แล้วก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่ายานลาดตระเวนลำนี้เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศด้วยหรือเปล่า” ฟิลด์ว่าต่อ “ถ้าพวกคนเบื้องบนจะโทษใครล่ะก็ ผมรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างเอง!
ทำตามที่บอกเร็ว!”
…
“…นี่เป็นภารกิจที่แปลกที่สุดที่ผมเคยได้รับมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเลย”
พอมองภารกิจที่กำลังถูกเล่าแบบบรีฟตรงหน้า กัปตันเติ้งหยวนซูที่แม้จะมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม
ให้ร่วมมือกับนักวิชาการลู่ทำการทดลองเหรอ…
การทดลองประเภทไหนกันต้องใช้ยานลาดตระเวนที่มีเทคโนโลยีล้ำที่สุดของสหการพาน-เอเชียนมาช่วยกันล่ะ?
อย่างนี้ไปขอให้พวก ILHCRC ช่วยไม่ดีกว่าเหรอ?
“ถ้าจำไม่ผิด…เขาเป็นนักคณิตศาสตร์น่ะครับ” เสนาธิการฝ่ายบริหารที่อยู่ข้างๆ เขาก็มีสีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัดขณะเอ่ยขึ้นว่า “หรือว่าเขาจะ…เขาจะเริ่มศึกษาเรื่องอาวุธหรือเปล่า?”
“ผมก็ไม่รู้ บรีฟที่ให้มาก็ไม่ได้ระบุชัดด้วยว่าเป็นการทดลองประเภทไหน”
นิ้วชี้ของเติ้งหยวนซูสะบัดขึ้นในอากาศ เขาตัดสินใจเอาเรื่องบรีฟภารกิจนี้ไปเก็บก่อน “อย่างไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวพอเราเจอเขาตัวเป็นๆ เราก็จะเข้าใจเอง”
ในขณะที่เรือวิศวกรรมสองลำที่จอดอยู่กับยานฉินหลิ่ง กัปตันเติ้งที่ยืนอยู่ในห้องควบคุมยานก็ได้พบกับชายผู้มีฉายาว่านักวิชาการที่เก่งที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21
เติ้งหยวนซูเป็นฝ่ายเริ่มยื่นมือขวาออกมาก่อนในการแนะนำตัว
“สวัสดีครับ นักวิชาการลู่ ผมคือกัปตันยานฉินหลิ่งแห่งกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชีย คนนี้คือเสนาธิการฝ่ายบริหารของผม หลิวเจิ้งอี้ จากคำสั่งของผู้บังคับบัญชาของพวกเรา พวกเราจะต้องช่วยเหลือคุณตลอดการทดลองในภารกิจนี้”
เสนาธิการฯหลิวก็ยื่นมือขวาออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขาจับมือกับลู่โจวต่อจากกัปตัน
“สวัสดีครับ!”
“ยินดีที่ได้รู้จัก!”
ลู่โจวส่งยิ้มและพยักหน้าให้ทั้งสองคน หลังจากทักทายกันอย่างเรียบง่ายแล้ว ลู่โจวก็ปรับสีหน้าของตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเขาจึงอธิบายจุดประสงค์และข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการทดลองนี้ให้พวกกัปตันฟัง
ถึงช่วงแรกที่ฟังทฤษฎีไฮเปอร์สเปซที่ลู่โจวอธิบายมา กัปตันเติ้งจะยังงงๆ อยู่บ้าง แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจเสียทีว่าการทดลองทั้งหมดมันเกี่ยวอะไรกันแน่
โดยพื้นฐานเลยก็คือ ถ้าจะทดสอบการรบกวนความโค้งของกาลอวกาศโดยใช้เครื่องสั่นอนุภาคซี ลู่โจวจะต้องมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่สามารถเคลื่อนย้ายได้เสียก่อน
ในหมู่ยานหลายประเภทที่กองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียครอบครองนั้น หากไม่นับยานขนส่งยานอวกาศล่ะก็ ยานอีกเพียงลำเดียวที่ครบเงื่อนไขขั้นต่ำในการเริ่มใช้อุปกรณ์สั่นอนุภาคซีก็มีแค่ยานลาดตระเวนลำนี้เนี่ยแหละที่เป็นยานที่ติดตั้งด้วยเครื่องปฏิกรณ์ที่ควบคุมได้ระบบมาตรฐาน
เอาจริงๆ แล้ว ถึงแม้เติ้งหยวนซูจะสนใจเรื่องการนำทางไฮเปอร์สเปซของลู่โจวเอามากๆ แถมเขายังเต็มใจฟังคำสั่งและให้ความร่วมมือกับการทดลอง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังลังเลอยู่เล็กน้อยก็คือ การที่ลู่โจวกับอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ต้อง ‘ทำการดัดแปลง’ ยานลำนี้ในระดับมหาศาล
เขาทำงานบนยานอวกาศลำนี้มาหลายปีแล้ว มันเป็นเหมือนบ้านของเขา…
“ดัดแปลงเหรอครับ…ผมหวังว่าคุณจะคิดดีๆ แล้วนะ” เสนาธิการฯหลิวว่า เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงจริงจังขณะยืนอยู่ข้างกัปตัน “การถอดระบบอาวุธและระบบเกราะป้องกันชั้นนอกออกไม่ใช่แค่การดัดแปลงยานฉินหลิ่งเฉยๆ นะครับ มันเท่ากับการเปลี่ยนยานลาดตระเวนลำนี้เป็นยานขนส่งลำใหญ่เลย! ต่อให้คุณติดตั้งสิ่งที่ถอดออกไปหลังจากที่ทดลองเสร็จ ความสามารถในการรบของยานลำนี้ก็จะถูกลดลงไปอย่างมาก คุณเข้าใจที่ผมกำลังสื่อไหมครับ?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ผมเข้าใจดีครับ แต่การทดลองนี้ก็สำคัญมากๆ มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่ายานอวกาศ…หรือทั้งกองทัพเลยด้วยซ้ำ”
“ทำไมคุณถึงต้องถอดชิ้นส่วนอุปกรณ์ออกด้วยล่ะ?” กัปตันเติ้งถามขณะมองตรงไปทางลู่โจว “ยิ่งส่วนระบบเกราะป้องกันภายนอกนั่น ซึ่งหลายๆ ส่วนในนั้นก็ใช้เทคโนโลยีเชื่อมอินทิกรัล ซึ่งไม่ใช่แค่ถอดออกมายาก แต่ติดตั้งกลับเข้าไปก็ยาก แถมยังสร้างความเสียหายกับตัววัสดุเองด้วย พวกเราแค่เอาระบบอาวุธออกแต่ยังเก็บระบบเกราะป้องกันไว้ไม่ได้เหรอ?”
“ขอโทษด้วยครับ แต่เกรงว่าจะทำไม่ได้” ลู่โจวส่ายหัวแล้วอธิบายขึ้นมา “ช่องทางไฮเปอร์สเปซเป็นสิ่งที่มีข้อห้ามเคร่งมาก ถ้ามันไม่ได้เชื่อมกับระบบพลังงานที่ใหญ่กว่าล่ะก็ การย้ายน้ำหนักปัจจุบันไปยังยานฉินหลิ่งก็ทำได้ยากครับ”
นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ลู่โจวไม่ได้บอก
ถึงจะมีความหวังว่าจะสามารถเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซได้ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม แต่มันก็ยังมีผลที่ตามมาที่คาดการณ์ไม่ได้อยู่ดี
ในเมื่อสิ่งนี้เกินขอบเขตการคำนวณไปแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดการณ์ผลโดยใช้หลักคณิตศาสตร์
ถ้าหากสถานการณ์ออกมาไปได้ดี มันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปในช่องทางนั้น หรือถ้าพวกเขาเข้าไปในช่องทางได้จริงๆ พวกเขาก็จะกระโดดออกมาในจุดสุ่ม
ส่วนถ้าสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปได้ดีล่ะก็…
พวกเขาอาจจะไม่ได้ออกจากช่องทางนั้นเลยก็ได้
กัปตันเติ้งถามต่อ “คุณมั่นใจในการทดลองนี้มากแค่ไหนครับ?”
“ถามคำถามนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์” ลู่โจวส่ายหัวแล้วตอบให้ “ผมเชื่อในการคำนวณของตัวเอง ถ้าผมไม่มั่นใจ 100% จริง ผมคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก คำถามตอนนี้ก็คือ คุณจะเชื่อในผลการวิจัยของผมหรือเปล่า”
พอได้ยินดังนี้แล้วกัปตันเติ้งก็เงียบไป
แล้วประมาณห้าวินาทีต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองลู่โจว และคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะตัดสินใจครั้งใหญ่ได้แล้ว เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมมักจะได้ยินคนพูดกันว่าคุณคือนักวิชาการที่เก่งที่สุดบนดาวดวงนี้ ผมเชื่อว่าคำบอกเล่านี้ไม่ได้มาจากแค่สติปัญญาของคุณ แต่ยังมาจากความแม่นยำในวิทยาศาสตร์ของคุณด้วย”
“ขอบคุณที่เชื่อกันนะครับ” ลู่โจวเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ผมรับรองเลยว่าผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
พอได้ยินลู่โจวสัญญาดังนี้ กัปตันเติ้งก็ผงกหัวเล็กๆ
เขาหันหลังกลับไปเจอสายตาประหลาดใจของลูกเรือหลายคนข้างๆ เขาเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นแล้ว…”
“ผมขอให้สิทธิในการควบคุมยานฉินหลิ่งแก่คุณครับ!”
…………………………………………………….