Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1603 ความเร็วระดับการวาร์ป!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1603 ความเร็วระดับการวาร์ป!
ในขณะที่ยานวิศวกรรมสองลำผสานเข้าด้วยกัน การดัดแปลงยานฉินหลิ่งก็เริ่มขึ้น
ลูกเรือมองดูภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวดในใจ เกราะป้องกันและโลหะผสมไทเทเนียมที่เคลือบส่วนนอกของยานอวกาศถูกโละออกไปทีละส่วนๆ เครื่องยิงมิสไซล์และเครื่องยิงป้องกันเป็นจุดที่แขวนอยู่บนยานอวกาศก็ถูกเอาออกไปเช่นกัน
ถ้าเมื่อก่อนยานของกัปตันเติ้งหยวนซูเป็นสิงโตที่มีเขี้ยวเล็บ ตอนนี้ยานลำนั้นก็กลายเป็นไก่ที่เพิ่งถูกถอนขนไปแล้ว ยานทั้งลำเป็นเหมือนกับยานขนส่งสินค้าลำใหญ่ธรรมดาๆ
ถ้าไม่นับว่ายังมีเครื่องยนต์พลาสมาขนาดมหึมากับเครื่องยนต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ระดับ GW ที่เทียบได้กับยานบรรทุกยานอวกาศแล้วล่ะก็ ยานอวกาศลำนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรเด่นหลงเหลืออยู่แล้ว
กัปตันเติ้งหยวนซูกำลังยืนอ่านลิสต์อุปกรณ์ที่ถูกถอดออกอยู่ในห้องสังเกตการณ์ ณ ท่าอวกาศของวงโคจรพ้องคาบโลก ใบหน้าของเขาฉายอารมณ์ของคนที่พูดอะไรไม่ออก
ถึงจะมีคนเกลี้ยกล่อมให้เขาทำแบบนี้แล้วก็ตาม แต่พอได้เห็นยานลำที่เขารักเหมือนลูกถูกแยกชิ้นส่วน มันก็ปวดใจไม่ใช่น้อย
ในตอนนั้นประตูอัลลอยด้านข้างก็เปิดออก ชายในชุดทหารเดินเข้ามา
“หัวหน้าที่ปรึกษาหยาง?”
เติ้งหยวนซูมองไปทางหยางอู๋ที่เดินเข้ามาในแคปซูลอวกาศ ใบหน้าของเติ้งหยวนซูแสดงท่าทีแปลกใจ เขาเป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อน “คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”
“ท่านผู้การส่งผมมาสังเกตการณ์ที่นี่” หยางอู๋ส่งยิ้มให้ขณะมองกัปตันเติ้งหยวนซูที่เริ่มคุยกับเขา เขาถามต่อ “สถานการณ์ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง? ปฏิบัติการราบรื่นดีไหม?”
“ผมก็ไม่ใช่นักฟิสิกส์เลยไม่ทราบครับ” เติ้งหยวนซูส่ายหัวแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ถึงผมจะยืนมองอยู่ข้างๆ ผมก็แค่ได้ดูเพื่อความสนุกเฉยๆ ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน”
“จริงเหรอ? แล้วพวกอุปกรณ์นี่คือ? ถอดออกหมดเลยเหรอ?”
พอได้ยินอีกฝ่ายทัก หน้าของกัปตันเติ้งก็กระตุก เขาพยักหน้าด้วยความเจ็บปวด
“ครับ…ถอดหมดแล้ว”
หยางอู๋ยิ้มแล้วพยักหน้าเช่นกัน
“ดำเนินการเร็วดีนี่”
พอเห็นคนที่ยืนตรงหน้า กัปตันเติ้งอ้าปาก แต่ยังลังเลไม่กล้าพูดอะไร สุดท้ายเขาก็กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“ทีมบัญชาการยอมให้เขายืมยานลาดตระเวนที่มีระบบมิสไซล์ติดตามที่ล้ำที่สุดเพื่อให้เขาเอาไปใช้ทำการทดลองจริงๆ เหรอครับ? ผมหมายถึงว่าถึงขนาดต้องทำการทดลองที่แลกมาด้วยการเสียยานรบคุณภาพดีไปลำหนึ่ง…มันสมควรแล้วจริงๆ เหรอครับ?”
หยางอู๋ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับคำถามของเติ้งหยวนซู
เขาเดาไว้ก่อนจะมาถึงแล้วว่ากัปตันจะต้องถามอะไรแบบนี้
เขาเหลือบไปมองยานฉินหลิ่งซึ่งดัดแปลงใกล้จะเสร็จแล้ว พร้อมกับถามกลับไปว่า “คุณคิดจริงๆ เหรอว่ามีกองกำลังการบินและอวกาศอื่นในโลกนี้ที่สู้กับพวกเราไหว?”
พอได้ยินคำถามกัปตันเติ้งหยวนซูก็เงยหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ผมแน่ใจครับว่าอย่างน้อยในระบบสุริยะนี้ ไม่มีใครสามารถสู้เราได้แน่นอน!”
หยางอู๋ยิ้มแล้วพยักหน้าเช่นกัน เขาเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล “ใช่แล้วล่ะ ในเมื่อพวกเราไม่มีใครให้สู้ด้วยอยู่แล้ว ทำไมพวกเราถึงยังพัฒนาอาวุธอยู่ทุกปีๆ ขยายขนาดกองทัพชุดแรก และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการต่อสู้อยู่ตั้งนานล่ะ?”
คำตอบของคำถามก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
พอได้ยินคำถามแปลกๆ นี้ เติ้งหยวนซูก็ต้องคิดคำตอบไปพักหนึ่ง
หยางอู๋เหมือนจะรู้คำตอบในใจอยู่แล้ว เขาเอามือไขว้หลังและเดินตรงไปที่หน้าต่างทรงกลม จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงใจเย็น “เรื่องมันเริ่มตั้งแต่เมื่อราวห้าสิบปีก่อน หรือย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเมื่อร้อยปีก่อนด้วยซ้ำ พวกเราสร้างกองทัพกองบินและอวกาศให้ติดอาวุธพร้อมสู้กับอารยธรรมนอกโลกที่พวกเราจินตนาการว่าจะเป็นศัตรูของเรา เป้าหมายของเราในตอนแรกนั้นอยู่นอกระบบสุริยะ”
“ชะตาชีวิตของทุกคนที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ถูกผูกไว้ด้วยกันแล้ว”
“แล้วทำไมเราถึงมาทำการทดลองนี้บนวงโคจรพ้องคาบโลก แทนที่จะขับยานอวกาศไปทำการทดลองที่สถานีอวกาศเลอเกรนจ์หรือไม่ก็ที่ดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ไกลกว่าดาวอังคารล่ะ?”
“เรียกว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกที่เราคุ้นเคยให้ไปอีกทางเลยก็ว่าได้ มันจะช่วยเพิ่มขอบเขตการค้นหาพื้นที่ที่พวกเราไม่เคยนึกถึงมาก่อน”
“ถ้านักวิชาการลู่ทำสำเร็จและสามารถหาวิธีก้าวผ่านความเร็วแสงได้จริงๆ ผมบอกคุณได้อย่างมั่นใจว่า ต่อให้เอายานอวกาศทั้งกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียมารวมกันก็ยังไม่มีความสำคัญเท่ากับสิ่งที่เขาทำสำเร็จในวันนี้”
“พอถึงตอนนั้นแล้วธงของพวกเราก็จะไปโผล่บนดาวเคราะห์รอบระบบสุริยะที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับโลก รอยเท้าของพวกเราจะปรากฏไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่มีอะไรจะมาหยุดรั้งพวกเราไว้ได้”
หยางอู๋มองไปที่กัปตันเติ้งหยวนซูที่ยังเงียบกริบ เขาเอื้อมมือไปตบบ่าอีกฝ่าย แล้วก็เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องปัจจุบัน คุณลองคิดถึงอนาคตดูดีกว่า”
“พอการทดลองเสร็จ ถ้าเขาทำสำเร็จ…ผมเชื่อว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไปแน่!”
…
การดัดแปลงยานเสร็จอย่างรวดเร็ว
ปริมาตรของตัวเครื่องสั่นอนุภาคซีไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แถมยังมีน้ำหนักเบาด้วย
แตกต่างจากเวอร์ชันแรกสุดที่ลู่โจวทำที่บ้าน
เครื่องสั่นอนุภาคซีเวอร์ชันเสร็จเรียบร้อยนี้ถูกสร้างขึ้นมาจนสำเร็จโดยอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ที่ใช้อุปกรณ์ผลิตแม่เหล็กกับแบรกเก็ตโลหะผสมไทเทเนียมน้ำหนักเบามากรุ่นล่าสุด เครื่องรุ่นนี้มีการพัฒนาเฉพาะจุดขึ้นมา ซึ่งจากเวอร์ชันต้นแบบที่ลู่โจวเป็นคนเสนอ
และถ้ามองด้านความสามารถในการเปลี่ยนแปลงความโค้งของกาลอวกาศแล้ว เวอร์ชันนี้ทำได้ดีกว่าเวอร์ชันทดลองมาก…
ณ ห้องควบคุมของยานฉินหลิ่ง
หลังจากเหลือบมองตัวบอกเวลาบนจอโฮโลแกรม กัปตันเติ้งหยวนซูที่เงียบผิดปกติตั้งแต่ขึ้นยานมาก็พูดขึ้นว่า
“การเดินทางผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซเป็นอย่างไรครับ?”
ลู่โจวที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบคำถามให้ “ผมเองก็ไม่ทราบ เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครลองเข้าไปเลยครับ”
เสนาธิการฯหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ กัปตันเติ้งอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ถ้าคุณเข้าไป…แล้วออกมาไม่ได้ล่ะครับ?”
ลู่โจวอธิบาย “ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องนั้นมีน้อยมากๆ พอเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซแล้ว มันจะเกิดช่องปลายทางสองช่องในอวกาศอย่างแน่นอน ส่วนถ้ามีเหตุการณ์แบบที่คุณเข้าไปหรือออกไปไม่ได้จริงๆ ล่ะก็…”
หลิงเจิ้งอี้กลืนน้ำลายแล้วถามอย่างเป็นกังวล “จะเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ” ลู่โจวส่ายหน้า “บางทีคุณอาจจะไปโผล่ในโลกคู่ขนานหรือเปล่า? หรือจะเข้าไปโผล่ในเดอะวอยด์เหนือกาลเวลากันล่ะ? อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่น่าไปโผล่ในจักรวาลปกติแน่ๆ ”
จนถึงตอนนี้นั้นทฤษฎีจักรวาลคู่ขนานก็ยังเป็นสมมุติฐานที่ไม่สามารถพิสูจน์หรือหักล้างได้ บทสรุปเดียวที่ได้มาจากการคำนวณของวงการฟิสิกส์เชิงทฤษฎีในวันนี้ก็คือ จักรวาลเป็นมิติที่ทับซ้อนกัน n-มิติ เหมือนบอลกระดาษห่อก้อนกลมๆ
ถ้าถามว่ายังมีบอลกระดาษคล้ายๆ กันในอวกาศมิติ n+1 อีกไหม ก็ยังไม่มีใครทราบ
หากพูดกันจริงๆ แล้ว ช่องทางไฮเปอร์สเปซจะเจาะหลุมในอวกาศมิติ n+1 และจะใช้จุดตรงนั้นในจักรวาลข้ามไปสู่อีกจุดได้โดยตรงผ่านพื้นผิวที่โค้ง
ถ้าหากจักรวาลคู่ขนานมีอยู่จริงแล้วล่ะก็ ตอนพวกเขาข้ามผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซ อาจจะกลายเป็นกระโดดข้ามไปจักรวาลคู่ขนานก็ได้
ลู่โจวมองลูกเรือแต่ละคนที่ดูทำสีหน้าไม่สู้ดี เขายิ้มให้คนอื่นๆ แล้วเอ่ยปลอบใจ “ไม่ต้องห่วงครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะยืนอยู่ข้างทุกคนจนกว่าการทดลองนี้จะจบนั่นแหละ”
จากมุมมองของลู่โจว เขาก็ว่าประโยคนี้มันปลอบใจได้ดีแล้วนะ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดคิดว่าพอเขาเอ่ยประโยคนั้นจบ กัปตันเติ้งจะไม่เห็นด้วยอย่างมาก
“ไม่ได้นะครับ” เติ้งหยวนซูเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังขณะมองลู่โจว “คุณเป็นหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศ ถ้าพวกเราจะเป็นอะไรไปก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา มันจะส่งผลกับ…”
“ผมบอกไปตั้งหลายรอบแล้วนะว่าผมเป็นหัวหน้าที่ปรึกษา” ลู่โจวถอนหายใจแล้วว่าต่อ “แล้วก็ยังมีอีกเรื่อง พวกคุณจะมาบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ ไม่ได้หรอก ชีวิตทุกคนมีค่ากันทั้งนั้น ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตของผมมีค่ามากกว่าของคนอื่นๆ ถ้าผมไม่มั่นใจจริง การทดลองนี้คงไม่เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรก”
พอเห็นว่าลู่โจวไม่สนใจคำพูดเกลี้ยกล่อมของเรา เติ้งหยวนซูก็อยากจะพูดอะไรขึ้นมา แต่ตอนนั้นเอง ลูกเรือก็เดินเข้ามาจากด้านนอกห้องควบคุม เขาเดินตรงมายืนข้างหน้ากัปตัน แล้วเอ่ยรายงานพร้อมทำท่าวันทยหัตถ์ชัดเจน
“ท่านครับ! เปิดเครื่องปฏิกรณ์สำเร็จแล้ว ตอนนี้เครื่องกำลังทำงานด้วยประสิทธิภาพ 10% การเตรียมพร้อมสำหรับล็อกพร้อมแล้วทุกอย่างครับ จะเริ่มเปิดใช้งานอุปกรณ์ตอนไหนก็ได้ครับ!”
“ทำได้ดี”
เขาพยักหน้าให้ลูกเรือ แล้วหันกลับไปมองลู่โจวอีกรอบ หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง กัปตันเติ้งก็ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา “การเตรียมการทดลองเสร็จแล้ว คุณแน่ใจนะครับว่าคุณจะอยากอยู่ตรงนี้กับพวกเรา?”
ลู่โจวพยักหน้าและยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้คือช่วงเวลาที่จะได้เห็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กับตา ในฐานะผู้นำโปรเจกต์นี้ถ้าผมไม่เห็นตอนจบของมันด้วยตาตัวเองก็เสียดายแย่เลย”
เติ้งหยวนซูทัก “ถ้าคุณยอมกลับไปอยู่แนวหลังแล้วนั่งดูพวกเราที่อยู่แนวหน้านำชัยชนะมาให้คุณได้ ความกดดันที่พวกเรามีคงลดลงไปได้สักครึ่งหนึ่งแล้วครับ”
ลู่โจวมองเขาด้วยสายตาให้กำลังใจแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลมากหรอกครับ แค่พริบตาเดี๋ยวพวกเราก็จะได้เห็นดาวเคราะห์สีแดงเพลิงนั่นแล้ว”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”
กัปตันเติ้งแอบถอนหายใจเงียบๆ ในหัว พอเห็นว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมชายผู้ยิ่งคนนี้ได้เลย เขาเลยต้องยอมแพ้แล้วเปลี่ยนไปสนใจอินเตอร์เฟสคำสั่งที่อยู่ตรงหน้าเขาแทน
ใบหน้าของเติ้งหยวนซูกลับมาจริงจังอีกครั้ง เขาออกคำสั่งต่อสู้ด้วยเสียงเคร่ง ราวกับกำลังจะเข้าสู่สนามรบ
“ทุกคนบนยานจงฟังทางนี้ เข้าประจำการตำแหน่งได้!”
“ทำตามเป้าหมายได้เลย!”
………………………………………………………………..