Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1605 โลกที่ห่างออกไปนับปีแสง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1605 โลกที่ห่างออกไปนับปีแสง
ไม่ได้มีแค่องค์การอวกาศอเมริกาเหนือที่สังเกตการณ์ฉากประวัติศาสตร์นี้
กลุ่มพันธมิตรประจำพื้นที่ทั่วมุมโลกที่มีหน่วยงานด้านการบินและอวกาศแทบจะทุกกลุ่ม หรือแม้กระทั่งกลุ่มองค์กรที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอวกาศเท่าไรก็ยังได้เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาอันน่าอัศจรรย์นี้
ณ สหภาพสลาฟ
ศูนย์บัญชาการกองทัพการบินและอวกาศ
ผู้บัญชาการโรคอฟมองรายงานจากหน่วยข่าวกรองที่รับใช้สำนักงานใหญ่โดยตรง เขายืนอยู่ในห้องบัญชาการ สีหน้าของเขาฉายแววคนที่ไม่อยากจะเชื่อข่าวที่ได้รับมา เขาไม่พูดอะไรออกมาอยู่พักใหญ่
จนเขาอ่านรายงานบนจอโฮโลแกรมเป็นรอบที่สองนั่นแหละ เขาถึงกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงของคนที่รู้สึกทึ่ง
“บินด้วยความเร็วกว่าแสงข้ามระยะทาง 120 ล้านกิโลเมตรได้ภายในเวลา 5 นาที…มีรายละเอียดตรงไหนผิดพลาดหรือเปล่านะ? อย่างเช่นมียานอวกาศสองลำ…”
“ท่านพลเอกครับ” ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ โรคอฟคือพันตรีวิเซนอฟที่เอ่ยด้วยเสียงจริงจัง “ลูกน้องของผมเต็มใจจะเอายศทหารของตัวเองเป็นเดิมพันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาพูดคือสิ่งที่พวกเขาเห็นมาจริงๆ ครับ”
ทั้งห้องบัญชาการตกอยู่ในความเงียบ
โรคอฟมองรายงานฉบับย่อบนจอโฮโลแกรม เขาถึงกับพูดไม่ออก
ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพการบินและอวกาศของสหภาพสลาฟ ไม่มีใครจะรู้เรื่องคุณค่าทางแผนกลยุทธ์ของเทคโนโลยีนี้ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ถ้ายานอวกาศทุกลำของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียติดตั้งเทคโนโลยีกันหมดล่ะก็ อุปสรรคจำพวกระยะทางในการเดินทางกับเส้นทางขนส่งเสบียงก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
พวกเขาสามารถไปโผล่ในมุมไหนของระบบสุริยะตามที่ตัวเองต้องการก็ได้ เป็นความสามารถทางกลยุทธ์ที่สามารถควบคุมพื้นที่ในระบบสุริยะได้ทุกที่ ถ้าจะเปรียบเทียบให้มีพลังเท่ากัน มันจะต้องใช้ท่าเทียบยานอวกาศ อย่างน้อย 30 ท่าที่มีขนาดเท่ากับสถานีอวกาศเลอเกรนจ์ และกองกำลังอวกาศอย่างน้อย 10 กองที่มีขนาดเท่ากับกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียเลยทีเดียว
ตอนนี้พาน-เอเชียสามารถพึ่งแค่สถานีอวกาศเลอเกรนจ์อย่างเดียวก็รักษาอำนาจควบคุมทางการทหารทั่วระบบสุริยะได้แล้ว
จะเป็นเรื่องลิฟต์อวกาศหรือฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง พออยู่ต่อหน้าเทคโนโลยีที่ทรงพลังมากขนาดนี้ เรื่องที่เหลือก็กลายเป็นไม่สำคัญไปเลย…
พอคิดได้ว่าปัญหานี้หนักหนามากแค่ไหน ผู้บัญชาการโรคอฟที่หายช็อกแล้วก็สั่งการกับเสนาธิการฝ่ายบริหารที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาทันที
“เรื่องนี้เกินขอบเขตที่พวกเราจะจัดการได้แล้ว”
“รีบรายงานข่าวนี้ให้มอสโกทันที! ให้ท่านประธานรู้สถานการณ์ตอนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
…
ในขณะเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่ของสหการพาน-เอเชียน
เสียงอุทานดังมาจากออฟฟิศของท่านประธาน
“ทำได้ดีมาก!”
หลี่กวงหยาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ออฟฟิศขณะที่มือทั้งสองข้างยังวางอยู่บนโต๊ะ เขาเดินวนรอบออฟฟิศไปหลายรอบด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข จนสุดท้ายเขาก็หยุดเดินและกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
เขาเอ่ยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์เปรมปรีดิ์อย่างไม่ปิดบัง
“นักวิชาการลู่นี่พาเซอร์ไพรส์ที่เราไม่คาดคิดมาให้พวกเราตลอดเลยนะ!”
ความเร็วที่เร็วกว่าแสง…
ถ้าให้พูดตามตรง ก่อนที่ลู่โจวจะตื่นขึ้นมา หลี่กวงหยาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้เห็นเทคโนโลยีนี้ในช่วงชีวิตของตัวเอง หลังจากที่มีการแก้ปัญหาสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ ทั่วทั้งวงการวิชาการก็กำลังคุยกันว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสงขึ้น หลี่กวงหยาเองก็เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้นั้นขึ้นมาเหมือนกัน
แต่พอไปปรึกษากับศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่า เขาเลยแทบจะโยนเรื่องนั้นทิ้งไปแล้ว
ไม่มีใครคิดว่าเรื่องต่างๆ มันจะพลิกกลับได้ไวขนาดนี้
ในตอนที่เขาแทบจะไม่มีหวังแล้วนั้นเอง ลู่โจวกลับนำเซอร์ไพรส์อันยิ่งใหญ่มาวางด้านหน้าเขาตรงๆ ตอนที่สถานีอวกาศเลอเกรนจ์รายงานข่าวดีให้เขาฟัง เขาแทบจะเป็นลมสลบไปจากความตื่นเต้น
จริงๆ หลี่กวงหยาก็มองเห็นภาพอนาคตได้ว่า พอเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสงมีการพัฒนาแล้ว พลังอำนาจในการควบคุมที่พาน-เอเชียนมีต่อชุมชนดาวอังคารนั้นจะเพิ่มมากขึ้น และความทะเยอทะยานที่เขามีต่อดินแดนที่อยู่ไกลกว่าแถบดาวเคราะห์น้อยจะไม่ใช่แค่ฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป
เขาไม่จำเป็นต้องรอถึง 100 ปีที่จะได้เห็นภาพยานอวกาศบินพาเปลวไฟแห่งอารยธรรมไปสู่โลกที่ห่างออกไปนับปีแสง
แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้อะดรีนาลีนเขาพลุ่งพล่านแล้ว
เหว่ยซงมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยสุข เขากำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะแล้วถามออกมาด้วยเสียงสั่นจากอาการช็อก
“พวกเราต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไหมครับท่าน? หรือจะเลื่อนการเปิดเผยข้อมูลไปก่อน?”
หลี่กวงหยาใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะเบาๆ เขากลับไปนั่งที่เก้าอี้ คิดอยู่แค่สองสามวินาทีก็ตัดสินใจได้
“ไม่จำเป็นหรอก ปล่อยข้อมูลออกสาธารณะได้เลย”
“แต่ปฏิกิริยาของพวกชุมชนนานาชาติจะ…”
“พวกเขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขาเถอะ ผมไม่เคยคิดจะปิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” หลี่กวงหยาพูดต่อด้วยรอยยิ้มบางๆ “อีกอย่างนะ ยานสงครามลำขนาดนั้นหายไปจากเรดาร์ แล้วอยู่ๆ ก็ไปโผล่ในวงโคจรดาวอังคารที่อยู่ห่างออกไป 100 ล้านกิโลเมตร ถ้าพวกเขาไม่ใช่คนตาบอดหรือคนโง่ อย่างไรก็ต้องสงสัยแน่นอน”
ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ก็เปิดเผยให้สาธารณชนรู้ไปเลยดีกว่าต้องมาเก็บซ่อน
พอได้ยินข่าว คนที่กำลังมองสหการพาน-เอเชียนด้วยสายตาอิจฉาริษยาก็มีสีหน้าที่แปลกไปกว่าเดิม…
…
ในขณะที่นานาชาติกำลังเดือดพล่านที่ยานอวกาศลำหนึ่งจู่ๆ ก็หายไปจากระบบโลก-ดวงจันทร์แล้วไปโผล่พรวดที่วงโคจรดาวอังคาร สหการพาน-เอเชียนก็รีบจัดงานแถลงข่าวรายงานทันที
ยานลาดตระเวนฉินหลิ่งที่เดินทางออกจากท่ายานอวกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนได้ทำการเดินทางความเร็วกว่าแสงสำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โดยใช้เครื่องยนต์วาร์ปที่ถูกพัฒนาและออกแบบโดยนักวิชาการลู่ การวาร์ปครั้งนี้มีระยะทาง 100 ล้านกิโลเมตรภายในระยะเวลา 5 นาที
พอประกาศข่าวนี้ออกไป สำนักข่าวทุกสำนักต่างเงียบอย่างผิดปกติไปชั่ววินาที แล้วจากนั้นเสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วทั้งงานแถลงทันที ราวกับมีคนเพิ่งกดระเบิด
พอพวกผู้สื่อข่าวในงานได้ยินดังนั้น พวกเขาก็กระเสือกกระสนพาร่างตัวเองให้เข้าใกล้โพเดียมของโฆษกมากที่สุด ราวกับว่าพวกเขากลายเป็นบ้าไปแล้ว
ส่วนผู้สื่อข่าวที่ยืนอยู่ห่างออกไปนิดหน่อยก็ไม่ได้เลือกที่จะเอาร่างตัวเองมาเบียดเสียดกับคนที่เหลือ พวกเขากลับเลือกที่จะอ้าปากตะโกนถามคำถามแทน ความเป็นระเบียบ มารยาทสื่อ สิ่งพวกนี้ถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว
ถึงจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยรักษาความสงบในงานไว้ แต่สถานการณ์ตรงหน้าพวกเขาก็ออกจะบ้าคลั่งแทบจะเกินควบคุมได้แล้ว…
“เร็วกว่าแสงเหรอคะ?! คุณแน่ใจจริงๆ เหรอคะ?”
“ไม่ใช่ว่านักวิชาการลู่เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศเหรอครับ? แล้ววาร์ปไดรฟ์คืออะไรครับ?”
“ขอโทษนะคะ การวิจัยความเร็วกว่าแสงนี่เริ่มตั้งแต่เมื่อไรเหรอคะ?”
“เทคโนโลยีนี้ได้รับเงินทุนจากทางทหารหรือเปล่าครับ? ประชาชนทั่วไปจะได้ใช่ไหมครับ?”
ในระหว่างที่โฆษกขององค์การอวกาศกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ดูหิวกระหาย ข่าวเรื่องนี้ก็เล็ดลอดออกไปจากงานแถลงข่าว โดยพุ่งตรงเข้าโลกอินเทอร์เน็ตไปเรียบร้อย
จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง หรือเรื่องคนที่เป็นผู้วิจัยเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง ก็เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจกันอย่างไม่ต้องสงสัย
ข่าวเรื่องเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าความเร็วกว่าแสงแพร่กระจายไปเหมือนไวรัสทั่วอินเทอร์เน็ต แทบจะเหมือนสึนามิที่กวาดล้างไปทั่วทุกมุม
โดยเฉพาะในฟอรั่ม LSPM โพสต์การพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีจนล้นหน้าจอแล้วด้วยซ้ำ
ทั้งคนในวงการและนอกวงการวิชาการต่างก็ตกตะลึงกับข่าวที่จู่ๆ ก็ปล่อยมา
ผู้เชี่ยวชาญและนักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีแทบทุกคนในวงการวิศวกรรมการบินและอวกาศสนใจอยู่แค่เรื่องเดียวในตอนนี้
ซึ่งก็คือ…
เขาทำได้อย่างไรกัน?!
………………………………………………….