Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1606 แพ้เขาไปก็ไม่น่าอายหรอก
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1606 แพ้เขาไปก็ไม่น่าอายหรอก
“ยอดเยี่ยมไปเลย…”
ณ สถาบันฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของสถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียน
พอดูข่าวบนจอโฮโลแกรมเสร็จ ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าที่หายช็อกแล้วก็ถอนหายใจเล็กๆ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเจืออารมณ์ทึ่ง “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาทำไปแล้วจริงๆ …”
เมื่อไม่นานมานี้ประธานหลี่กวงหยาถึงกับมาที่นี่เองเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในสถาบันเรื่องความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง
ศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าจำได้ดีว่าตัวเองมีมุมมองแง่ลบกับการวิจัยขั้นลึกของเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอกที่มองในแง่ลบแบบนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ในสถาบันก็คิดแบบเดียวกัน
ถึงพวกเขาจะเชี่ยวชาญเรื่องวิธีการเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซ แต่ก็ยังไม่พบวิธีไหนที่เหมาะกับการทำให้ช่องทางนั้นเสถียรเลย อีกอย่างก็คือการเปิดช่องทางแต่ละครั้งต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาลมาก ดังนั้นการพยายามสร้างวิธีนำทางไปโลกที่อยู่ห่างออกไปนับปีแสงแบบเต็มรูปแบบจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าทำได้จริงสักเท่าไร
แต่…
ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะทำพลาดไปเสียแล้ว
ศาสตราจารย์ห่าวเจ๋ออวี่ยังคงสีหน้าแบบเดิมเอาไว้ เขายืนถอนหายใจเบาๆ อยู่ในออฟฟิศ แล้วก็ส่ายหัวพลางพูดออกมา
“ก็นะ ใครจะไปคิดล่ะ? เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนพวกเราคุยเรื่องนี้กับคณบดี พวกเราก็ได้บทสรุปแบบเป็นเอกฉันท์แล้ว ว่าถึงแม้นิพจน์ของสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีจะได้รับการพิสูจน์แล้วก็จริง แต่ทฤษฎีก็ยังไม่สามารถนำไปปรับใช้จริงได้ภายในระยะเวลาอันสั้น…ไม่คิดเลยว่าผ่านไปไม่ทันไรก็โดนพิสูจน์แล้วว่าตอนนั้นคิดผิด”
ไม่มีใครคาดคิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน
ไม่มีใครคิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ถ้ากำแพงกั้นที่ชื่อว่าแสงยังหยุดเขาไม่ได้ แล้วอะไรจะหยุดเขาได้อีกล่ะ?
ทันใดนั้นศาสตราจารย์ลู่เหวินเหม่าก็นึกถึงเรื่องที่อยู่ในข่าวขึ้นมาได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงวางแผนจะไปเยือนเทาเซติ
ปริศนาทุกอย่างบนโลกนี้สำหรับเขาคนนั้นแล้วไม่คู่ควรนับว่าเป็นปริศนาเลย แม้กระทั่งคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ก็ดูจะไม่มีความหมายอะไรกับเขา
ในมุมมองของอัจฉริยะ บางทีคงจะมีแต่โลกที่อยู่ห่างออกไปปีแสงเท่านั้นแหละที่จะสามารถดับความกระหายต่อความรู้ในจักรวาลและความจริงทั้งปวงได้…
ความรู้สึกของสองศาสตราจารย์อย่างลู่เหวินเหม่าและห่าวเจ๋ออวี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างทั่วไปของคนในวงการวิชาการสหการพาน-เอเชียนเท่านั้น ทุกคนต่างก็ช็อกกับความสำเร็จ ‘120 ล้านกิโลเมตรภายในเวลา 5 นาที’ ของยานฉินหลิ่ง
ในวันที่สองหลังจากการแถลงข่าวของสหการพาน-เอเชียนจบลง สำนักงานใหญ่ของ ILHCRC ก็จัดงานสัมมนาเรื่องทฤษฎีไฮเปอร์สเปซกับสมการคลื่นอนุภาคซีขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 10 งาน โดยมีนักวิชาการแนวหน้าในวงการที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเป็นผู้สัมมนา
ส่วนเรื่องหัวข้อที่ศึกษากันก็ต้องเป็นเรื่องงานวิจัยที่ลู่โจวเคยตีพิมพ์ใน LSPM มาก่อน
“เห็นได้ชัดว่ามีการประเมินค่าต่ำไปอย่างแน่นอน”
หลังจบงานสัมมนาประธานคนปัจจุบันของ ILHCRC ก็เอ่ยต่อไปด้วยเสียงเสียดายต่อหน้ากลุ่มผู้สื่อข่าวจากคอลัมน์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
“เมื่อตอนหัวข้อเรื่องนั้นได้รับการตีพิมพ์ ถึงพวกเราจะทำวิจัยอย่างละเอียดในหัวข้อนั้น แต่พวกเราก็ไม่ได้สนใจมันมากพอครับ ถึงงานวิจัยทฤษฎีไฮเปอร์สเปซกับอนุภาคซีจะเป็นงานวิจัยที่มีความสำคัญมากต่อทิศทางของฟิสิกส์ แต่ก็ยังมีหัวข้ออีกมากมายที่สำคัญพอๆ กัน อย่างนิวทริโน แอนติควาร์ก เป็นต้น…ซึ่งหัวข้อเหล่านี้ก็เป็นหัวข้อวิจัยสำคัญของ ILHCRC มาในช่วงสองปีที่ผ่านมา”
“แต่ตอนนี้เทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อความเร็วกว่าแสงได้เปลี่ยนความสำคัญทั้งหมดไปอย่างไม่ต้องสงสัย ผมกล้าพูดได้เลยว่า ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าทฤษฎีไฮเปอร์สเปซจะเป็นหัวข้อวิจัยที่สำคัญที่สุดในฟิสิกส์เชิงทฤษฎี”
“เพราะมันจะพาพวกเราไปสู่อนาคตอันแสนไกล!”
นอกจากประธานของ ILHCRC แล้ว เลขาธิการของ ILHCRC กับผู้อำนวยการแล็บเครื่องชนอนุภาคก็ยังแสดงความคิดเห็นของตัวเองต่อทฤษฎีไฮเปอร์สเปซเช่นกัน
โดยเฉพาะผู้อำนวยการแล็บเครื่องชนอนุภาค
นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีผู้ยิ่งใหญ่จากสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงคนนี้ไม่ได้พยายามซ่อนความชื่นชมต่อทฤษฎีไฮเปอร์สเปซและ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่ทำทฤษฎีนี้สำเร็จเลย เขาอัปเดตเนื้อหากว่าหนึ่งพันคำในบัญชี LSPM ของเขา ใช้คำว่า ‘โลกใบใหม่’ ในการบรรยายอิทธิพลของทฤษฎีนี้ที่มีต่อฟิสิกส์สมัยใหม่
“มันไม่ใช่แค่ยานอวกาศที่มีความเร็วกว่าแสง! มันเป็นที่เขา ชายผู้ตื่นขึ้นมาในเวลาร้อยปีต่อมาที่ใช้ความรู้ของตัวเองทำทฤษฎีไฮเปอร์สเปซที่ตัวเองเสนอขึ้นมาเมื่อร้อยปีที่แล้วให้สมบูรณ์!”
“ผมไม่สามารถใช้คำใดมาบรรยายความประหลาดใจและความละอายที่มีในใจผมได้เลย มันเป็นเรื่องของกระต่ายกับเต่านั่นแหละ ที่พวกเราเป็นเต่า แต่ต่างกันตรงเขาเป็นกระต่ายที่ไม่ได้หลับไปแค่วันเดียว แต่ทว่าเป็นร้อยปี พอเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ยังสามารถคว้ารางวัลที่ควรจะเป็นของผู้ชนะมาได้ง่ายๆ อยู่ดี…”
บล็อกที่มีผู้โพสต์เป็นคนมีชื่อเสียงในฟอรั่ม LSPM ได้รับเสียงตอบรับเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก
แม้ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้ พวกเขาจะค้นพบผลลัพธ์ที่งดงามมากมาย
แต่ถึงอย่างนั้นความสำเร็จของผู้ชายคนนั้นก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจเกินไป
ทำให้แม้จะเป็นศตวรรษนี้ กระทั่งสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงหรือ ILHCRC ก็ยังก้าวไม่พ้นเงาของเขา จนถึงวันนี้ที่ผ่านมาร้อยปีแล้ว เขาคนนั้นก็ยังยืนอยู่จุดสูงสุดของยอดเขาอยู่ดี
ในขณะที่ทั้งโลกวิชาการกำลังช็อกกับเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่าความเร็วกว่าแสง ศาสตราจารย์เบเลอร์ที่อยู่อีกฟากของมุมโลกกำลังกล้ำกลืนกับความอับอายในใจในตอนนี้
เขายอมรับว่าตอนให้สัมภาษณ์คราวนั้น เขามั่นใจในตัวเองมากเกินไป
อย่างประโยคที่พูดว่า “ถ้าไม่นับนักวิชาการลู่แล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องอนุภาคซีดีไปกว่าผม…” ทฤษฎีไฮเปอร์สเปซเป็นรากฐานของโรงเรียนแห่งความคิดลู่โจวมาโดยตลอด ผลวิจัยที่งดงามพวกนั้นก็เกิดขึ้นจากตัวลู่โจวเอง หรือไม่ก็เป็นลูกศิษย์ของลู่โจว
เขารู้เป็นอย่างดีว่าลู่โจวจะไม่ลำบากลดระดับชั้นตัวเองเพื่อมาแย้งเขาแน่ๆ เขาเลยทำตัวอวดดีในตอนสัมภาษณ์
แต่เขาไม่ได้คิดว่าลู่โจวจะไม่ได้พูดเล่น ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แค่ทำนิพจน์สมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีได้เสร็จอย่างแม่นยำ แต่เขายังแก้ไขข้อผิดพลาดในทฤษฎีไฮเปอร์สเปซที่มีมาเกือบศตวรรษ
ตอนนี้ขนาดตึกสูงระฟ้าที่อยู่ยอดบนสุดของรากฐานทั้งหมดก็สร้างเสร็จแล้ว
เทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง…
ความฝันอันงดงามที่อยู่ในวงการฟิสิกส์มากว่าสองศตวรรษเพราะดูเหมือนว่ามันจะยังทำไม่ได้จริงเสียที จนนักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีเมินทฤษฎีนี้ไปหลายต่อหลายครั้ง
“ในอีก 100 ปีข้างหน้า…ไม่สิ ในอีก 500 ปีข้างหน้า ก็ยังไม่มีนักวิชาการคนไหนจะเก่งไปกว่าเขาได้เลย นี่ก็ชัดอยู่แล้วนี่นา ใครที่สามารถก้าวข้ามความเร็วแสงไปได้ เขาคนนั้นก็สามารถก้าวผ่านทุกอย่างได้…”
ศาสตราจารย์เบเลอร์ยืนอยู่ริมหน้าต่างอาคารเรียนและในปากของเขาคาบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ เขาพึมพำกับตัวเอง
ราวกับกำลังปลอบใจและสะกดจิตตัวเองในเวลาเดียวกัน
เขาพูดต่อ “ดังนั้นแล้วถ้าฉันตัดสินพลาดไปก็ไม่เป็นไร…ไม่ใช่แค่ฉันที่พลาด คนอื่นอีกมากมายก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้”
“อย่างไรก็เถอะ…”
“แพ้เขาไปก็ไม่น่าอายหรอก!”
……………………………………………………