Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1608 มันทำได้ง่ายๆ เลย
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1608 มันทำได้ง่ายๆ เลย
ไม่ต้องเดาอะไรเลย
ถ้าไม่ใช่ประธานหลี่กวงหยา ลู่โจวก็นึกชื่อคนอื่นไม่ออกแล้วว่าใครจะมาหาเขาตอนนี้ได้ สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้คาดไว้ก็คือคนที่มาไม่ใช่แค่ประธานหลี่กวงหยาคนเดียว แต่ยังมีซุนหลี่เว่ย ผู้บัญชาการกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียมาด้วย
ลู่โจวจำผู้บัญชาการซุนไม่ค่อยได้เท่าไร จำได้คร่าวๆ แค่ว่าพวกเขาเคยเจอหน้ากันมาก่อนเมื่อตอนงานฉลองต้นปี ความประทับใจแรกที่ลู่โจวมีตอนนั้นต่อเขาก็คือ ชายสูงวัยคนนี้คงจะเป็นพวกคนซีเรียสที่ไม่เคยยิ้มระหว่างทำงาน หรืออาจจะไม่เคยยิ้มตลอดชีวิตเลยก็ได้
พอเห็นว่าแขกทั้งสองคนเหมือนจะเข้ามาคุยเรื่องธุรกิจ เวร่าจึงเอ่ยทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นบันไดไปตามฉบับคนที่เข้าใจสถานการณ์
แต่เพราะอะไรสักอย่าง พอเวร่ากล่าวทักทายหลี่กวงหยา ลู่โจวรู้สึกว่าสีหน้าของหลี่กวงหยาดูจะออกแนว…
แอบกระอักกระอ่วนอยู่ในใจเล็กๆ หรือเปล่านะ?
แต่คิดแบบนั้นได้แป๊บเดียว ลู่โจวก็โยนเรื่องไร้สาระทิ้งไป หลี่กวงหยาเดินข้ามห้องมาหาลู่โจว เขารีบลบสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของตัวเองออกทันที เขากระแอมเบาๆ แล้วกล่าวทักทายลู่โจวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ นักวิชาการลู่ ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
“ชีวิตผมก็โอเคมาตลอดนั่นแหละครับ…”
ลู่โจวแปลกใจที่อีกฝ่ายเปิดบทสนทนาด้วยการคุยสารทุกข์สุกดิบ หลังจากเชิญแขกทั้งสองคนให้นั่งลงโซฟาเสร็จ ลู่โจวก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “…พวกเราเองก็รู้จักกันมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ในเมื่อพวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมาถามอะไรให้มากความแล้ว พวกคุณอยากได้อะไรก็บอกผมมาเลยดีกว่า”
“พูดแบบนั้นมันหมายความว่าอะไรกัน ผมแค่มาเยี่ยมเพื่อนเก่าเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?” พอเห็นลู่โจวมองหน้าตัวเอง หลี่กวงหยาก็ประหม่า ไม่อยากพูดต่อเท่าไร แต่สุดท้ายก็พูดต่อออกมาพร้อมรอยยิ้มประหม่าเล็กๆ “อะแฮ่ม ผมรู้ดีว่าอย่างไรก็ปิดเรื่องนี้จากคุณไม่ได้อยู่แล้ว…ผู้บัญชาการซุน คุณอยากจะเป็นฝ่ายพูดก่อนไหมครับ?”
“อย่างนั้นผมพูดก่อนแล้วกัน”
ซุนหลี่เว่ยสูดลมหายใจเข้าลึก เขามองลู่โจวด้วยสายตาของคนจริงใจ แถมยังเอ่ยมาด้วยเสียงเป็นมิตร “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ทั่วโลกก็รับรู้เรื่องผลลัพธ์อันน่ามหัศจรรย์ของการทดลองไฮเปอร์สเปซบนยานฉินหลิ่งแล้ว นักวิเคราะห์ทางการทหารของกลุ่มพันธมิตรใหญ่ๆ แต่ละชาติรอบโลกต่างก็ประเมินค่าเทคโนโลยีของพวกเราไว้สูง นี่จึงไม่ใช่แค่การยืนยันความแข็งแกร่งของพวกเรา แต่ยังเป็นบททดสอบอีกด้วย เพื่อจะรักษาความมั่นคงของสถานการณ์ต่างประเทศบนโลกให้ได้ พวกเราจึงต้องการรักษากลยุทธ์ในการปราบปรามแบบเดิมให้ได้…”
ลู่โจวถาม “แปลว่าอะไรครับ?”
“คุณเสนอราคาของเครื่องสั่นอนุภาคซีมาได้ไหม?” ซุนหลี่เว่ยเป็นทหาร เขาไม่มีประสบการณ์ทำธุรกิจอะไร เขาเลยพูดออกมาตรงๆ “พวกเราต้องการซื้อมัน”
ถ้าเป็นคนอื่นมานั่งอยู่ตรงนี้แทนลู่โจวแล้วเห็นใบหน้าสิ้นหวังของซุนหลี่เว่ย พวกเขาคงจะขึ้นราคาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่บังเอิญว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผู้บัญชาการซุนไม่ใช่นักธุรกิจ จะเรียกว่าลู่โจวไม่สนใจเรื่องธุรกิจเลยก็ว่าได้ แล้วเขาก็ไม่สนใจเรื่องเงินด้วย
แต่พอได้ยินคำขอของอีกฝ่าย ลู่โจวก็แสดงสีหน้าฉงนขึ้นมา
“ซื้อเหรอครับ? คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าคุณไม่ต้องการติดตั้งระบบอาวุธกับเกราะป้องกันภายนอกยานกลับไปเหมือนเดิมน่ะ?”
“ไม่ต้องแล้ว ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ!” ซุนหลี่เว่ยกลัวว่าลู่โจวจะเข้าใจเขาผิดเลยรีบพูดต่อขึ้นมา “พวกเราจะเสนอราคาที่เหมาะสมให้คุณแน่นอน! ส่วนเรื่องวิจัยใหม่ๆ ของวาร์ปไดรฟ์ พวกเราก็เต็มใจจะจ่ายค่าใช้จ่ายในการวิจัยให้คุณอย่างเต็มรูปแบบ!”
ลู่โจวอดขำเล็กๆ ไม่ได้ เขาเอ่ยออกมาด้วยโทนติดตลก
“คุณคิดว่าผมเหมือนคนที่ต้องการเงินเหรอครับ?”
ซุนหลี่เว่ยดูผงะไปเล็กน้อย เขาเบนสายตาไปขอความช่วยเหลือจากหลี่กวงหยา
พอเห็นสีหน้าของผู้บัญชาการซุน หลี่กวงหยาก็แอบถอนหายใจในหัว เขาหันไปมองลู่โจวแล้วพูดแทนให้คนข้างๆ ด้วยรอยยิ้มประหม่าๆ
“พวกเรารู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ได้ขาดแคลนเงินอะไร แต่…เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญกับพวกเรามากจริงๆ ผมหวังว่าพวกเราจะทำข้อตกลงกันได้ นอกเหนือจากเงินแล้วคุณมีข้อเสนออะไรที่จะทำให้คุณพอใจอีกไหม? คุณขออะไรก็ได้ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยคุณเอง!”
“ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากขายให้คุณหรอกนะ” ลู่โจวหยิบถ้วยกาแฟที่ยังดื่มไม่หมดขึ้นมาจิบ เขามองชายทั้งสองคนที่สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและความกระตือรือร้น หลังจากถอนหายใจเสร็จ เขาก็พูดต่อ “แต่เจ้าสิ่งนี้มันเป็นแค่เวอร์ชันทดลองน่ะสิครับ ทั้งการคำนวณช่องทางไฮเปอร์สเปซ ทั้งอุปกรณ์ แต่ละอย่างที่ว่ามายังไม่เป็นไปตามความคาดหมายในตอนแรกของผมเลย”
“หมายความว่า…เทคโนโลยียังมีจุดให้พัฒนาต่ออีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ตามนั้นแหละครับ” ลู่โจวพยักหน้าเห็นด้วยขณะมองไปที่ผู้บัญชาการซุน เขาว่าต่อ “ระหว่างพื้นผิวโค้งสองอันที่ไม่อินเตอร์เซกต์กับอวกาศ จะมีเส้นตรงจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเพียงเส้นเดียว แต่ยังมีจุดเชื่อมต่อผิดปกติอีกนับไม่ถ้วน จากการทดลองครั้งก่อน เส้นทางที่ผมเลือกไม่ใช่เส้นทางที่มีระยะใกล้ที่สุด แต่เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างหาง่าย”
หลังจากได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลี่กวงหยาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาถามอย่างตื่นเต้น “หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ…วาร์ปไดรฟ์สามารถเร็วได้มากกว่านี้ใช่ไหม?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วตอบให้ “ถูกต้องครับ จริงๆ ถ้าจะพูดให้ถูกกว่าก็คือ หน่วยดาราศาสตร์[1] 0.8 หน่วยในเวลาห้านาทีเป็นตัวเลขที่นับว่าช้า”
เมื่อใช้ยานฉินหลิ่งเป็นตัวทดลองแล้วใช้การอนุมานจากสมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคซีที่เขาได้มาแล้ว หน่วยดาราศาสตร์ 1 หน่วยต่อนาทีแทบจะเป็นขั้นต่ำของผลลัพธ์ที่เขายอมรับได้
หน่วยดาราศาสตร์ 0.8 หน่วยต้องใช้เวลา 5 นาทีถึงจะทำสำเร็จ ซึ่งยังไม่นับเวลาเตรียมตัว 2 นาทีแรก จึงเรียกได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มามีค่าแค่ปานกลาง ไม่น่าประทับใจอะไร
หลี่กวงหยากับซุนหลี่เว่ยที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามถึงกับหายใจสะดุดในเวลาเดียวกัน
เดินทางได้ร้อยล้านกิโลเมตรในห้านาทีนี่ยังเรียกว่าช้าไปอีกเหรอ?!
ถ้าขนาดที่คนทั่วไปมองว่าเร็ว คุณยังเรียกว่าช้า อย่างนี้ระดับที่คุณว่าเร็ว คนทั่วไปไม่เรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่เร็วเลยเหรอ?!
พอเห็นว่าทั้งสองคนยังเงียบกริบ ลู่โจวก็เลยพูดต่อไปหลังจากหยุดคิดไปพักหนึ่งเสร็จ
“อย่างไรเครื่องยนต์เวอร์ชันทดลองอันนี้ก็ต้องปรับอีก แต่ในเมื่อคุณดูจะชอบมันมาก เดี๋ยวผมพัฒนามันให้ฟรีๆ เลยก็ได้ครับ เรื่องราคาไม่ต้องห่วง แค่คุณให้ผมยืมยานฉินหลิ่งต่ออีกสักพักก็พอ”
“ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน คุณก็ทำสิ่งต่างๆ ให้พวกเราตั้งมากมาย พวกเราจะปล่อยให้คุณใช้เงินในกระเป๋าตัวเองจ่ายไม่ได้หรอก พวกเราหวังว่าคุณ นักวิชาการลู่ จะเข้าใจว่าพวกเราเป็นทหาร พวกเรามีทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรี ได้โปรดเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการทดลองจากพวกเราเถอะครับ!”
ลู่โจวมองผู้บัญชาการซุนที่ยังดูดื้อดึงจะจ่ายเงินให้ได้ เขารู้สึกมึนงงเล็กๆ
เอาจริงๆ คือ เขาคิดไว้ว่า งานที่พัฒนาต่อจากนี้ไม่น่าจะใช้เงินมากแล้ว
อย่างน้อยก็ไม่มากถ้าเอาไปเทียบกับเงินเก็บที่เขามีมาตลอด ซึ่งใช้หลายชาติก็ยังไม่หมด
แต่ในเมื่อชายสูงวัยคนนี้ยืนกรานจะจ่ายเงินให้ เขาก็เลยไม่แย้งอะไรต่อ
“โอเคครับ” ลู่โจวพยักหน้าตกลง “ในเมื่อคุณเต็มใจจะช่วยมอบเงินทุนของการทดลองให้ ผมก็จะไม่คัดค้านอะไร นอกจากนี้ ผมยังต้องการให้ยานฉินหลิ่งร่วมมือกับผมด้วย ถึงผมกับพวกเขาจะเคยร่วมงานกันมาแล้ว แต่ผมก็หวังว่าคุณจะช่วยออกเอกสารอย่างเป็นทางการหรืออะไรทำนองนั้นด้วย”
“ไม่มีปัญหา! จากนี้ไปงานวิจัยของคุณจะถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงที่สุดของกองทัพชุดแรก ผมจะให้เติ้งหยวนซูร่วมมือกับคุณอย่างเต็มรูปแบบ” ซุนหลี่เว่ยตกลงอย่างไม่ลังเล เขาเอ่ยต่อด้วยสีหน้าจริงจังให้ลู่โจวฟัง “ในฐานะตัวแทนของเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายออกรบและฝ่ายสนับสนุนของทั้งกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชีย ผมขอมอบความเคารพและความภักดีสูงสุดให้คุณครับ!”
“ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอกครับ เทคโนโลยีนี้ก็พัฒนามาให้ประชาชนใช้อยู่แล้ว อีกอย่างพวกเราก็เป็นฝ่ายช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วย”
พอเห็นว่าชายสูงวัยดูจะจริงจังเอามากๆ เข้า ลู่โจวเลยรู้สึกประหม่าเล็กๆ
อย่างไรก็แล้วแต่ พวกเขาก็มาถึงบทสรุปกันแล้ว
เขาเบนสายตาไปทางประธานหลี่กวงหยาที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ลู่โจวนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าประธานหลี่บอกว่าตัวเองมีเรื่องจะคุยกับเขา ลู่โจวจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
“แล้วคุณล่ะครับ? มาหาผมเพราะจะคุยเรื่องยานฉินหลิ่งเหมือนกันเหรอ?”
“ไม่เชิงว่าเป็นอย่างนั้น” หลี่กวงหยาตอบยิ้มๆ “กองทัพชุดแรกมีผู้บัญชาการที่ขยันและตั้งใจทำงาน ผมไม่ต้องไปห่วงเรื่องของพวกเขาอยู่แล้ว”
“แสดงว่าคุณมีปัญหาอื่นรอคุยกับผมอยู่สินะ?”
“ไม่ใช่ว่าจะทำให้คุณลำบากหรอกนะ แต่มันมี…ปัญหาเล็กๆ อยู่จริงๆ ” หลี่กวงหยายิ้มด้วยความประหม่า เขานั่งตัวตรงบนโซฟา เอ่ยว่า “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ผมกำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในเรื่องไฮเปอร์สเปซอยู่ พวกเขาให้ไอเดียบางอย่างกับผมมา ผมไม่รู้ว่าไอเดียพวกนี้ถูกต้องไหม ก็เลยอยากจะถามความคิดเห็นคุณหน่อย”
ผู้ชายคนนี้เข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ น่ะเหรอ
ลู่โจวเหลือบมองหลี่กวงหยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาดูจะตกตะลึงไปเล็กน้อย
“ว่ามาเลยครับ”
หลี่กวงหยาเล่า “ถึงผมจะไม่เข้าใจเรื่องทฤษฎีเบื้องลึกอะไรนัก จากมุมมองของผมแล้ว…แก่นของหลักความเร็วในการวาร์ปก็คือการย้ายสสารจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซ ยิ่งสสารมีมวลมากเท่าไร แรงโน้มถ่วงมากเท่าไร ก็ยิ่งใช้เวลานานกว่าจะผ่านช่องทางไปได้ แล้วถ้าเป็นข้อมูลล่ะ? ถ้าส่งข้อมูลที่ไม่มีมวลผ่านช่องทางไฮเปอร์ มันต้องใช้เวลานานเท่าไรกัน?”
“เป็นคำถามที่น่าสนใจมากนะครับ” ลู่โจวตอบกลับหลังจากวางถ้วยกาแฟในมือลงแล้วคิดอยู่ชั่วขณะ เขาอธิบาย “ในทางทฤษฎีแล้ว เมื่อสัมประสิทธิ์ m ของสมการคือ 0 เวลา t ก็ควรจะใกล้กับค่าที่น้อยอย่างถึงที่สุด ก็จริงอยู่ แต่พวกเราก็ยังไม่มีความสัมพันธ์เชิงเส้นแบบสัมบูรณ์ระหว่างสองอันนี้…ผมเลยเดาว่า เวลาน่าจะสั้นเอามากๆ อาจจะน้อยกว่า 1 วินาที ถ้าจะถามเอาให้ชี้ชัดกว่านี้ พวกเราต้องไปเก็บข้อมูลแล้วก็สร้างแบบจำลองที่มีความแม่นยำมากกว่านี้”
พอหลี่กวงหยาได้ยินว่าระยะทาง 0.8 หน่วยดาราศาสตร์ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นมา
เขาเชื่อว่าการคาดการณ์ของนักวิชาการลู่สามารถใช้ได้จริง เขาเลยถามต่อขึ้นมาทันที “แล้วมีวิธีสร้างอะไรที่คล้ายกับ สายออปติกเชื่อมข้อมูลระหว่างระบบโลก-ดวงจันทร์กับดาวอังคารเพื่อจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่มีความเร็วสูงไหม?”
พอพูดอย่างนี้เสร็จ หลี่กวงหยาก็ตั้งใจมองสีหน้าของลู่โจวว่าจะมีคำตอบอย่างไร
เขาคิดว่าพอลู่โจวได้ยินไอเดียเพ้อเจ้อของตัวเองแล้ว อีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าผิดหวัง แต่เขาไม่คิดเลยว่าใบหน้าของลู่โจวกลับไม่ใช่แค่ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวัง แต่คำตอบกลับเกินความคาดหมายเขาเสียอีก
“แน่นอนครับ”
ลู่โจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “อันที่จริง มันทำได้ง่ายๆ เลยครับ”
…………………………………………………….
[1] Astronomical Unit หรือ AU เป็นหน่วยของระยะทางซึ่งมีค่าโดยประมาณเท่ากับระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์