Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1609 ระบบทางหลวงระหว่างดาวเคราะห์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1609 ระบบทางหลวงระหว่างดาวเคราะห์
ลู่โจวไม่ปล่อยให้อีกสองคนย่อยข้อมูลที่ได้จากคำพูดของเขาให้เสร็จ เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วดีดนิ้วกลางอากาศทันที
ผ่านไปไม่นานแผงโฮโลแกรมโปร่งแสงก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้า เขาแตะนิ้วชี้เบาๆ ที่แผง ทำให้มันกระจายออกเป็นอนุภาคแสง เปลี่ยนสภาพใหม่กลายเป็นภาพระบบสุริยะ
ประธานหลี่กวงหยากับผู้บัญชาการซุนมองภาพโฮโลแกรมที่ฉายอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาดูสับสน
หลังจากจ้องแผนที่อยู่นาน ผู้บัญชาการซุนหลี่เว่ยก็ขมวดคิ้วเล็กๆ แล้วถามว่า “อันนี้คืออะไรกัน…?”
“ระบบทางหลวงระหว่างดาวเคราะห์ครับ” ลู่โจวมองภาพเส้นโคจรที่โยงไปมาระหว่างดาวเคราะห์ นิ้วชี้กดเลือกเส้นที่เชื่อมระหว่างระบบโลก-ดวงจันทร์กับดาวอังคาร “สรุปสั้นๆ ก็คือ นอกจากวาร์ปไดรฟ์แล้ว พวกเรายังมีวิธีที่พิเศษและนับว่าเสถียรในการแลกเปลี่ยนสสารและข้อมูลอย่างรวดเร็วโดยใช้ช่องทางไฮเปอร์สเปซ
หลี่กวงหยาขมวดคิ้วนิดๆ
“แล้วมันจะ…ทำได้จริงๆ เหรอ?”
“ทำได้สิครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่พูดเรื่องนี้หรอก”
ลู่โจวมองหลี่กวงหยาแล้วพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ
“อันที่จริง ในทางทฤษฎีแล้ว ถ้าพวกเราใช้วิธีการเร่งแบบนี้ พวกเราจะกระโดดข้ามระยะทางได้ง่ายกว่าใช้วาร์ปไดรฟ์ที่ติดตั้งอยู่ในยานสักลำเสียอีก พวกเราแค่ต้องเปิดช่องทางที่เสถียรตรงปลายอวกาศทั้งสองทาง ทีนี้ก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนสสารกับสัญลักษณ์ที่ปลายเส้นทางของทั้งสองช่องทางโดยอัตโนมัติ และถ้าพิกัดแรงโน้มถ่วงของทั้งสองประตูคงที่แล้ว ขั้นตอนการคำนวณระยะเวลาที่ใช้จริงในการผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซก็จะสั้นกว่าการเคลื่อนย้ายยานลำเดียวมากครับ”
อันที่จริงสิ่งที่ลู่โจวอธิบายมาก็ไม่ใช่แค่ไอเดียของเขาคนเดียวทั้งหมด
ส่วนใหญ่ก็มาจากสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินมาในวอยด์เมมโมรี่ส่วนที่สอง การใช้พันธะทางแรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์ขนาดใหญ่สองดวงเพื่อเปิดช่องทางไฮเปอร์สเปซคือแก่นหลักของเทคโนโลยีความเร็วระดับการวาร์ปที่จักรวรรดิคาลานเชี่ยวชาญ
การทดสอบที่คล้ายๆ กันตอนทดสอบกับเครื่องสั่นอนุภาคซีก็ประสบความสำเร็จดี ลู่โจวมีจึงเหตุผลที่จะคาดการณ์ไปไกลกว่าเดิม ‘กลยุทธ์’ ที่จักรวรรดิคาลานวางไว้รอบโลกก็ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน
ส่วนถ้าถามว่าสตาร์เกทพวกนั้นจะมีวิธีทำให้ช่องทางไฮเปอร์สเปซเสถียรไปตลอดได้อย่างไรนั้น…
ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดเรื่องถัดไป
อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าไอเดียทางเทคนิคอันนี้เป็นสิ่งที่ใช้ได้แบบคร่าวๆ
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของลู่โจว ซุนหลี่เว่ยก็คิดอยู่นาน
ผ่านไปราวหนึ่งนาที เขาถึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงลังเล
“…ผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกไหมนะ แต่ที่คุณบอกก็คือ ช่องทางไฮเปอร์สเปซที่อยู่ระหว่างประตูวาร์ปสองจุดอันนี้ เทียบได้กับการแทรกท่อลงไปในอวกาศ ทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสสาร มันก็จะทะลุผ่านไปในช่องทางเดียวกัน จึงทำให้อัตราการใช้พลังงานค่อนข้างต่ำสินะ? ส่วนวาร์ปไดรฟ์ก็เทียบได้กับการติดตั้งหัวสว่านลงบนยานอวกาศแต่ละลำ และการเคลื่อนย้ายมวลสารแต่ละครั้งก็เทียบได้กับการเจาะรูซ้ำลงไปในจักรวาล อย่างนั้นเหรอ? จึงทำให้อัตราการใช้พลังงานค่อนข้างสูง…”
“ถ้าคุณไม่เข้าใจทฤษฎีไฮเปอร์สเปซ…จะใช้การเปรียบเทียบแบบนั้นแทนก็ได้ครับ”
ลู่โจวไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับความรู้ทางทฤษฎีของชายสูงวัย เขาใช้นิ้วชี้คลิกที่ภาพโฮโลแกรมต่อ
ไม่นานนักตรงปลายนิ้วที่แตะไปก็มีเส้นขึ้นมาเชื่อมระหว่างระบบโลก-ดวงจันทร์กับดาวอังคาร เส้นนั้นยังเชื่อมต่อออกมาข้างนอกอีก ตำแหน่งสุดท้ายกระจายออกมาเป็นวงกลมสองวงที่เหลื่อมกัน
เป็นโครงสร้างย่อยที่ดูสับสน แต่ถ้ามองจากมุมมองแบบมหภาคแล้ว มันช่างดูเรียบง่ายอย่างน่าประหลาด โครงสร้างทั้งหมดเป็นเหมือนกับสายเบ็ดตกปลา ซึ่งเชื่อมดาวเคราะห์สองดวงเข้าด้วยกัน
“หลักเทคนิคของทั้งโปรเจกต์นี้จริงๆ เรียบง่ายมากๆ การรบกวนสนามแรงโน้มถ่วงตอนที่อนุภาคซีร่วงลงจากละติจูดสูงสู่ละติจูดต่ำทำให้การกระจายความโค้งของกาลอวกาศระหว่างระบบโลก-ดวงจันทร์กับดาวอังคารเปลี่ยนไป เกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อน
จากที่พวกคุณเห็นในตอนนี้ พวกเราใช้เครื่องสั่นอนุภาคซีกับทั้งสองฝั่ง ปล่อยให้มันสั่นไปที่ความถี่พิเศษ จึงทำให้เกิดเป็นช่องทางเปิดที่เสถียรระหว่างระบบโลก-ดวงจันทร์กับดาวอังคาร”
พอพูดดังนั้นเสร็จภาพจำลองยานอวกาศจากโฮโลแกรมก็ฉายขึ้นมา
พอยานอวกาศจำลองลดความเร็วจนผ่านวงแหวนข้างโลกไปได้ ทั้งยานลำนั้นก็มีสภาพเหมือนลูกกระสุนที่ถูกผลักเข้าไปในถัง และถูก ‘ดูด’ ด้วยความเร็วสูงจนไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ยานลำนั้นจะพุ่งเข้าสู่ช่องทางไฮเปอร์สเปซโปร่งแสง ไม่ถึงสองวินาทีหลังจากนั้น ยานก็ถูก ‘ปล่อย’ ออกมาจากอุโมงค์
พอเห็นชายสูงวัยทั้งสองกำลังช็อกจากการชมภาพแบบจำลองโฮโลแกรมตรงหน้า ลู่โจวก็ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยประกอบ “โปรเจกต์ทั้งหมดจะแบ่งออกเป็นสองส่วนครับ ความยากทางเทคนิคอาจจะสูงเป็นพิเศษ และถึงแม้จะเป็นผมก็ตาม คอนเซปต์หลายอย่างก็เป็นแค่การคาดเดาแบบคลุมเครือ ต้องมีการทดลองเพิ่มอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูจากเทคโนโลยีการกำเนิดสนามแม่เหล็กของยุคนี้แล้ว หลักวิศวกรรมที่จะทำในทั้งโปรเจกต์นี้ก็ไม่น่ายากอะไรมาก”
ผ่านไปนานเหลือเกินกว่าทั้งสองคนจะหายช็อกได้ แต่ผู้บัญชาการซุนก็ยังกลืนน้ำลายอยู่ดี เขาเอ่ยเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเรื่องความปลอดภัยล่ะ? ช่องทางไฮเปอร์สเปซที่เปิดทางด้วยวิธีนี้มีความเสถียรมากแค่ไหน? ถ้าเกิดอยู่ๆ มีข้อผิดพลาดทางพลังงานขึ้นมา หรือเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคทำให้ช่องทางปิดตัวลงทันที ยานอวกาศที่อยู่ข้างในจะ…ไม่ออกมาหรือเปล่าครับ?”
เขากังวลเรื่องนี้มากที่สุด
ความเร็วเป็นสิ่งที่กองกำลังการบินและอวกาศตามไขว่คว้ามาโดยตลอด แต่ถ้าเอาแต่สนใจเรื่องความเร็วโดยไม่ดูความปลอดภัยล่ะก็ คงไม่ต่างอะไรกับการเอาเด็กทารกไปโยนลงอ่างอาบน้ำนั่นแหละ
สหการพาน-เอเชียนใช้เวลาหนึ่งศตวรรษในการสร้างกองทัพที่ไม่มีใครโค่นล้มได้ เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบสุริยะ ถ้ามันถูกทำลายเพราะการเคลื่อนย้ายความเร็วกว่าแสงล่ะก็ มันจะเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้แน่นอน…
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ ต่อให้ช่องทางไฮเปอร์สเปซเกิดปิดขึ้นมากะทันหันจริงๆ ยานอวกาศที่อยู่ข้างในก็จะกลับออกมาสู่แหล่งแรงโน้มถ่วง ซึ่งก็คือ สักที่ระหว่างดาวเคราะห์สองดวงนั่นแหละครับ ตำแหน่งยานก็จะขึ้นอยู่กับว่าเคลื่อนย้ายถึงจุดไหนแล้ว แต่อย่างไรยานก็ออกมาแน่นอนครับ” ลู่โจวว่าต่อ “นี่คือข้อสรุปที่อ้างอิงจากข้อมูลที่ผมเก็บมาจากยานฉินหลิ่ง คุณไม่ต้องกังวลว่าจะสูญหายไปในไฮเปอร์สเปซหรอกครับ อันที่จริง ต่อให้พวกคุณอยากข้ามมิติ การจะเข้าช่องว่างระหว่างพื้นผิวจักรวาลจากจักรวาลมิติ n ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ”
หลี่กวงหยาไม่อาจทนอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นในใจได้อีกต่อไป “แล้วถ้าพวกเราอยากจะเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นผิวจักรวาลล่ะ? มีวิธีบ้างไหม?”
“ใจกลางกาแล็กซีอาจจะเป็นทางเข้าที่ใกล้ที่สุด แน่นอนแหละครับ…แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดการณ์ของผม อาจจะมีทางอื่นก็ได้” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “ผมเชื่อเลยว่าคุณต้องไม่อยากไปที่นั่นแน่ๆ ”
หลี่กวงหยาถามอย่างสงสัย “ทำไมกัน?”
“เพราะว่าที่นั่นมันไม่มีอะไรน่ะสิครับ จักรวาลของพวกเราน่ะ มันเปราะบางเหมือนกระดาษชิ้นหนึ่งนั่นแหละ” ลู่โจวมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเขามีชิ้นเศษความทรงจำฉายออกมา ราวกับเขากำลังคิดถึงสิ่งที่อยู่ห่างออกไปไกลโพ้น เขาเอ่ยสรุป “คนที่เคยไปที่นั่นหรือเคยเห็นมาแล้ว…พวกเขาเรียกที่นั่นว่า ‘เดอะวอยด์’ ”
……………………………………………………….