Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1611 ยานฉินหลิ่งที่เปลี่ยนไป
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1611 ยานฉินหลิ่งที่เปลี่ยนไป
ณ บริเวณท่าเทียบยานของสถานีอวกาศเลอเกรนจ์
พอมองยานฉินหลิ่งที่ ‘ไม่เหมือนเดิมเลย’ ซึ่งจอดเทียบท่า ใบหน้าของเติ้งหยวนซูก็แข็งทื่อ เขาหมดสิ้นทุกคำพูดเมื่อได้เห็นภาพยานรัก
ถ้ายานฉินหลิ่งลำก่อนหน้านี้ที่ไม่มีระบบมิสไซล์ ไม่มีระบบเครื่องยิงป้องกัน ไม่มีเกราะป้องกันภายนอกที่เป็นน้ำหนักส่วนใหญ่ของยาน หากยานลำนั้นเป็นไก่ตัวหนึ่ง ยานฉินหลิ่งในวันนี้ก็เหมือนจะเป็นสัตว์คนละประเภทไปแล้ว
อินเตอร์เฟสสำหรับระบบมิสไซล์ถูกถอดออก แทนที่ด้วยปืนแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กสิบสองกระบอกและเครื่องเร่งมวลสารที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงแกนกลางยานอวกาศ
ซึ่งก็ชัดแล้วว่าหลังจากดัดแปลงยานครั้งนี้ อาวุธที่ถอดออกไปเพื่อลดน้ำหนักจะไม่กลับมาติดตั้งเหมือนเดิมอีกแล้ว…
เติ้งหยวนซูกลืนน้ำลาย เขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะสามารถเค้นคำพูดออกมาจากลำคอได้
“นี่มัน…”
ลู่โจวมองเติ้งหยวนซูที่ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ เขาเดินไปหาอีกฝ่ายข้างๆ แล้วอธิบายให้ฟังพร้อมรอยยิ้ม “เพื่อที่จะให้ยานฉินหลิ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในช่องทางไฮเปอร์สเปซและยังสามารถเป็นยานรบได้ ผมจึงขอให้อีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์มาช่วยดัดแปลงยานในระดับหนึ่งครับ
นอกจากเครื่องเร่งมวลสารที่คุณเห็นแล้ว พวกเรายังช่วยติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองแบบใหม่ล่าสุดเพื่อเป็นแหล่งพลังงานของยานด้วย…แน่นอนว่าการดัดแปลงพวกนี้รายงานให้ทางการรับรู้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างนี้อยู่ภายใต้ความเห็นชอบของกองทัพชุดแรก!”
คิ้วของเติ้งหยวนซูกระตุกอย่างบ้าคลั่ง เขาทนไม่ไหวแล้ว เขาหันหน้ากลับไปจ้องลู่โจวเขม็งและลั่นวาจาออกมาว่า “อะไรวะเนี่ย…ยานฉินหลิ่งของผมเป็นยานลาดตระเวนติดมิสไซล์นำทางนะ! แล้วคุณเอามันไปเปลี่ยนเป็น…อะไรเนี่ย? ยานพิฆาตลำใหญ่หรือไง?”
ในกลุ่มยานทั้งหมดของกองทัพชุดแรก มีแค่ยานพิฆาตที่ต่อสู้ระยะประชิดกับยานลำเล็กเท่านั้นที่ใช้อาวุธพลังงานจลน์ อย่างปืนแม่เหล็กไฟฟ้า
ถ้าเป็นยานลำใหญ่อย่างยานลาดตระเวนกับยานบรรทุกอากาศยาน แทบจะไม่เห็นมีการใช้อาวุธพลังงานจลน์เลย ต่อให้มีการใช้จริง ส่วนใหญ่ก็จะเพื่อตั้งรับกับอาวุธป้องกันอย่างยานอวกาศบรรทุกอากาศยานหรือมิสไซล์จากระยะไกล
เติ้งหยวนซูก็เลยโกรธมาก
เพราะหลังดัดแปลงแบบนี้แล้ว ระบบมิสไซล์ทรงพลังของยานฉินหลิ่งถูกถอนออกไปอย่างถาวร ติดตั้งกลับมาไม่ได้แล้ว
“คุณเรียกมันว่าเป็นยานรบก็ได้นะ” ลู่โจวไม่สนใจคำปรามาสของเติ้งหยวนซู เขากระแอมเล็กๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงปลอบโยน “โอเค ผมว่าอย่าเพิ่งตื่นตกใจไปดีกว่านะครับ สาเหตุหลักๆ ที่ต้องเปลี่ยนไปแบบนี้ก็เพราะว่าเรื่องเคมี อาวุธพลังงานจะทำให้เกิดสิ่งคุกคามทางความปลอดภัยมหาศาลกับสิ่งแวดล้อมในไฮเปอร์สเปซ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ผมก็ได้ปรึกษากับวิศวกรที่ศูนย์บัญชาการ แล้วก็ตกลงกันว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความสามารถในการรบและด้านความปลอดภัย”
พอได้ยินอีกฝ่ายว่าดังนั้น เติ้งหยวนซูก็แทบจะกระอักเลือด
“นี่คุณแน่ใจเหรอว่ายานลำนี้ยังเอาไปใช้รบได้อยู่น่ะ?”
“เดี๋ยวพวกเราลองเทสต์ดูสักนิดก็รู้แล้วครับ ไม่ต้องห่วงไป เดือนหน้าคุณยังมีภารกิจให้บินอีกอย่างน้อยก็ 27 ภารกิจ ถ้ามีปัญหาก็รายงานให้ผมทราบได้ อ้อแล้วก็อีกเรื่อง นอกจากจะรายงานให้ศูนย์บัญชาการรับทราบแล้ว ผมหวังว่าคุณจะส่งรายงานการทดลองเพิ่มเติมให้ผมเพิ่มด้วย…อีกสักพักผมจะส่งเทมเพลตไปให้คุณนะ คุณจะได้กรอกตามเทมเพลตนั้นเลย”
ลู่โจวเอื้อมมือออกไปตบไหล่เติ้งหยวนซู เขามอบรอยยิ้มให้กำลังใจให้กัปตัน
“คุณทำได้!
อนาคตของกองทัพชุดแรกขึ้นอยู่กับคุณแล้ว!”
…
ถึงเติ้งหยวนซูจะยังกังวลอยู่ที่ลู่โจวดัดแปลงยานของเขาโดยไม่ถามเขาสักคำ แต่นั่นก็เป็นคำสั่ง ในฐานะทหารคนหนึ่ง เขาก็ยังต้องทำตามที่ศูนย์บัญชาการใหญ่สั่งมาโดยไม่มีการบิดพลิ้วใดๆ
เขาใช้เวลาสองวันเพื่อทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ใหม่ๆ บนยาน หลังจากเช็กดีแล้วว่ามันไม่มีปัญหาอะไร การทดลองครั้งแรกก็กำลังจะเริ่มขึ้น
เพื่อทำตามเงื่อนไขในแบบร่างการทดลอง เติ้งหยวนซูจึงสั่งการให้ยานฉินหลิ่งเดินทางออกจากสถานีอวกาศเลอเกรนจ์ เขาสั่งให้วาร์ปไดรฟ์ทำงานในห้านาทีหลังจากออกจากสถานีอวกาศ ยานฉินหลิ่งหายวับไปให้ห้วงอวกาศที่บิดเบี้ยวด้วยความเร็วสูง
พอยานอวกาศโผล่มาในจักรวาลในอีกวินาทีต่อมา มันก็เป็นระยะทางเกือบ 1.1 ล้านกิโลเมตรจากแถบดาวเคราะห์น้อยแล้ว
“พิกัดแรงโน้มถ่วงยืนยันแล้วว่า…พวกเรามาถึงแล้ว”
“เปิดเรดาร์หายานอวกาศใกล้ๆ เลย!”
“รับทราบ! เปิดใช้งานเรดาร์แล้วและกำลังค้นหายานใกล้ๆ …การค้นหาเสร็จสิ้น ซึ่งยืนยันแล้วว่าไม่มียานอวกาศและสถานีต่างๆ อยู่ในน่านฟ้าใกล้เคียง”
ในห้องควบคุมยาน
หลังจากฟังลูกเรือรายงานจากด้านหน้าแล้ว เติ้งหยวนซูก็จ้องวงแหวนดาวเคราะห์น้อยกับซากอุกกาบาตนอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ ในระหว่างที่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกกับลูกน้อง
“ลิมิตพลังเอาต์พุตของเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นสูงสุด เปิดระบบควบคุมการยิงและให้เรดาร์เปลี่ยนเป็นโหมดตรวจจับศัตรู”
“เปิดโหมดค้นหาศัตรูแล้ว! กำลังตรวจสอบน่านฟ้าใกล้เคียง…พบอาเรย์มิสไซล์ในพื้นที่ 2.01 ล้านกิโลเมตร!”
เคอร์เซอร์สีฟ้าปาดผ่านจอโฮโลแกรม จุดสีแดงหลายจุดโผล่ขึ้นมาบนเรดาร์อย่างรวดเร็ว ฉายไปทางจอโฮโลแกรมตรงหน้าห้องควบคุม
พอมองไปที่เป้าหมายบนจอโฮโลแกรม เติ้งหยวนซูก็ออกคำสั่งยิงด้วยเสียงกึกก้อง
“ยิง!”
พอออกคำสั่งโจมตีเสร็จ ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ที่ลำเรือก็ยิงกระสุนเพลิงอันแรงกล้าตรงไปข้างหน้า
ทิ้งเป็นเส้นตรงสีเหลืองส้มลอยไปในท้องฟ้าอันดำมืดไร้ที่สิ้นสุด มันเป็นชั่วขณะที่ความมืดมิดอันหนาวเหน็บได้รับการจุดไฟริบหรี่ขึ้นมา
เติ้งหยวนซูมองไปที่ปืนลำยานถึงเพิ่งยิงกระสุนออกไป ห่ากระสุนพุ่งตรงไปยังแถบดาวเคราะห์น้อยราวกับน้ำตก หน้าต่างทรงกลมเป็นประกายจากลำแสงเหล่านั้น เขาเองก็ตกตะลึงตาม
นี่อะไรกัน…
ใช่ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าจริงๆ เหรอ?
ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถยิงได้หลังจากชาร์จแค่สามสิบวินาทีเนี่ยนะ?!
ถึงเขาจะได้ยินเรื่องพลังงานของฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองมาบ้าง เขาได้ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะได้ตัดโมดูลตัวเก็บประจุของอาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าโดยตรงแล้วใช้พลังงานฟิวชั่นเพื่อเพิ่มพลังเอาต์พุตของพลังงานในปืนเลย!
ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าเขาเกินกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้มาก ทำให้เขาทิ้งความเข้าใจปฏิบัติการบนอวกาศที่ตัวเองมีไปจนหมด
ถ้าอยู่ต่อหน้าปืนที่ทรงพลังขนาดนี้ จะมิสไซล์ จะตอร์ปิโด หรือยานบรรทุกอากาศยานที่เร็วแค่ไหน พวกเขาก็หลบซ่อนไม่ได้หรอก แล้วถ้าบวกกับระบบควบคุมการยิงที่มีระบบประมวลผลควอนตัมเป็นแก่นแล้วล่ะก็ ต่อให้พวกเขาอยู่ห่างกันไกลโพ้นล่ะก็ พวกเขาก็สามารถไล่ตามยานของศัตรูได้!
ด้วยการมาถึงของเทคโนโลยีความเร็วระดับการวาร์ปและฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สอง ปฏิบัติการทางการบินและอวกาศดูจะเปลี่ยนจาก ยุค ‘แอนติ-มิสไซล์’ กลับไปเป็นยุค ‘โบราณ’ ที่มิสไซล์จะยิงออกไปสุดขอบสายตาแทน มันพัฒนากลายเป็นศึกต่อสู้แบบถึงลูกถึงคนระหว่างอาวุธปืนกับความเร็วแทน
อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีวิธีป้องกันที่สามารถป้องกันอาวุธพลังงานจลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเทคโนโลยีสนามพลังในภาพยนตร์ไซไฟ ในเมื่อยังไม่มีวิธีพวกนั้น เทรนด์นี้ก็จะเป็นแบบเดิมไปพักใหญ่ๆ
“กัปตันครับ…” หลิวเจิ้งอี้เอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ ขณะมองลอดหน้าต่างทรงกลมไปทางฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจด้วยสีหน้ามึนงง “นี่ใช่…อาวุธจากโลกจริงๆ เหรอครับ?”
หลังจากกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เติ้งหยวนซูก็พยักหน้า
“ใช่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย…”
ก่อนหน้านี้เขายังไม่พอใจอยู่เล็กๆ ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ตัดสินใจกันอย่างรีบร้อน และเรื่องที่ลู่โจวถอดระบบมิสไซล์บนยานฉินหลิ่งไปโดยไม่ถามความเห็นเขาสักคำ
แต่ตอนนี้เขากลับประทับใจอุปกรณ์ใหม่บนยานฉินหลิ่งเต็มที่แล้ว…
นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!