Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1613 ระยะแรกสำเร็จแล้ว!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1613 ระยะแรกสำเร็จแล้ว!
วันที่ 6 มิถุนายน 2126
สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนแล้ว วันนี้เป็นวันพิเศษอย่างแท้จริง
สาเหตุไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นวันที่มีเลข 6[1] อยู่ในปฏิทินถึงสามตัวหรอก แต่เป็นเพราะเมื่อช่วงเช้านี้วิศวกรของไซต์ก่อสร้างเนอร์วานาและเผิงไหลทำโปรเจกต์ของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์แล้ว
จึงมีการประกาศออกมาว่า ผลงานของพวกเขาถือเป็นปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมของมนุษยชาติ
ไม่เคยมีชนชาติใดในโลกนี้มาก่อนที่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน
ถึงพวกมันจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศ แต่ก็ยังคู่ควรกับตำแหน่ง ‘ปาฏิหาริย์’ หากพิจารณาด้านความยิ่งใหญ่ของมัน
แฮมิลตันยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือสำราญพร้อมกล้องถ่ายรูปในมือ เขาจ้องมองตรงไปที่จุดส่องสว่างสีขาว-เงิน ณ ระดับน้ำทะเลที่เห็นอยู่ไกลๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก
เขาเป็นผู้สื่อข่าวจากกลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือและเป็นคนของ BBC เขาสัมภาษณ์สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และศูนย์วิชาการมามากมายหลายแห่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเคยถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์มาก็หลายคลิป เขียนข่าวบรรยายเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์มาก็มาก และก็เคยเห็นสิ่งแปลกๆ มานับไม่ถ้วนเช่นกัน
แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาประทับใจอย่างลึกซึ้ง การสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกสั่นสะเทือนไปถึงวิญญาณ
ดวงอาทิตย์ที่ลอยขึ้นสูงทิ้งแสงสว่างส่องลงมายังมหาสมุทรแปซิฟิก ปราการที่ตั้งตระหง่านเหนือระดับน้ำทะเล ณ จุดที่เกลียวคลื่นกับเมฆามาบรรจบ เป็นดั่งภูเขาจากปกรณัมปรัมปรา แผ่รัศมีแห่งความลึกลับและความยิ่งใหญ่อันไร้อาณาเขต
ทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้าต่างก็ตกตะลึงไปไม่ต่างกัน
ชายชาวตะวันตกที่มีผมหยิกซึ่งนั่งอยู่ถัดไปจากแฮมิลตันมองไปยังจุดที่ท้องฟ้าและท้องทะเลมาบรรจบ เขาอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “ทั้งสถานีอวกาศเนอร์วานา ทั้งเมืองเผิงไหล ทั้งหมดเสร็จภายในเวลาเดียวกันเลย…ให้ตายสิ คนพวกนี้เขาไม่มีวันหยุดกันหรือไง?”
“ผมว่า…คงไม่เกี่ยวกับอะไรกับเรื่องวันหยุดหรอก”
แฮมิลตันเอ่ยต่อด้วยสีหน้ายอมจำนน
“หลายประเทศในกลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือยกเลิกระบบสวัสดิการสังคมกับข้อบัญญัติที่ไม่เป็นธรรมในกฎหมายแรงงานออกไปแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้แก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันของการผลิตที่ถอยหลังให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเลย…ผมได้ยินมาว่าการก่อสร้างอัตโนมัติของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์พัฒนาไปถึงระดับที่เราไม่อาจจินตนาการได้แล้ว ผมยังจำครั้งล่าสุดที่ไปสัมภาษณ์พวกเขาได้อยู่เลย พวกเขาโชว์ระบบผึ้งงานแบบล่าสุดให้ดูด้วย”
“ระบบอะไรนะ?”
“ระบบการก่อสร้างอัตโนมัติน่ะ อุปกรณ์แต่ละเซ็ตจะเป็นเหมือนรังผึ้งคร่าวๆ รังหนึ่ง โดยในรังก็จะมีโดรนขนาดเล็กประมาณหนึ่งถึงสองร้อยลำ กับโดรนขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่อีกยี่สิบลำ พอตั้งค่าการก่อสร้างว่าจะให้ทำอย่างไรเสร็จ โดรนพวกนั้นก็จะขยับไปมาเหมือนกับเป็นผึ้งสร้างรังเลยล่ะ” แฮมิลตันยักไหล่เล็กๆ ก่อนจะพูดต่อ “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีคล้ายๆ กันนี้ในสนามรบตั้งแต่สมัยก่อนนู้นแล้ว จนเมื่อไม่นานมานี้เองที่พวกเขาเพิ่งพัฒนามาเป็นวิธีก่อสร้างแบบใหม่
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ เขาอ้าปากเหมือนจะพูดมานานแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเสียที
เรือสำราญส่งเสียงหวูดดังสนั่น ทำลายห้วงภวังค์ความคิดของแต่ละคนไปในทันที
แฮมิลตันละสายตาออกจากเมืองเผิงไหล เขาหันหลังกลับแล้วเดินไปทางห้องโดยสารบนเรือ
เรือจะจอดเทียบท่าในอีกสิบนาทีแล้ว
เสียงหวูดดังขึ้นเพื่อเตือนพวกเขาให้เก็บของเตรียมตัวลงจากเรือได้แล้ว…
…
เนื่องจากแฮมิลตันไม่ได้กะว่าจะอยู่ที่นี่นานนัก เขาจึงไม่ได้พกสัมภาระมามาก แค่กระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวก็ใส่ของทุกอย่างพอแล้ว หลังจากจัดเสื้อผ้าที่พับใส่ลงกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินตามคนอื่นมาที่สะพานลงเรือและเตรียมตัวเดินทางเข้าสู่ท่าเรือเมืองเผิงไหล
ขณะกำลังต่อแถว แฮมิลตันก็มองภาพ ‘เมืองเหล็กกล้า’ ที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างถี่ถ้วน
มันก็เหมือนกับที่เขามองเห็นจากตอนอยู่ไกลๆ เมื่อก่อนหน้านี้ แตกต่างกันแค่ตรงที่พอเขาได้มายืนอยู่ใกล้ๆ เมือง มันทำให้เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ได้มากกว่าเดิมเสียอีก
ถึงในเมืองจะไม่มีคนอื่นนอกจากคนงานก่อสร้าง เขาก็นึกภาพออกว่าเมืองเผิงไหลจะมีชีวิตชีวาขนาดไหนตอนที่ถนนในเมืองเต็มไปด้วยการจราจร
อันที่จริง ที่ดินในเมืองเผิงไหลก็มีการสั่งซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์ไปตั้งแต่ตอนเริ่มก่อสร้างใหม่ๆ แล้ว พอได้เห็นภาพอาคารสำนักงานต่างๆ ในเมืองและแนวทางการพัฒนาเมืองในอนาคต บ้านกับร้านค้าที่เปิดให้ซื้อออนไลน์ก็ขายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
พอพูดถึงตรงนี้ เอาตรงๆ แฮมิลตันก็รู้สึกสมเพชตัวเองในใจ
ถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะต้องหาทางซื้อที่ดินสักที่ในเมืองนี้แน่ๆ
เขามั่นใจร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ว่าคนที่โชคดีพอได้มีโอกาสซื้อจะไม่ได้เสียเงินเปล่า ส่วนคนที่คิดว่าจะซื้อแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อจะต้องเสียดายโอกาสแน่นอน
อย่างน้อยก็เขาคนหนึ่งแล้วล่ะที่เสียดาย…
คนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องผู้สื่อข่าวนานาชาติคือเลขาฯของประธานหลี่กวงหยาที่ชื่อเหว่ยซง
สำหรับชาวต่างชาติแล้ว การออกเสียงชื่อคนจีนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แฮมิลตันก็ฝึกซ้อมมาหลายรอบแล้ว เขาจึงไม่กังวลว่าจะปล่อยไก่ตอนสัมภาษณ์
สำหรับผู้สื่อข่าวนานาชาติในศตวรรษที่ 22 แล้ว การฝึกออกเสียงภาษาจีนแมนดารินให้เชี่ยวชาญเป็นสกิลขั้นพื้นฐานที่ต้องมี
แล้วการได้มีโอกาสสัมภาษณ์ก่อนก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แฮมิลตันควบคุมโดรนสัมภาษณ์ หลังจากกระแอมให้คอโล่งเสร็จ เขาก็พูดเสียงดังฟังชัดว่า
“หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว ผมรู้สึกว่าผมกำลังยืนอยู่บนปาฏิหาริย์เดินดินเลยครับ ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับว่า มีการใช้วัตถุดิบในการสร้างไปมากเท่าไรในการสร้างเมืองติดทะเลแห่งนี้…หรือที่ต้องเรียกว่าท่าเรือลิฟต์อวกาศมากกว่า?”
เหว่ยซงยิ้มแล้วให้คำตอบว่า “เหล็กกล้าประมาณ 110 ล้านตันครับ”
พอได้ยินตัวเลข ผู้สื่อข่าวแต่ละคนในบริเวณนั้นต่างก็เผลอหายใจเข้าลึกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เหล็กกล้าตั้ง 110 ล้านตันเลยนะ!
ถ้าเอาเหล็กกล้าพวกนี้ไปสร้างยานอวกาศ คงสร้างยานรบที่มีขนาดเท่ากับยานของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชียได้แล้ว
แต่เหว่ยซงยังพูดไม่จบ
หลังจากเว้นจังหวะไป เขาก็พูดต่อ
“นอกจากนี้ยังมีวัสดุที่ทำจากโลหะผสมอะลูมิเนียมอีก 300 ล้านตันและโลหะผสมไทเทเนียมอีก 36 ล้านตันครับ ส่วนข้อมูลอย่างละเอียดว่าใช้วัสดุอะไรไปเท่าไรนั้น ผมเกรงว่าคงจะมีแต่แผนกสถิติของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์นั่นแหละครับที่จะให้คำตอบได้ ผมรู้เพียงแค่ตัวเลขคร่าวๆ เท่านั้น”
พอแฮมิลตันถามคำถามตัวเองจบ เขาก็กล่าวขอบคุณแล้วถอยไปยืนข้างๆ นักข่าวผิวสีเข้มอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ แฮมิลตันอดถามขึ้นมาไม่ได้ “เป็นเกาะโลหะขนาดใหญ่เลยนะครับ…คุณคิดว่าใครจะต้องการมาที่นี่บ้าง?”
“ทุกคนที่สนใจติดต่อซื้อขายด้านการบินและอวกาศครับ” เหว่ยซงตอบคำถามต่อด้วยรอยยิ้ม “ซึ่งก็แน่นอนว่าเมืองแห่งอนาคตเผิงไหลจะเป็นตัวแปรสำคัญระหว่างการเดินทางจากโลกไปวงโคจรสูง ผมจึงเชื่อว่าจะต้องมีคนจำนวนไม่น้อยสนใจเดินทางมาที่นี่ครับ”
“แล้วองค์กรหรือหน่วยงานไหนเป็นผู้ปกครองเกาะแห่งนี้เหรอคะ?” นักข่าวสาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อถามคำถามพิเศษข้อนี้บ้าง “พวกเราต่างก็รู้กันดีครับว่า เมืองนี้นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของสหการพาน-เอเชียน แต่พื้นที่น่านน้ำนี้เป็นน่านน้ำสากล”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ยากข้อหนึ่งทีเดียว
แต่เหว่ยซงก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีคำถามแบบนี้โผล่มา
ในงานประชุมนานาชาติเมื่อครั้งก่อน เลขาฯอู๋ชูฮวามักจะยกประเด็นเรื่องนี้มาโต้กับกลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มพันธมิตรชนชาติอื่น ประชาชนทั่วไปของกลุ่มนานาชาติกังวลว่าสหการพาน-เอเชียนจะยึดน่านน้ำสากลไปเป็นของตัวเอง
ยิ่งหลังจากได้มองความยิ่งใหญ่ของเมืองแห่งนี้ใกล้ๆ แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้สื่อข่าวจากกลุ่มพันธมิตรชนชาติอื่นจะมีความกลัวเรื่องนี้อยู่ในใจ…
แต่เหว่ยซงบอกได้เพียงว่า ความกลัวและความกังวลของพวกเขาแต่ละคนนั้นช่างไร้เดียงสาเสียนี่กระไร
ถ้าสหการพาน-เอเชียนสนใจจะยึดครองโลกแล้วจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาจะมาสนอะไรกับแค่น่านน้ำสากลจิ๊บจ๊อยเล็กแค่นี้กัน?
แต่ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็เป็นแค่ความคิดในหัวของเหว่ยซงเท่านั้น
เขาไม่อยากจะสร้างปัญหาไม่จำเป็นให้ท่านประธานของเขาเท่าไร
“อันที่จริงคำถามนี้ก็ดูจะไม่จำเป็นไปหน่อยนะครับ”
พอได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด นักข่าวสาวก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กแล้วถามต่อว่า “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะคะ?”
“จุดยืนของสหการพาน-เอเชียนก็ชัดเจนมาตลอดนะครับ พวกเราประกาศไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการลิฟต์อวกาศว่า พวกเราเต็มใจจะร่วมมือกับกลุ่มนานาชาติในด้านการใช้ประโยชน์ลิฟต์อวกาศเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดี”
หลังจากพูดจบเหว่ยซงก็เว้นจังหวะไปเล็กน้อย เขาเผยยิ้มออกมาแล้วกล่าวต่อ “ส่วนเรื่องที่คุณถามมา ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ
พวกเราอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน พวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปยังดินแดนที่ห่างไกลกว่าที่เคยด้วยกัน โชคชะตาของพวกเราไม่เคยมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อนจนถึงวันนี้ คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ? ถ้าเป็นเรื่องอวกาศแล้ว พวกเราต่างก็มีเกียรติไม่ต่างกัน”
คำพูดของเหว่ยซงไม่เพียงแต่จะเน้นย้ำจุดยืนของพวกเขาแต่ยังหลีกเลี่ยงปัญหาละเอียดอ่อนเรื่องพื้นที่น่านน้ำอีกด้วย
แต่แฮมิลตันสัมผัสได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
เรื่องที่บอกว่า ถ้าเป็นเรื่องอวกาศแล้ว พวกเราต่างก็มีเกียรติไม่ต่างกันนี่หมายความว่าอะไร?
ผู้สื่อข่าวอย่างพวกเราถามเรื่องอวกาศตอนไหนกัน?
บางที…
พวกคนเอเชียพวกนี้วางแผนอาจจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์อย่างนั้นเหรอ?
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้แฮมิลตันนึกถึงเรื่องเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้
ที่ยานฉินหลิ่งของกองทัพชุดแรกประสบความสำเร็จในการวาร์ปครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ถึงการล่าอาณานิคมดินแดนนอกระบบสุริยะด้วยความเร็ว 5 นาทีต่อ 100 ล้านกิโลเมตร จะยังฟังดูทำได้ยากอยู่หน่อยๆ แต่มันก็ยังฟังดูค่อนข้างน่าสนใจเมื่อเลขาฯของประธานสหการพาน-เอเชียนเป็นคนออกมาพูดคำเหล่านั้นเอง
และเห็นได้ชัดว่านักข่าวสาวคนนั้นก็สังเกตอะไรบางอย่างได้เช่นกัน เธอขมวดคิ้วแล้วถามต่อว่า “ขอโทษนะคะ คุณพอจะอธิบายเพิ่มเติมเรื่องเมื่อกี้ได้ไหม?”
แต่พอเผชิญหน้ากับคำถามข้อต่อไปของนักข่าวสาว เลขาฯเหว่ยก็ส่งยิ้มสื่อความหมายมาให้แทนโดยไม่ตอบคำถามอะไรเพิ่มเติม
“ตอนนี้เวลาการสัมภาษณ์สิ้นสุดลงแล้วนะครับ พวกเราจะคุยเรื่องนี้กันใหม่บนยาน…หากมีใครสนใจนะครับ”
เหว่ยซงโบกมือตัวเองเบาๆ ชี้ให้ทุกคนมองมาทางเขา จากนั้นก็กระแอมแล้วกล่าวต่อ “จากนี้ไป พวกคุณสามารถเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ และถ่ายรูปได้ก่อนช่วงเวลาอาหารเย็นนะครับ ผมแนะนำว่าอย่าไปไกลนัก เพราะระบบการขนส่งสาธารณะยังไม่เปิดให้บริการ แล้วก็ยังไม่มีรถแท็กซี่ด้วย
ถ้าพวกคุณเจอปัญหาอะไร สามารถติดต่อผมได้
สุดท้ายนี้ ผมขอให้พวกคุณทุกคนเพลิดเพลินกับการอยู่ในเมืองเผิงไหลครับ”
……………………………………………………….
[1] เลข 6 เป็นตัวแทนของความร่ำรวยและการทำธุรกิจในภาษาจีน (เลขหก 六ออกเสียงว่า (liù) คล้ายกับ 溜 (liū) ในภาษาจีนแมนดาริน ที่แปลว่า ราบรื่น และออกเสียงว่า (lok6) คล้ายกับ 祿 (lok6) ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่แปลว่าโชคดีหรือความสุข)