Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1614 เนอร์วานา!
ในขณะที่ผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็นและได้ยินในเมืองเผิงไหล ฉากที่คล้ายๆ กันนั้นก็กำลังเกิดขึ้นที่วงโคจรพ้องคาบโลกซึ่งอยู่ห่างออกไป 36,000 กิโลเมตร
แต่คนที่เจอเรื่องชวนอึ้งไม่ใช่กลุ่มผู้สื่อข่าว แต่เป็นสมาชิกคณะกรรมการการก่อสร้างลิฟต์อวกาศที่โดยสารกระสวยอวกาศมาเช็กโปรเจกต์และวิศวกรกับนักวิจัยที่รับผิดชอบงานออกแบบต่างหาก
“นี่คือเนอร์วานาเหรอ…”
หลี่กวงหยาอยู่ในกระสวยอวกาศที่กำลังเดินทางไปเนอร์วานา เขามองผ่านหน้าต่างทรงกลมตรงไปยังป้อมปราการที่ตั้งตระหง่านขึ้นมาในอวกาศ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาอดที่จะรู้สึกซาบซึ้งไม่ได้
ในฐานะประธานคณะกรรมการการก่อสร้างลิฟต์อวกาศ ลายเซ็นของเขาบนเอกสารโปรเจกต์นี้คือแสตมป์ที่รับรองโปรเจกต์ทั้งโปรเจกต์ให้ผ่าน
ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ยินข่าวว่าลิฟต์อวกาศสร้างเสร็จแล้ว เขาจึงรีบบอกให้เลขาฯของเขาเคลียร์ตารางเวลาให้ จากนั้นก็นั่งยานลำแรกไปเนอร์วานาทันทีที่ว่าง
“ครับ” ลู่โจวหันไปมองหลี่กวงหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ถามชายสูงวัยกลับด้วยท่าทางสบายๆ “ถ้าเอาอันนี้ไปเปรียบเทียบกับเรื่องในตำนานโบราณแล้ว คิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ลู่โจวก็แค่พูดเล่น เขาไม่ได้คิดว่าพอหลี่กวงหยาได้ยินเข้า อีกฝ่ายจะเก็บเอาไปคิดจริงจังอยู่ตั้งนานสองนาน
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ชายสูงวัยก็ส่ายหัวเบาๆ อย่างจนใจ “เปรียบเทียบไม่ได้หรอก ภาพจินตนาการในอดีตมีข้อจำกัดมากเกินไป ผมเคยอ่านทั้งตำนานทั้งเรื่องเล่ามาทุกอย่างที่รู้จักแล้ว พระราชวังบนม่านเมฆในตำนานเทียบกับปราการที่ตั้งตระหง่านแห่งนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะมองจากทางด้านศิลปะหรือด้านความสมจริง สถานที่นี้ก็ช่างวิเศษเหลือเกิน…”
สิ่งก่อสร้างทรงกระบอกที่มีขนาดยาวหลายกิโลเมตรลอยอยู่อย่างมั่นคงเหนือวงโคจรพ้องคาบโลก แกนกลางชี้ตรงไปทางดาวเคราะห์สีน้ำเงิน คานยื่นทรงโค้ง 4 คานข้างนอกเนอร์วานาชี้ออกมาด้านนอกอวกาศ เหมือนกับเป็นใบพัดที่อยู่ปลายเรือดำน้ำ พวกมันหมุนเอื่อยๆ ในความเงียบ
ดูจากไกลๆ แล้ว อาคารที่ตั้งตระหง่านกลางอวกาศแห่งนี้ดูเหมือนลูกข่างไม่มีผิด มันถูกดึงจากแรงเฉื่อยของระบบการเคลื่อนไหวสองระบบ และเกิดเป็นความสมดุลทางไดนามิกกับแรงโน้มถ่วงที่ปรับได้ทุกเวลา
นี่อาจจะเป็นโปรเจกต์อวกาศที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดซึ่งสร้างในสภาวะแรงโน้มถ่วงของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ถึงสเกลจะยังเล็กกว่าสถานีอวกาศเลอเกรนจ์เล็กน้อย แต่ท่าจอดยานที่ตั้งอยู่ด้านนอกสถานีอวกาศเนอร์วานาก็สร้างความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดสำหรับการขยับขยายในอนาคต
สถานีอวกาศเลอเกรนจ์ต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบปีกว่าจะพัฒนามาถึงจุดที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบันได้
ในขณะที่เนอร์วานายังมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีในการกางปีกโชว์ความเจริญรุ่งเรืองให้โลกได้รับรู้…
“มีเรื่องให้จับตามองเยอะเลยนะ”
“อะไรบ้างล่ะครับ?”
หลี่กวงหยามองลู่โจวแล้วเผยรอยยิ้มออกให้เห็น
“แน่นอน ก็ต้องเป็นการที่สร้างตัวลิฟต์เสร็จหมดน่ะสิ”
ชายสูงวัยตั้งใจทำงานเพื่อความฝันนี้มาตั้งแต่ก่อนจะได้รับตำแหน่งประธานเสียอีก จะเป็นในเรื่องการรักษาชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ก็ดี หรือเรื่องแผนอันทะเยอทะยานที่พูดถึงไปก่อนหน้านี้ก็ดี ลิฟต์อวกาศแห่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจนำไปใช้ทิ้งขว้างได้ของแผนการในหัวของหลี่กวงหยามานานแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าด้วยสภาพเทคโนโลยีในปัจจุบัน เขาอาจจะไม่ทันได้เห็นลิฟต์อวกาศสร้างเสร็จก่อนเขาจะจากโลกนี้ไป
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะได้เห็นความฝันของตัวเองเป็นจริงในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่
เหมือนกับที่ใครจะไปรู้ว่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่จากเมื่อร้อยปีก่อนจะตื่นขึ้นมาจากหลุมศพเพื่อมาช่วยให้ ‘ฝันของเขาเป็นจริง’
ทุกอย่างนี้ช่างดูเหมือนเรื่องที่ฝันไปเหลือเกิน…
ลู่โจวเหลือบมองประธานชรา ถึงเขาจะค่อนข้างรู้สึกแปลกพิกลพอได้เห็นว่าหลี่กวงหยาดูตื่นเต้นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากที่มองหลี่กวงหยากำมือแน่น ลู่โจวสัมผัสได้ถึงความตื่นตะลึงที่ไหลท่วมท้นในใจของชายสูงวัย และความรู้สึกที่อีกฝ่ายรู้สึกปลาบปลื้มมนตร์เสน่ห์ของวิทยาศาสตร์เข้าเต็มๆ
อาคารที่สูงกว่า แข็งแรงกว่า และมีความมหัศจรรย์มากกว่า เป็นสิ่งที่อารยธรรมมนุษยชาติเฝ้าไขว่คว้ามาตลอดกาล ความฝันนี้แพร่กระจายไปอยู่ในเลือดทุกหยดของประชาชน ฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของประเทศมาเป็นเวลาหลายพันปี
บนสถานีอวกาศที่ชื่อว่าเนอร์วานา องค์ประกอบเหล่านี้ต่างเผยออกมาในระดับสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
มันตั้งตระหง่านอยู่ในคืนหนาวเหน็บอันยาวนาน ราวกับเป็นดาวที่ส่องแสงนิรันดร์ เปล่งประกายบดบังดาวดวงอื่นทั้งผืนฟ้ายามค่ำคืน มันคือการตกผลึกของภูมิปัญญาของทุกอารยธรรมในประวัติศาสตร์
มันไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ธรรมดาๆ
มันคือจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรม
…
กระสวยอวกาศแล่นผ่านประตูทรงกลมด้านล่างมาแล้ว แอร์ล็อกเลื่อนต่ำลงมา แขนเชื่อมต่อขยายออก ไม่นานนักกระสวยอวกาศก็มาถึงสถานีอวกาศเนอร์วานาในที่สุด
สถานที่นี้จะกลายเป็นสถานที่ที่เชื่อมต่อกับลิฟต์อวกาศ
แต่ตอนนี้พื้นที่ส่วนกลางของทั้งลิฟต์อวกาศยังไม่ได้เริ่มสร้างเลย มันจึงถูกนำมาใช้เป็นสถานีจอดยานไปก่อนชั่วคราว
“สถานีอวกาศเนอร์วานาแบ่งออกเป็นสองส่วน นั่นคือแกนกลางและคานยื่น ตอนนี้พวกเราอยู่ในส่วนของพื้นที่แกนกลาง…ซึ่งก็คือชั้นแรกของทั้งสถานีอวกาศ”
หลังจากลงจากกระสวยอวกาศมา ลู่โจวก็เดินตรงไปที่ศูนย์ควบคุมพร้อมกับคนในกลุ่ม ระหว่างที่ชื่นชมกับ ‘งานศิลปะ’ อันเกือบจะสมบูรณ์แบบที่เขาออกแบบเอง ลู่โจวก็อธิบายสถานการณ์ให้คนที่เดินตามหลังเขามา
“ถ้าเปรียบพื้นที่ตรงกลางเป็นหัวใจกับสมอง พื้นที่คานยื่นก็จะเป็นลำตัว
คานยื่นที่อยู่ด้านนอกจะทดแทนแรงเฉื่อยของสถานีอวกาศได้ พวกเขายัง ‘สร้าง’ สนามแรงโน้มถ่วงให้สิ่งก่อสร้างทรงวงแหวนข้างนอกคานยื่นด้วย โดยใช้การหมุนของคาน แรงโน้มถ่วงนี้ไม่ได้เกิดจากมวล มันเกิดจากแรงหนีศูนย์กลาง แต่ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายๆ กัน
“ดังนั้นตอนออกแบบคานยื่นพวกนี้ ผมจึงออกแบบให้พวกมันเป็นพื้นที่สำหรับใช้อยู่อาศัย
ถ้าพื้นที่สำหรับใช้อยู่อาศัยมีไม่พอแล้วล่ะก็ พวกเราก็สามารถเอาสถานีอวกาศแห่งใหม่ข้างนอกคานออกไปได้ แล้วปรับความเร็วในการหมุนของคานกับตำแหน่งของศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของสถานีอวกาศ เพื่อคืนค่าความสมดุลของระบบการเคลื่อนไหว…”
สีหน้าของหลี่กวงหยาเต็มไปด้วยความสับสนขณะฟังลู่โจวอธิบาย
ในที่สุดหลังจากลู่โจวแนะนำจนจบ ประธานหลี่ก็รีบกระแอมแล้วพูดขัดอีกฝ่าย
“ผมทราบแล้วว่าคานยื่นคือพื้นที่สำหรับใช้อยู่อาศัย…แต่ส่วนที่เป็นแกนตรงกลางล่ะ? ผมไม่สนใจเรื่องทฤษฎีวิทยาศาสตร์หรอก คุณพูดให้มันฟังง่ายๆ ก็ได้…”
“แต่นี่ก็ไม่ใช่ทฤษฎีซับซ้อนอะไรนะครับ ถ้าไม่นับเรื่องรายละเอียดแล้ว ผมว่าขนาดเด็กม.ปลายในศตวรรษที่ 21 ก็น่าจะพอนึกภาพออกนะ”
ลู่โจวเหลือบมองหลี่กวงหยาแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “บนพิมพ์เขียวผมตั้งให้แกนกลางเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่ทำการทดลอง ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ไม่ขยับที่ใกล้เคียงกับโลก แรงโน้มถ่วงในแกนแนวตั้งหรือลองจิจูดเกือบใกล้เลขศูนย์ ส่วนนี้จะทำไว้เพื่อโรงงานและศูนย์ขนย้ายโลจิสติกส์ที่ช่วยทำให้ชีวิตประจำวันของประชาชนในเขตคานยื่นอยู่รอดได้
ในขณะเดียวกัน นี่ยังเป็นจุดที่เนอร์วานาเชื่อมต่อกับลิฟต์อวกาศด้วย”
พอลู่โจวพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมาจนได้ ดวงตาของเขาเหล่ลงไปมองหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานโดยอัตโนมัติ
ลู่โจวมองเห็นดวงจันทร์
สถานที่ที่เมืองก่วงฮั่นตั้งอยู่
ในฐานะที่ลิฟต์อวกาศแห่งนี้เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างโลกกับอวกาศ เขาคาดหวังว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่แค่ทางผ่านความเร็วสูงในการแลกเปลี่ยนวัสดุหรือเป็นแค่สะพานที่ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางไป-กลับในอวกาศได้ด้วยความเร็วสูง
เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้รุ่นที่สองก็สร้างเสร็จบนดวงจันทร์ ฮีเลียม-3 ที่สำรองไว้เป็นจำนวนมากถูกดัดแปลงเป็นพลังงานอันไร้ที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพทางอุตสาหกรรมบนดวงจันทร์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์พลังงานนี้ได้
ถ้าจะให้พลังงานก้าวข้ามจากสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในอวกาศไปยังพื้นโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาต้องใช้สายเคเบิลออปติกที่ต่อจากพื้นโลกขึ้นมายังดวงจันทร์
ดังนั้นลิฟต์อวกาศนอกจากจะทำหน้าที่เป็นลิฟต์แล้ว มันยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก
นั่นก็คือเป็นประตูเชื่อมข้อมูลกับพลังงานระหว่างโลกกับอวกาศ
……………………………………………………..