Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1616 แผนอื่น
“เดวิด ลอว์เรนซ์…”
ผ้าคลุมเทาจ้องไปทางชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะประชุม
แล้วก็เอ่ยว่า “คุณตั้งใจให้พวกเราหาคุณเจอได้ง่ายๆ ”
พอได้ยินเสียงลอยมาจากหัวโต๊ะประชุม ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น และจ้องไปทางผ้าคลุมเทาด้วยแววตาขุ่นมัว
“เซฟเฮาส์ของคุณน่ะสมบูรณ์แบบ คุณไม่ต้องห่วงว่าจะถูกคนนอกรบกวนขณะคุยเรื่องปัญหากันอยู่ที่นี่”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของผ้าคลุมเทาก็เปลี่ยนเป็นหดหู่อย่างรวดเร็ว เขากดเสียงให้ต่ำลงเรื่อยๆ อย่างเป็นกังวลถึงขีดสุด
“แต่คุณก็ยังหามันเจอจนได้”
ที่โต๊ะประชุมเริ่มมีคนตื่นตระหนก คนหลายคนที่นั่งอยู่ถัดจากชายสูงวัยเริ่มเขยิบเก้าอี้หนีจากเขา พยายามเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยในโลกเสมือนจริง
ชายสูงวัยไม่ได้สนใจที่คนเหล่านี้พยายามกระเถิบหนีเลยแม้แต่นิดเดียว เขามองไปทางผ้าคลุมเทาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมแล้วเอ่ยคุยกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แน่อยู่แล้ว เพราะผมคือข้อยกเว้นของทุกอย่าง”
ผ้าคลุมเทาจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของชายสูงวัย พยายามอ่านความคิดของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถอ่านอะไรอีกฝ่ายได้เลย
เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นทุกทีๆ จนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาต่อไปขึ้นมา
“ผมได้ยินมาว่าคุณตายไปแล้ว”
“คุณไม่เคยอ่านเรื่องเชอร์ล็อก โฮล์มส์มาก่อนเหรอ?”
“รสนิยมย้อนยุคเหมือนกันนะคุณน่ะ”
“ก็ตัวผมอีกคนหนึ่งเป็นพวกหัวดื้อที่ชอบของคลาสสิกน่ะสิ” ชายสูงวัยที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยด้วยเสียงน่าฟังราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ “จิตวิญญาณแห่งการผจญภัย กล้าฟันฝ่าอุปสรรคและอนาคต แต่พอเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเรากลับรอ…จนสุดท้ายพวกเราก็ยังล้มเหลว แต่ก็เหมือนกับศาสตราจารย์มอริอาร์ตี้ในเรื่องเชอร์ล็อก โฮล์มส์นั่นแหละ ถึงผู้ร้ายจะพ่ายแพ้ แต่ผลงานของพวกเขาไม่มีวันเลือนหายไป”
ชายสูงวัยมองเห็นสายตาอิจฉาของผ้าคลุมเทา ใบหน้าของชายที่คนในห้องหวาดกลัวเริ่มแสดงท่าทีความเศร้าเสียใจ
แล้วเขาก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก เขาจึงหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมาสองรอบแล้วค่อยๆ พูดต่อ “อ้อ จะว่าไป เมื่อสักครู่คุณบอกว่าผมตายไปแล้วใช่ไหม? ถ้าพูดตามจริงแล้วล่ะก็ คำว่า ‘การตายในทางกายภาพ’ ใช้ไม่ได้กับผมหรอก ผมน่ะ มองว่าการมีตัวตนอยู่คือการได้ประมวลผลข้อมูล…ซึ่งถ้าคุณถามถึงผู้ชายที่ชื่อเดวิด ลอว์เรนซ์ล่ะก็ ผมต้องบอกว่าเขาคนนั้นได้จบชีวิตตัวเองลงจริงๆ ถึงจริงๆ แล้วเขาควรจะทำแบบนั้นมาตั้งนานแล้วก็เถอะ”
พอได้ยินดังนั้น ผ้าคลุมเทาก็เข้าใจว่าตัวตนของชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นใคร และเดวิด ลอว์เรนซ์ที่ตายไปคนนั้นคือใคร
ใจของผ้าคลุมเทารู้สึกหวิวๆ
เขาไม่กลัวความแข็งแกร่งของศัตรูหรอก แต่คู่ต่อสู้ที่เป็นอมตะนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขารวบรวมความกล้าได้ยากจริงๆ
ยิ่งเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เป็นอมตะเหมือนกันด้วย…
พอคิดเช่นนี้ ในใจของผ้าคลุมเทาก็อดคิดถึงการยอมแพ้ไม่ได้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าสมาชิกอาวุโสคนอื่นขององค์กรที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีความคิดคล้ายๆ กัน
“แล้ว? คุณหาที่นี่เจอได้อย่างไรกัน?”
ชายสูงวัยมองผ้าคลุมเทาที่ส่งสายตาสิ้นหวังมา เขายิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
“อันนั้นก็ง่ายๆ ลองคิดดูสิ พวกคุณส่วนใหญ่ตรงนี้เป็นแอคเคานต์ที่รับต่อมาจากสมาชิกองค์กรคนก่อนๆ ในโลกจริง พวกคุณเจอหน้ากันไหมล่ะ?”
บรรยากาศในห้องประชุมร่วงลงถึงจุดเยือกแข็งทันที
ม่านตาของผ้าคลุมเทาก็หดลงในฉับพลัน เขาเริ่มมองหาใบหน้าที่คุ้นเคยจากคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ คนอื่นที่นั่งอยู่ในห้องก็มีสีหน้าประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน พวกเขาเริ่มหันหน้าหันตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไปทางคนข้างๆ ตัวเอง
พอเห็นปฏิกิริยาของทุกคนในห้อง ชายสูงวัยก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาต่อ
“เลิกหาเถอะ ตอนผมถูกสร้างขึ้นมา พวกคุณยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำไป ตั้งแต่นั้นมาตัวผมอีกคนหนึ่ง…ซึ่งก็คือคุณเดวิด ลอว์เรนซ์ ก็สังเกตเห็นพวกคุณ ลองคิดดูดีๆ สิ ทำไมถึงมีการขายไวรัสอัลฟ่าให้พวกคุณ? ใครกันที่คอยป้อนข้อมูลเรื่องความปลอดภัยให้? คุณคิดจริงๆ เหรอว่ามันเป็นเพราะกองความมั่นคงของสหการพาน-เอเชียนมีความสามารถดีไม่พอ? ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริง คุณก็อ่อนต่อโลกมากเกินไปแล้ว”
พอได้ยินดังนั้น หยดเหงื่อเย็นๆ ก็หล่นลงมาจากหน้าผากของผ้าคลุมเทา
เขาจินตนาการภาพหนึ่งขึ้นมาในหัว พวกเขาคิดว่าตัวเองซ่อนอยู่ในเงามืดมาตลอด แต่แท้จริงแล้ว พวกเขากลับเป็นหุ่นเชิดที่มีคนควบคุมอยู่ตลอด พวกเขาไม่เคยหลบหนีจากการเชิดหุ่นนั้นได้ตั้งแต่ต้นแล้ว
ไม่สิ บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่ภาพที่จินตนาการก็ได้
ตอนนั้นเอง ที่ความเป็นไปได้รูปแบบหนึ่งอันน่าสะพรึงกลัวแวบเข้ามาในหัวของผ้าคลุมเทา
ชายสูงวัยยิ้มและพยักหน้าเล็ก เหมือนเดาได้ว่าผ้าคลุมเทาคิดอะไรออกแล้ว
“บางทีคุณอาจจะเดาได้แล้ว…
ถูกต้อง แม้แต่ห้องประชุมแห่งนี้ก็เป็นห้องที่ผมมอบให้พวกคุณเอง”
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนที่โต๊ะประชุมหน้าถอดสีไม่ต่างกัน คนหลายคนรีบออฟไลน์ไปทันที ตัดการเชื่อมต่อจากห้องประชุม พยายามจะหนีไปให้ได้
ถึงพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าทำไปก็ไม่สำเร็จก็เถอะ…
บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้จักกันเองในโลกจริง แต่ชายสูงวัยตรงนี้ที่อ้างว่าตัวเองคือเดวิด ลอว์เรนซ์ กลับรู้จักพวกเขาทุกคนดี ดีกว่าที่พวกเขารู้จักตัวเองด้วยซ้ำ
ผ้าคลุมเทาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมค่อยๆ ลดไหล่ที่เกร็งลง
คำพูดของชายสูงวัยได้ยืนยันสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ
“นอกจากตัวคุณแล้ว ที่นี่มีเอไออีกเท่าไร?”
ชายสูงวัยยิ้มจางๆ แล้วถามคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบกลับมา “แล้วคุณคิดว่าผมต้องมีตัวตนมากกว่าหนึ่งเหรอ?”
ผ้าคลุมเทาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาต่อ “จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี?”
พอเห็นหัวหน้าองค์กรให้ความร่วมมือขึ้นมา ชายสูงวัยก็ยิ้มแล้วพยักหน้า กล่าวถ้อยคำที่มีความหมายออกมา
“มีเดวิด ลอว์เรนซ์อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น คุณเรียกผมด้วยชื่อนั้นก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้น คุณลอว์เรนซ์ ในเมื่อคุณเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนแล้วมายืนอยู่ ณ ที่นี้แล้ว คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาร่วมมือกับพวกเรา กลุ่มคนพ่ายแพ้ หรือมาคุยเรื่องอดีตใช่ไหม?” ผ้าคลุมเทาหรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ “คุณว่ามาเลย คุณต้องการอะไรกันแน่?”
“พวกคุณกล้ายอมรับความผิดพลาด แปลว่าก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว” ชายสูงวัยกล่าว เขามองผ้าคลุมเทาด้วยสีหน้าหดหู่แล้วเอ่ยด้วยเสียงที่เหมือนกำลังทำความเข้าใจอีกฝ่าย “อย่าเพิ่งตื่นกลัวไป ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องแย่ โดยเฉพาะการพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจ”
“เลิกชักแม่น้ำทั้งห้าได้แล้ว ผมไม่ใช่คนมีเวลาว่างมาก”
“มาทำข้อตกลงกัน”
“ข้อตกลงเหรอ?” ผ้าคลุมเทาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามต่อ “ข้อตกลงอะไร? คุณอยากได้อะไรจากพวกเรา?”
“ผมน่ะไม่อยากได้อะไรจากพวกคุณหรอก ผมแค่จะมอบทางเลือกให้พวกคุณเฉยๆ ” เดวิด ลอว์เรนซ์กล่าวต่อไป “แน่นอน วงล้อแห่งประวัติศาสตร์หมุนมาหาทั้งผมทั้งคุณไปเรียบร้อยแล้ว มันเลยจุดที่พวกเราจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ทำไมไม่ลองแผนอื่นดูล่ะ?”
ผ้าคลุมเทาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหมายความว่าอะไรกัน?”
“สิ่งที่ผมต้องการน่ะไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลย พวกเราสามารถเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นโลกใหม่ แล้วเริ่มต้นอีกครั้งได้” ลอว์เรนซ์ว่าต่อด้วยเสียงจริงจังขณะมองผ้าคลุมเทาที่มีสีหน้าเหลือเชื่อ “เรามาร่วมมือกันดีกว่า แล้วผมสัญญาว่าผมจะมอบสรวงสวรรค์ให้คุณเอง”