Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1617 จดหมายจากดาวอังคาร
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1617 จดหมายจากดาวอังคาร
ด้วยความสำเร็จลุล่วงของโปรเจกต์เฟสแรก ไม่นานลิฟต์อวกาศเฟสสองก็เริ่มต้นขึ้นแบบเต็มอัตรา
ในฐานะผู้รับเหมาหลักของโปรเจกต์ทั้งหมด การก่อสร้างส่วนนี้ยังเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดสำหรับอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์อีกด้วย
ในการก่อสร้างส่วนนี้ ทีมก่อสร้างของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์จะวางลิฟต์ขนาด 36,000 กิโลเมตรลงมาจากเนอร์วานาทีละส่วน เหมือนกับบันได จนกระทั่งมันเชื่อมต่อกับหอคอยกลางที่เมืองเผิงไหล
สถานีอวกาศใหญ่ๆ อย่างเช่น สถานีอวกาศเลอเกรนจ์อาจจะสามารถใช้เป็นแบบอ้างอิงสำหรับสถานีอวกาศเนอร์วานาได้ แต่มันยังขาดประสบการณ์ในอดีตที่จะเป็นแบบอ้างอิงให้กับการก่อสร้างในส่วนของลิฟต์
ลืมเรื่องอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ไปได้เลย
แม้แต่สำหรับอารยธรรมมนุษย์ทั้งมวล การสร้างลิฟต์ความยาวขนาดนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ในเฟสแรกของโปรเจกต์ เราจะวางรางหลักรางหนึ่งกับรางรอง 4 รางลง แล้วก็เชื่อมต่อส่วนของรางทีละส่วนโดยการย้ายพวกมันลงไปข้างล่างจนกระทั่งส่วนสุดท้ายของรางเชื่อมต่อเข้ากับหอคอยกลางเรียบร้อย”
“ถ้าสามารถรับรองความปลอดภัยของลิฟต์ได้ เราก็จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนไปจนถึง 12 ในงานขั้นต่อไป และสุดท้ายก็ทำการออกแบบบนพิมพ์เขียวทั้งหมด”
หลังจากที่ได้ยินแผนการก่อสร้างเฉพาะที่หัวหน้าวิศวกรหวังจากอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์อธิบาย ลู่โจวก็พยักหน้าหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เป็นไอเดียที่ดี เรามาลองทำตามนี้กันเลยก็ได้”
นี่เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
ถึงแม้จะเป็นหลังจากที่มีการทดลองทางเทคนิคและการจำลองทางคอมพิวเตอร์แล้ว ลิฟต์อวกาศก็ยังคงเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายสำหรับพวกเขา แม้ว่าความล้มเหลวในการสำรวจทางวิทยาศาสตร์จะเป็นเรื่องธรรมดา การพังทลายของรางขนาด 36,000 กิโลเมตรก็มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบที่ไม่อาจคาดเดาได้ต่อสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยา
ถ้ามันตกลงมาบนโลกก็คงจะไม่เป็นไร
ถ้าซากปรักหักพังระหว่างวงโคจรต่ำของโลกกับวงโคจรพ้องคาบโลกไม่ได้ตกลงมา แต่กลายเป็นขยะบนท้องฟ้ารอบโลก มันก็อาจจะเป็นความหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย…
หลังจากที่การประชุมจบลงลู่โจวก็ออกจากสถาบันวิทยาศาสตร์พาน-เอเชียนและขึ้นรถพลังแม่เหล็กความเร็วสูงที่จอดอยู่ตรงประตูไป
หวังเผิงขับรถพาเขาไปยังสถานีแม็กเลฟ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีงานใหม่แล้ว แต่เขาก็เป็น ‘เพื่อน’ จากยุคเดียวกันและหุ้นส่วนซึ่งทำงานกับลู่โจวมาหลายปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังคงดีอยู่เสมอ เมื่อได้ยินว่าลู่โจวมาที่ปักกิ่ง เขาก็อาสามาเป็นคนขับรถชั่วคราวให้เพื่อนเก่าของเขาทันที
“คุณเป็นยังไงบ้าง?”
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะ?”
“เหมือนกัน” หวังเผิงซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งของคนขับ ยิ้มกว้างและพูดต่อว่า “บางทีผมอาจจะโชคดีหลังจากที่ผมรอดชีวิตมาจากหายนะ ไม่นานมานี้ผมรู้สึกเหมือนว่าสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนไป”
“หมายความว่ายังไง?”
“เราตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่อจัดการกับองค์กรถูกไหม?”
แม้ว่าหวังเผิงจะไม่ได้ระบุว่าองค์กรนั้นคือองค์กรไหน แต่ทันทีที่ลู่โจวได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็รู้ว่าหวังเผิงหมายถึง ‘องค์กรศาสนา’ ที่พยายามจะใช้ไวรัสอัลฟ่าเพื่อควบคุมโลกแต่กลับลงเอยด้วยการล้มเหลวอย่างน่าอนาถใจ
“มีเบาะแสเกี่ยวกับพวกเขาไหม?”
“ยิ่งกว่าเบาะแสอีก” หวังเผิงยิ้มอย่างเบิกบานใจ “เมื่อนานมาแล้วเราได้ค้นพบฐานลับของพวกเขาในประเทศที่เป็นกลาง ด้วยความร่วมมือของโกสต์สควอดเราจึงประสบความสำเร็จในการสามารถเอาชนะพวกเขาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ยารักษาโรคทางจิตเวชและเอกสารสำคัญมากมายที่เคยใช้เพื่อพัฒนาผู้ศรัทธาถูกสกัดกั้น แล้วจากนั้นเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
โกสต์สควอดเป็นหน่วยนาวิกโยธินพิเศษของกองทัพชุดแรกของพาน-เอเชีย ซึ่งแตกต่างจากกองพลอากาศวงโคจรที่สามซึ่งรับผิดชอบแนวรบส่วนหน้า แม้ว่าพวกเขาจะจัดการปฏิบัติการทางอากาศของโลกด้วย แต่หลักๆ แล้วพวกเขาจะดำเนินการเกี่ยวกับงานด้านเทคนิคมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าหมายในการกำจัดกบฏหรือการปฏิบัติภารกิจบางอย่างที่เป็นความลับ
ลู่โจวเคยได้ยินเรื่องของทหารหน่วยนี้มาก่อน แต่เขาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมสุดท้ายขององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลมากกว่า
“แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“จากข้อมูลในเอกสารพวกนั้น เรามั่นใจได้เลยว่าฐานทัพที่เราทำลายเป็นสำนักงานใหญ่บนโลกของพวกเขา!”
หวังเผิงหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาอย่างมีความสุขแล้วคาบไว้ในปาก อย่างไรก็ตามในตอนที่เขากำลังจะจุดไฟ ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าลู่โจวเกลียดกลิ่นควัน ดังนั้นเขาจึงเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เขากระแอมและพูดต่อไปว่า “ที่เหลือก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เมื่อใช้เอกสารต่างๆ ที่เก็บรวบรวมมาจากสำนักงานใหญ่ เราก็เจอสมาชิกสำคัญขององค์กรมากมายหลายคน บางคนถูกจับกุมไปแล้ว และบางคนก็กำลังจะถูกจับเร็วๆ นี้”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลู่โจวก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“ดูเหมือนว่าคดีนี้กำลังจะจบลงในอีกไม่ช้า”
“จบเหรอ… ยังหรอก”
ลู่โจวเหลือบมองเขาในทันใด
“สำนักงานใหญ่ไม่ได้ถูกถอนออกไปแล้วเหรอ?”
หวังเผิงถอนหายใจและพูดว่า
“ใช่ แต่ในเอกสารที่เก็บไว้ในสำนักงานใหญ่ มีการระบุชื่อของสมาชิกบางส่วนไว้เท่านั้น มันยังห่างไกลจากชั้นใจกลางขององค์กรทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ชื่อของซงหยางเหว่ยก็ไม่ได้อยู่ในนั้น”
“สมาชิกสำคัญไม่ถูกจับสักคนเลยเหรอ?” ลู่โจวอึ้งไปชั่วครู่ เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่แปลกๆ “คุณแน่ใจเหรอว่าคุณเจอสำนักงานใหญ่ของพวกเขาแล้ว?”
หวังเผิงส่ายหัวและพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณหมายความว่ายังไง จริงๆ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าฐานที่เราทำลายเป็นแค่เหยื่อล่อที่องค์กรนี้วางไว้หรือเปล่า แต่เราได้สืบสวนแล้วพบว่าสมาชิกสำคัญขององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลนั้นติดต่อกันผ่านเครือข่ายการจำลองภาพเสมือนจริง พวกเขาไม่เคยเจอกันในชีวิตจริง”
ลู่โจวพูดว่า “นี่ฟังดูคล้ายสมาคมเกมออนไลน์เลย”
“มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” หวังเผิงพูดต่อว่า “วิธีการที่รัดกุมของพวกเขานำมาซึ่งอุปสรรคใหญ่การทำการสืบสวนของพวกเรา ถ้าเราไม่ได้กวาดล้างฝ่ายบริหารหลักของพวกเขาหรือทำลายแหล่งเงินทุนของพวกเขาอย่างแท้จริง ไม่ว่าฐานของพวกเขาจะถูกรื้อถอนออกไปสักกี่แห่ง มันก็อาจจะไม่ได้เป็นการทำลายพวกเขาจริงๆ”
ลู่โจวถามว่า “คุณอยากให้ผมช่วยไหม?”
ดูเหมือนหวังเผิงจะไม่ได้คาดคิดว่าลู่โจวจะพูดประโยคนี้ออกมา หลังจากได้ยินดังนั้น หวังเผิงก็ตกตะลึงไป
หวังเผิงไม่ได้แสดงสีหน้าแต่อย่างใด ลู่โจวเหลือบมองเขาด้วยความไม่มั่นใจ
“มีอะไร?”
“เปล่า… แค่แปลกใจนิดหน่อย” หวังเผิงพูดพร้อมกับยิ้มหลังจากที่ดึงสติตัวเองกลับมา “พวกเขาบอกผมว่าคุณยุ่งมากๆ ผมก็เลยไม่คิดว่าคุณจะเสนอความช่วยเหลือ”
ลู่โจวพูดว่า “นั่นขึ้นอยู่กับว่าใครต้องการความช่วยเหลือ”
“เรารู้สึกซาบซึ้งกับข้อเสนอของคุณ แต่เราจะไม่รบกวนคุณสำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้” หวังเผิงพูดต่อไปพร้อมกับยิ้ม “การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยทางสังคมเป็นหน้าที่ของเรา มันเป็นการขาดความรับผิดชอบถ้าจะดึงคุณเข้ามาเอี่ยวด้วย อีกอย่าง ณ ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่ารอให้คุณไปทำอยู่”
หลังจากที่มาถึงสถานีแม็กเลฟ หวังเผิงกับลู่โจวก็กล่าวลากัน
ลู่โจวนั่งรถไฟแม็กเลฟกลับไปยังจินหลิง เขากำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเดวิด ลอว์เรนซ์ น่าจะเสียชีวิต หวังเผิงเห็นกับตาตัวเอง และยังมีหลักฐานพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ อย่างไรก็ตามความลับมากมายถูกเปิดเผยออกมาเพราะการเสียชีวิตของเขา
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ลู่โจวก็หยุดงานหนึ่งวันก่อนจะกลับไปทำงาน เขาอาจจะไปที่มหาวิทยาลัยบางโอกาสเพื่อสอนนักศึกษายุคศตวรรษที่ 22 ใช้เวลาในห้องปฏิบัติการและเล่นกับแบบจำลองของทางหลวงระหว่างดาวเคราะห์ หรือไม่ก็หารือปัญหาวิชาการกับเด็กฝึกงานที่เขาโปรด
เพียงเท่านี้วันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานก็หมดเดือนแล้ว
ในขณะที่วันหยุดฤดูร้อนใกล้มาถึง ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่กี่เรื่องที่ทำให้เขาจำเป็นต้องออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ลู่โจวกำลังนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้รับอีเมลพิเศษในกล่องข้อความ
เหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงพิเศษก็คือจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากอาณานิคมดาวอังคาร
ยิ่งไปกว่านั้นลายเซ็นของนายกเทศมนตรีและตราสีแดงของเจ้าหน้าที่เมืองเทียนกงยังประทับอยู่บนอีเมลนั้นด้วย แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้อ่านเนื้อหา แต่สัญลักษณ์ทั้งหมดดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าจดหมายฉบับนี้ผิดปกติ…