Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1618 โลกนี้มันบ้าเกินไป
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1618 โลกนี้มันบ้าเกินไป
“ท่าดาวอังคาร ที่ซึ่งความฝันของกาแล็กซีเริ่มต้นขึ้น… อะไรกัน? คนจากสภาเมืองพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่?”
กงเทียนเหวินซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาได้ปัดนิ้วชี้ไปทั่วหน้าจอโฮโลแกรมตรงหน้าเขาและเอาประเด็นข่าวล่าสุดของเทียนกงเดลี่ใส่ลงถังขยะ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของหนังสือพิมพ์ทำให้เขาครุ่นคิดอยู่นาน
ที่ซึ่งความฝันของกาแล็กซีเริ่มต้นขึ้น…
สำหรับชาวดาวอังคารโดยกำเนิด ประโยคนี้ค่อนข้างน่าทึ่ง
รายงานข่าวนี้กล่าวถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เร็วกว่าแสง และความสำเร็จของลิฟต์อวกาศเฟสแรก ความต้องการในการขนส่งบนดาวอังคารกำลังขยายตัวขึ้นทุกวัน และสิ่งอำนวยความสะดวกทางอวกาศแบบเก่าก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้คนอีกต่อไป ดังนั้นสภาเมืองจึงได้ออกแผนเกี่ยวกับแผนการพัฒนาใหม่สำหรับท่าดาวอังคาร
แผนได้รับการประกาศออกมาโดยเสี่ยวหง นายกเทศมนตรีคนใหม่ เจ้าหน้าที่สภาเมืองจะใช้เงิน 1 แสนล้านเครดิตเพื่อสร้างท่าอวกาศยานที่ใหญ่ขึ้นในวงโคจรของการบินของดาวอังคาร
ท่านี้จะไม่เพียงแค่ใช้เป็นสถานีขนส่งเท่านั้น แต่จะยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยประจำวงโคจร ผสมผสานการผลิตและชีวิต
ในฐานะชาวดาวอังคารคนหนึ่งที่รักบ้านเกิดของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ไม่มีใครที่จะอยากให้ดาวอังคารเฟื่องฟูไปมากกว่าเขาแล้ว
เมื่อเทียบกับทัศนียภาพที่เจริญหูเจริญตาบนโลก สภาพแวดล้อมบนดาวอังคารด้านนอกเมืองเทียนกงนั้นดูจะโหดร้ายยิ่งกว่า
สำหรับโลกที่อยู่ภายในหลังคาโดมเมืองเทียนกง ที่นี่คือสวรรค์ที่คนส่วนใหญ่บนโลกซึ่งไม่เคยมาเยือนอวกาศไม่สามารถจะจินตนาการได้
ต่างจากเมืองก่วงฮั่นซึ่งถูกลืมไปเป็นเวลาครึ่งศตวรรษแล้ว อาณานิคมบนดาวอังคารนี้ได้รับการพัฒนาโดยชาวอาณานิคมหลายรุ่นเนื่องจากการขนย้ายของอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ด้วยความต้องการที่จะอยู่รอดอย่างแท้จริง ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่กำลังปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อดำรงชีวิตของอาณานิคมอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายพื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขา ดังนั้นอิฐทุกก้อนและกระเบื้องทุกแผ่นที่นี่จึงเป็นการตกผลึกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คงจะไม่ใช่การกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่ากระเบื้องบนพื้นทุกแผ่นประกอบไปด้วยสติปัญญาระดับสุดยอดของอารยธรรมมนุษย์ทั้งมวล
กงเทียนเหวินเป็นชาวดาวอังคารโดยกำเนิด แม้เขาจะได้ยินมาว่ามีป่าไม้กว้างใหญ่ ทะเล และสิ่งมหัศจรรย์เก่าแก่นับไม่ถ้วนบนโลก แต่เขาก็ไม่ได้ปรารถนามัน
ในฐานะที่เป็นลูกหลานของชาวอาณานิคมดั้งเดิมและในฐานะ ‘พลเมืองดาวอังคาร’ เขารู้สึกภูมิใจในเอกลักษณ์ของเขาเป็นอย่างยิ่งอยู่เสมอ
เขาเป็นลูกหลานของนักสำรวจ
และบริษัทของเขาเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับนักสำรวจ
นอกจากความภาคภูมิใจในการเป็นชาวดาวอังคารแล้ว ท่าดาวอังคารที่บรรยายไว้ในข่าวนี้ยังทำให้เขามองเห็นโอกาสใหญ่ทางธุรกิจด้วย
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยก็คือสไตล์การพูดของนายกเทศมนตรีและการทำสิ่งต่างๆ ที่ดูไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างมาก
ท่าดาวอังคารจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งจริงเหรอ?
กงเทียนเหวินค่อนข้างฉงนใจ
อย่างเคย หลังจากที่อ่านข่าวช่วงเช้าเขาจะเปิดระบบออฟฟิศโฮโลแกรมอัจฉริยะบนโต๊ะทำงานของเขาและเริ่มจัดการงานของวันนี้ด้วยความช่วยเหลือจาก AI ธุรกิจ
ในขณะที่เขากำลังจะเซ็นเอกสาร ผู้ช่วย AI ของเขาก็ลอยออกมาจากโต๊ะทำงาน
“นายท่าน มีแขกข้างนอกต้องการจะพบท่าน”
แขกเหรอ?
ใครกันที่มาเช้าขนาดนี้?
กงเทียนเหวินพูดอย่างกันเอง
“ให้เขาเข้ามา”
หลังจากภาพโฮโลแกรมที่ลอยอยู่ข้างโต๊ะทำงานหายไป ประตูออฟฟิศก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักชายคนหนึ่งในชุดสูทและรองเท้าหนังก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“สวัสดีครับ ประธานกง ผมเป็นผู้จัดการของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี นี่นามบัตรของผมครับ”
มูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี?
กงเทียนเหวินขมวดคิ้วตอนที่เขาได้ยินชื่อนี้ และความประทับใจของบุคคลตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
เหตุผลง่ายๆ คือ
ในความเห็นของเขา มูลนิธิเหล่านี้ซึ่งตั้งเป้าหมายไปที่ดาวเคราะห์นอกระบบโดยทั่วไปแล้วเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ โดยผ่านหนังสือรับรองที่ดินอันสวยงามและคำโกหกที่เพ้อฝัน พวกเขาได้ขโมยเครดิตพอยท์ไปจากมือของสามัญชนไปมากมาย
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด
คนโกหกเหล่านี้ที่ถนัดในการหลอกลวงคนส่วนมากจะเป็นพวกต้มตุ๋น พวกเขาชอบที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจและโน้มน้าวให้คนเซ็นสัญญาโดยปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของพวกเขาเอาไว้
กงเทียนเหวินเคยเจอคนหลายคนที่ทำมูลนิธิที่คล้ายกัน โดยหวังที่จะเข้าถึง ‘ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์’ กับโรงงานของเขาผ่านการแลกเปลี่ยนหุ้นหรือ ‘ที่ดิน’ และพวกเขาถึงกับใช้เหยื่อล่อโดยการจะช่วยเขาเสนอขายหุ้นสาธารณะบนโลก
แต่เขาก็มักจะเยาะเย้ยข้อเสนออันน่าขันเหล่านี้เสมอ
ถ้าใครสักคนต้องการที่จะซื้อโรงงานของเขาหรือชิ้นส่วนที่เขาผลิต พวกเขาก็สามารถทำได้ แต่พวกเขาจะต้องเอาเงินจริงๆ มาแสดงให้เขาเห็น ในส่วนที่เหลือ เขาไม่ต้องการที่จะเก็บพวกเขาเอาไว้แม้แต่นาทีเดียว
“มิสเตอร์แกล็ดสโตน?”
กงเทียนเหวินเหลือบมองนามบัตรโฮโลแกรมในมือของเขา เขาลากมันเข้ามาไว้ในสมุดที่อยู่ของเขาอย่างสบายๆ ก่อนที่จะชำเลืองมองไปที่ชายตรงหน้าเขา “ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของผม… ผมได้ยินเลขาของผมบอกว่าคุณมีแผนธุรกิจจะมาหารือกับผมใช่ไหม? คุณบอกหน่อยได้ไหมว่ามันคือธุรกิจอะไร?”
ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ เขาก็จ้องไปที่นาฬิกาที่อยู่ตรงมุมสายตาของเขาแล้วโดยไม่รู้ตัว
เขาตัดสินใจแล้ว ในวินาทีที่ชายคนนี้แสดงเจตนาเดียวกับสแกมเมอร์พวกนั้น เขาก็จะนำตัวชายคนนี้ออกไปจากออฟฟิศของเขาภายในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่คำแรกที่มิสเตอร์แกล็ดสโตนพูดออกมานั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของกงเทียนเหวิน
“ผมอยากจะสร้างยานครับ”
“ยาน?” กงเทียนเหวินจ้องไปที่ชายในชุดสูทและรองเท้าหนังตรงหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดต่อไปว่า “คุณมาผิดที่หรือเปล่าครับ? เราไม่ได้ผลิตยานอวกาศ เราผลิตแต่—”
“ชิ้นส่วนยานใช่ไหมครับ?” เขาหยิบเมมโมรี่การ์ดสีดำอันหนึ่งออกมาจากแขนของเขา จากนั้นชายในชุดสูทและรองเท้าหนังก็ค่อยๆ ส่งมันมาให้กงเทียนเหวิน “ตามปกติแล้วเราจะติดต่ออู่ต่อยานโดยตรง แต่ความต้องการของเราค่อนข้างพิเศษ… คุณคิดว่าคุณจะสามารถสร้างมันได้ไหม?”
“ขอผมดูหน่อย”
หลังจากรับเมมโมรี่การ์ดสีดำมา กงเทียนเหวินก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมระหว่างที่เขาใช้นิ้วมือทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์
ไม่นานภาพโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนก็ฉายขึ้นมาตรงหน้าเขา
วินาทีที่เขาเห็นพารามิเตอร์บนภาพวาด คิ้วของเขาก็กระตุกอย่างแรง และเขาก็อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า “กระดูกงูยาว 5 กิโลเมตร… คุณกำลังวางแผนจะสร้างยานบรรทุกยานอวกาศเหรอ?”
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่วิศวกรมืออาชีพ แต่เขาก็อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาหลายปี ถึงแม้เขาจะไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่เขาก็รู้ว่าไก่หน้าตาเป็นยังไง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นยานอวกาศพลเรือนที่มีกระดูกงูยาวขนาดนี้
แกล็ดสโตนยิ้มนิดๆ และพูดต่อด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “คุณแค่ตอบผมมาเท่านั้นว่าคุณทำมันได้หรือเปล่า ถ้าคุณทำได้ ผมจะทำการสั่งซื้อตอนนี้เลย แต่ถ้าไม่ ผมจะไปหาที่อื่น”
กงเทียนเหวินเชิดคางขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่อวดดี
“ตราบเท่าที่มีพิมพ์เขียวและวัสดุ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้! แต่ขนาดมันใหญ่ไปสักหน่อย ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและค่าแรงงานมันไม่ใช่ถูกๆ และถ้าคุณผิดสัญญา เราทำได้แค่ขายมันไปเป็นเศษซากเท่านั้น… ค่ามัดจำอาจจะต้องแพงขึ้นไปอีก คุณอาจจะต้องจ่ายมา 50% ของราคาทั้งหมด”
“ไม่มีปัญหา”
กงเทียนเหวินประหลาดใจที่ชายซึ่งจมูกโค้งงอผู้นี้ไม่ต่อรองด้วยซ้ำ
“สัญญาอยู่ไหนล่ะครับ? ตราบเท่าที่คุณทำให้ผมมั่นใจได้ว่าคำสั่งซื้อนี้จะเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาที่กำหนด ผมก็สามารถจะจ่ายเงินมัดจำให้คุณได้เลยตอนนี้”
กงเทียนเหวินกลืนน้ำลาย เขายื่นนิ้วชี้ที่สั่นเทาออกไปแล้วเคาะลงที่โต๊ะทำงานเบาๆ
“สัญญาจะพร้อมในอีกไม่ช้า… โปรดรอสักครู่ครับ”
หลังจากรับสัญญาอิเล็กทรอนิกส์มา ชาวต่างชาติก็มองดูมันผ่านๆ แล้วเขาก็เซ็นชื่อและจ่ายเงินมัดจำไป 5 พันล้านเครดิต
มันแทบจะดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่การตกลงธุรกิจมูลค่าหลายหมื่นล้าน เขาทำเหมือนว่าเขากำลังซื้อบุหรี่จากซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างมากกว่า
ขณะที่มองดูคำสั่งซื้อมูลค่าหลายหมื่นล้านเครดิตพอยท์ในมือ กงเทียนเหวินก็รู้สึกว่ามือของเขากำลังสั่น ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาไม่เชื่อจนเขาต้องหยิกตัวเองเพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝันจนกระทั่งเขากลับมาสู่ความเป็นจริง
“บ้าไปแล้ว…”
เมื่อมองไปยังประตูออฟฟิศที่ปิดลงต่อหน้าเขา เขากลืนน้ำลายและใช้เวลาสักพักในการทำให้หัวใจที่กำลังเต้นอย่างแรงนั้นสงบลง
คำสั่งซื้อมูลค่าหมื่นล้านเครดิตพอยท์…
โลกนี้มันเป็นบ้าไปแล้ว