Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1619 คำสัญญานี้ดูคุ้นๆ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1619 คำสัญญานี้ดูคุ้นๆ
“ท่าดาวอังคาร ที่ซึ่งความฝันของกาแล็กซีเริ่มต้นขึ้น… สโลแกนนี้น่าสนใจทีเดียว”
ระหว่างมองดูหน้าจอโฮโลแกรมที่แขวนอยู่บนเพดานของห้องพักรอผู้โดยสารและสโลแกนโปรโมทที่เลื่อนลงมา ลู่โจวก็เลิกคิ้วด้วยสีหน้าที่แสดงความสนใจ เขาอดที่จะชำเลืองมองโฆษณาเป็นครั้งที่สองไม่ได้
หวังเผิงซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา ดูเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าของเขา เขามองมาที่ลู่โจวและพูดด้วยน้ำเสียงชวนคุย “เห็นชัดๆ เลยว่านับตั้งแต่นายกเทศมนตรีคนใหม่มารับตำแหน่ง นี่คือคำสัญญาของเขา”
ลู่โจวถอนสายตาออกจากโฆษณาโฮโลแกรม เขามองมาทางหวังเผิงและถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า “เขามารับตำแหน่งเมื่อไร?”
“เริ่มปีนี้”
“ไม่แปลกใจเลย…” ลู่โจวยักไหล่และอธิบายว่า “เมื่อต้นปีก่อน ผมยังอยู่ที่นี่”
ครั้งนี้เขามาที่ดาวอังคารด้วยสองจุดประสงค์หลัก
อย่างแรกคือเพื่อกลับไปเยี่ยมนายพลเรนฮาร์ทและยานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมขั้นสูง รวมถึงเพื่อสอบถามคำถามเชิงเทคนิคเกี่ยวกับ “สตาร์เกท”
มีเหตุผลอื่นอีกเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือคำเชิญของมิสเตอร์เสี่ยวหง นายกเทศมนตรีของดาวอังคาร
เสี่ยวหงกล่าวไว้ในจดหมายว่าการอุบัติของเครื่องจักรที่เร็วกว่าแสงจะทำให้ดาวอังคารเป็นด่านหน้าสำหรับอารยธรรมมนุษย์เพื่อที่จะสำรวจโลกที่อยู่ไกลออกไป
และสำหรับอนาคตของอาณานิคมดาวอังคาร เขาหวังว่าลู่โจวในฐานะหนึ่งในผู้สถาปนาการตั้งอาณานิคมอวกาศและการสำรวจจะสามารถมาเข้าร่วมการสัมมนาที่จัดขึ้นในเมืองเทียนกงได้เพื่อหารือเรื่องความเป็นไปได้ด้านเทคนิคของการตั้งอาณานิคมดวงจันทร์ยูโรปา
อย่างที่ทุกคนรู้ น้ำจืดเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่แพงที่สุดในกิจกรรมการบินและอวกาศเสมอ
ในฐานะที่เป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของดาวพฤหัสบดี ดวงจันทร์ยูโรปาเป็นโลกทะเลที่ปกคลุมไปด้วยธารน้ำแข็งทั้งหมด ไม่ต้องบอกเลยว่าดาวเคราะห์ดวงนี้สำคัญกับดาวอังคารมากขนาดไหน
สำหรับหวังเผิง เหตุผลในการมาที่ดาวอังคารก็ง่ายมากเช่นกัน
เหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อปกป้องลู่โจว และอีกเหตุผลก็คือเพื่อเก็บเบาะแสเกี่ยวกับองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล
แม้ว่ามันจะเป็นเบาะแสที่คลุมเครือเบาะแสเดียว พวกเขาก็มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าคนจากองค์กรอาจจะแทรกซึมอยู่ที่นี่
หลังจากฐานบนโลกถูกกำจัดออกไป ชั้นใจกลางของพวกเขาก็มีแนวโน้มว่าจะถูกย้ายมายังพื้นที่นี้
“คุณควรจะระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้ตอนที่ไปเข้าร่วมงานวิชาการ แม้ว่าจะไม่มีข่าวกรองโดยตรงที่แสดงให้เห็นว่าคนขององค์กรยังคงเห็นว่าคุณเป็นเป้าหมายในการโจมตี… ก็ไม่สามารถจะตัดเรื่องที่พวกเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างเพื่อต่อต้านคุณออกไปได้”
“คุณวางใจได้เลยว่าหุ่นยนต์บอดี้การ์ดของผมจะคอยคุ้มกันความปลอดภัยของผม”
ในตอนที่ลู่โจวพูดประโยคนี้ออกมา เขายิ้มยิงฟันและมองไปที่หลิง ซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา
เมื่อหวังเผิงเหลือบมองไปทางหุ่นยนต์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนหุ่นไม้ สีหน้าของเขาก็แปลกออกไปเล็กน้อย
แม้ว่าเจ้าตัวนี้จะดูไม่น่าไว้ใจมากนัก แต่ในที่สุดหวังเผิงก็ยังเลือกที่จะเชื่อในตัวลู่โจว เขาพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง
หลังจากขึ้นรถรับส่ง คนสองคนและหุ่นยนต์หนึ่งตัวก็มาถึงอาคารผู้โดยสารที่สนามบินนอกเมืองเทียนกง
หลังจากผ่านจุดตรวจการรักษาความปลอดภัย จู่ๆ ลู่โจวก็สังเกตเห็นนายกเทศมนตรีเสี่ยวซึ่งส่งอีเมลเชิญเขาไปยังดาวอังคารเป็นการส่วนตัว
นายกเทศมนตรีนั้นท้วมเล็กน้อยและสวมเครื่องแต่งกายแบบทางการที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชนชั้นสูงชาวดาวอังคาร
“นักวิชาการลู่ ดีใจที่ได้เจอคุณ! ผมได้ยินมาว่าตอนที่คุณตื่นขึ้นมาจากซากของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ คุณผ่านเมืองเทียนกงด้วย น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถจะไปพบคุณได้ตอนนั้น!”
ลู่โจวเพียงแต่ยิ้มนิดๆ และส่ายหัว
มีบางอย่างที่ลู่โจวไม่ได้พูดออกไป
ในตอนนั้นเขาไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนของเขาได้ ถึงแม้เขาจะไปหานายกเทศมนตรีเสี่ยว แต่เขาก็อาจจะถูกตีตราว่าเป็นคนโรคจิตและถูกนำตัวออกมาจากสภาเมือง
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาก็คงจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมา…
“ผมได้ยินว่าเฟสแรกของโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศที่คุณคุมอยู่สำเร็จลุล่วงแล้วใช่ไหมครับ?”
หลังจากปล่อยมือขวาของนายกเทศมนตรีเสี่ยว ลู่โจวก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ครับ… ข่าวนี้ไปถึงดาวอังคารเลยเหรอครับ?”
นายกเทศมนตรีเสี่ยวยิ้มอย่างเบิกบานและพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า “แน่นอนสิครับ! ดาวอังคารไม่ใช่สถานที่ที่ถูกตัดขาดจากข่าวสาร ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่สถานีอวกาศบนแถบดาวเคราะห์น้อยที่ห่างไกลยังพูดถึงคุณและลิฟต์อวกาศเลย รวมถึงเครื่องจักรที่เร็วกว่าแสงด้วย”
เพื่อรับคำชมนี้ด้วยความยินดี ลู่โจวจึงยิ้มและพูดว่า “นับเป็นเกียรติของผมที่ได้รับความสนใจจากคุณ”
“ก็คงจะเป็นเกียรติของเราที่มีโอกาสได้เห็นการอุบัติขึ้นของเทคโนโลยีที่เร็วกว่าแสงในช่วงชีวิตของเรา!” เสี่ยวหงพูดต่อไปพร้อมกับยิ้มกว้าง “จะว่าไปแล้วผมก็อยากจะถามความเห็นของคุณมาตลอด มันจะเป็นไปได้ไหมที่จะสร้างลิฟต์อวกาศที่เหมือนกันบนดาวอังคาร?”
“ไม่มีปัญหาในแง่ของความเป็นไปได้ครับ หากพูดถึงในเชิงทฤษฎีแล้ว สภาพแวดล้อมแรงดึงดูดบนดาวอังคารนั้นต่ำกว่า ดังนั้นอุปสรรคในการก่อสร้างอาจจะน้อยกว่าด้วยเช่นกัน” ลู่โจวเหลือบมองมาที่นายกเทศมนตรีเสี่ยวด้วยสายตาแปลกๆ ระหว่างที่เขาถามขึ้นอย่างสบายๆ ว่า “ทำไมคุณถึงถามขึ้นมาล่ะครับ? เมืองเทียนกงวางแผนจะสร้างลิฟต์อวกาศเหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า ผมไม่สามารถจะปิดบังอะไรคุณได้เลยสินะ! เรามีแผนนี้จริงๆ ครับ” นายกเทศมนตรีเสี่ยวพูดต่อพร้อมกับยิ้ม “จากการประเมินของผม ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าจะเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศที่เฟื่องฟู! ไม่ใช่แค่ลิฟต์อวกาศ เรายังวางแผนจะสร้างท่าดาวอังคารในวงโคจรของการบินของดาวอังคารที่ผสมผสานการค้า อุตสาหกรรม และการดำรงชีวิตของผู้คน มันจะเป็นประภาคารสำหรับระบบสุริยะ! ท่าที่ปลอดภัยซึ่งสามารถจัดหาเสบียงและที่พักให้กับยานอวกาศได้!”
“แน่นอน ผมต้องก้าวไปทีละขั้น ท่าดาวอังคารเป็นแผนระยะยาว เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานนี้เรายังมีงานระยะสั้นมากมายที่ต้องทำ อย่างเช่นการหาวิธีนำเอาทรัพยากรน้ำที่ล้นเหลือของดวงจันทร์ยูโรปามา”
“ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับการประชุมในวันพรุ่งนี้นะครับ!”
ตอนที่มองรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของนายกเทศมนตรีเสี่ยว ลู่โจวไม่รู้เลยว่าเขากำลังพูดเล่นหรือจริงจัง
หืม?
ฉันรู้สึกเหมือนว่าคำสัญญาของชายผู้นี้ดูคุ้นๆ?
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวก็พยักหน้าอย่างสุภาพ
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
หลังจากได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่เมืองเทียนกง ลู่โจวและหลิงก็มายังโรงแรมที่พวกเขาจะต้องมาพัก
หวังเผิงมีงานอื่นต้องทำ ดังนั้นหลังจากส่งทั้งสองที่โรงแรมแล้ว เขาก็ออกไปเอง
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ดึกแล้ว ลู่โจวจึงแค่อาบน้ำก่อนจะนอนลงบนเตียงและเปิดเครื่องเทอร์มินอลส่วนตัวของเขา
ลู่โจวเห็นจุดสีแดงเล็กๆ บนกล่องข้อความและสงสัยว่าใครจะส่งอีเมลมา เขายื่นนิ้วออกไปและคลิกบนนั้น
ไม่นานกล่องข้อความก็เปิดออก และจดหมายที่เขียนด้วยลายมืออันสวยงามก็ฉายขึ้นมาตรงหน้าเขา
[อย่าลืมดูแลตัวเองตอนอยู่บนดาวอังคารด้วยนะคะ ฉันได้ยินว่าก่อนหน้านี้คุณทำเรื่องอันตรายบนดาวอังคาร ดังนั้นครั้งนี้กรุณาอย่าทำเป็นเล่นล่ะ
[— รัก, เวร่า พุลยุย]
แม้ว่าลู่โจวจะเย็นชานิดหน่อยในหลายๆ ครั้ง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าแก้มของเขาอุ่นขึ้นมา
นี่เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมหรือเปล่านะ?
ทำไมมันทำให้ฉันรู้สึกเขินมากเลยล่ะ?
“เฮ้อ ฉันควรทำยังไงดี…”
ลู่โจวนอนลงและเตรียมพร้อมที่จะนอนหลับ แต่หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เขาก็ยังหลับไม่ลง
เขาหลับตาและอยู่เงียบๆ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ใช้นิ้วชี้เคาะแป้นคีย์บอร์ดโฮโลแกรมอยู่สองสามครั้ง และเขียนตอบไปว่า
[ผมจะดูแลตัวเอง ไม่ต้องห่วงผม
[—ลู่โจว]