Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1620 สภาพแวดล้อมทางวิชาการของดาวอังคาร
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1620 สภาพแวดล้อมทางวิชาการของดาวอังคาร
โรงแรมสตาร์สกายตั้งอยู่ในส่วนที่อยู่กึ่งกลางที่สุดในเมืองเทียนกง ที่นี่เป็นโรงแรมธุรกิจที่หรูหราที่สุดในเมืองเทียนกงและยังเป็นสถานที่ชุมนุมซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการจัดการประชุมทางวิชาการใหญ่ๆ ต่างๆ
อันที่จริงโรงแรมนี้เป็นธุรกิจเดียวที่เหลืออยู่ของสตาร์สกายเทคโนโลยี ครั้งแรกที่มีการก่อตั้งเมืองเทียนกงขึ้นมา สตาร์สกายเทคโนโลยีได้ลงทุนกับที่นี่ไปมากมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่โชคไม่ดีเนื่องด้วยการบริหารจัดการที่แย่ บริษัทยักษ์ใหญ่จึงเริ่มถดถอย
กรรมสิทธิ์ของโรงแรมนี้ถูกขายให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งในช่วงยุค 2050 ด้วยทรัพยากรทางการเงินในปัจจุบันของลู่โจวมันเป็นเรื่องง่ายที่จะซื้อมันกลับมา แต่เขาเองไม่ได้มีความสนใจในการบริหารจัดการโรงแรม
อีกอย่างคือตอนนี้สตาร์สกายเทคโนโลยีก็เป็นเปลือกหอยที่ว่างเปล่าไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่ามันจะถูกซื้อกลับมา แต่ก็คงจะน่าปวดหัวในการบริหารจัดการ คงจะดีกว่าที่จะปล่อยมันไว้ลำพัง
เช้าวันต่อมา ในระหว่างที่ลงไปชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหาร ลู่โจวก็เจอกับนักวิชาการคนหนึ่งที่มาจากโลกเช่นเดียวกัน บางทีอาจเป็นเพราะว่าลู่โจวมีชื่อเสียงโด่งดังเกินไป ชายหนุ่มจึงสามารถสังเกตเห็นเขาได้จากระยะไกล และเขาก็โบกมือให้อย่างตื่นเต้น
ลู่โจวคิดว่าชายคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ดังนั้นเขาจึงเชิญชายหนุ่มมานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน ระหว่างที่พูดคุยตอนทานอาหารเช้า ลู่โจวได้รู้ว่าชื่อของชายหนุ่มผู้นี้คืออู๋ฉิงหลาย ซึ่งเป็นศาสตราจารย์จากสถาบันวิจัยสถานีอวกาศแห่งสถาบันวิศวกรรมพาน-เอเชียน และเขาได้กลายเป็นลูกจ้างทั่วไปเมื่อสองปีก่อนเอง
หลังจากได้ฟังชายหนุ่มแนะนำตัวลู่โจวก็มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่สามารถจะจำหน้าใครได้เลย ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นด้วยความสนใจว่า “ผมขอถามได้ไหมว่า ไม่มีนักวิชาการคนอื่นจากสถาบันวิจัยของคุณมาด้วยเหรอครับ? ผมหมายถึงว่าเมืองเทียนกงหาคุณเจอได้ยังไง?”
ชายหนุ่มอาจจะมีพรสวรรค์จริงๆ แต่ลู่โจวไม่ได้รู้สึกประทับใจในตัวเขาเลย ลู่โจวไม่คุ้นกับชื่อของเขา
หากพูดถึงโดยทั่วไปแล้ว ถ้าชายหนุ่มเป็นนักวิชาการที่โดดเด่นจริงๆ ลืมเรื่องที่จะได้ยินชื่อของเขาในงานประชุมวิชาการไปได้เลย อย่างน้อยที่สุด ลู่โจวก็ควรจะได้ยินชื่อเขามาจากรายงานการวิจัยบ้าง
ราวกับว่าเขาอ่านความคิดของลู่โจวออก ศาสตราจารย์ผู้ซึ่งมีชื่อเล่นว่าเสี่ยวอู๋ก็ยักไหล่ขึ้นและพูดอย่างหมดหนทางว่า “ผมรู้ว่าคุณหมายความว่ายังไง โดยทั่วไปแล้วการประชุมใหญ่ๆ แบบนี้ไม่น่าจะเชิญคนที่ไม่เป็นที่รู้จักอย่างผมมา แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่าแม้จะมีความล่าช้าแค่ 5 นาที แวดวงวิชาการบนดาวอังคารกับแวดวงวิชาการบนโลกโดยพื้นฐานแล้วไม่ได้ขึ้นกับใคร ถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือ พวกเขาไม่ได้เคารพชื่นชมเราเป็นพิเศษ”
ลู่โจวอึ้งไปชั่วครู่ แล้วเขาก็มองมาที่ชายหนุ่มอย่างทันที
“ทำไมพวกเขาคิดแบบนั้นล่ะ?”
“เหตุผลทางประวัติศาสตร์ครับ” อู๋ฉิงหลายยักไหล่และพูดว่า “คงจะต้องใช้เวลาทั้งวันเพื่อเล่าเรื่องอย่างละเอียด พูดสั้นๆ ก็คือเนื่องจากพวกเขาแสดงอย่างชัดเจนว่าความเห็นของเราไม่มีค่า ดังนั้นเราควรจะส่งผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดไปหรือเปล่า? การสำรวจเส้นทางข้ามดาวเคราะห์เป็นเรื่องยุ่งยาก และถ้าผมมีทางเลือกผมจะไม่มาที่นี่เหมือนกัน”
จนถึงตอนนี้เครื่องวาร์ปถูกติดตั้งอยู่บนฉินหลิ่งเท่านั้น เที่ยวบินที่ไปโลกและมาจากโลกส่วนใหญ่ดำเนินการโดยเที่ยวบินแบบเดิม แม้ว่าจากมุมมองของพลเมืองศตวรรษที่ 21 นับว่าค่อนข้างเร็วในการเดินทางจากโลกมายังดาวอังคารภายใน 3 วัน แต่สำหรับคนในศตวรรษที่ 22 ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินทางเป็นเวลานานๆ อย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้ชื่นชมความเร็วของการเดินทาง
ลู่โจวส่ายหัวและพูดว่า “แก่นแท้ของวิชาการนั้นมีอยู่ในการสื่อสาร วิธีการกำหนดตำแหน่งล่วงหน้าแบบนี้ไม่ดีเลย”
อู๋ฉิงหลายยิ้มอย่างขมขื่นนิดๆ และพูดว่า “เราทุกคนรู้ว่าแบบนี้ไม่ดี แต่เราจะทำอะไรได้? เมื่อเทียบกับโลกแล้ว นี่เป็นพื้นที่เครือข่ายท้องถิ่นที่ใหญ่ ถึงแม้ว่าผมจะอยากตอบอีเมล แต่ผมก็ต้องจ่ายเครดิตพอยท์ การมาที่นี่หมายความว่าจะต้องอยู่เป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งผมขาดการติดต่อกับแวดวงวิชาการบนโลกไปเรียบร้อยแล้ว”
แม้ว่าลู่โจวจะสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ของดาวอังคารเป็นอย่างมากในตอนที่เขาหายไป แต่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการหารือประเด็นนี้ ไม่นานทั้งสองก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นในเมืองเทียนกง
บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าเสี่ยวอู๋ไม่ได้มีความสำคัญกับสถาบันวิศวกรรมเป็นพิเศษ นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกส่งมาที่นี่ในฐานะหุ่นเชิด เขาคุ้นเคยกับสถานที่นี้มากจนเขาปฏิบัติกับที่นี่จนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขา
หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสองก็เดินไปทางลิฟต์ด้วยกัน
ในขณะนั้นชายวัยสี่สิบต้นๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งจากด้านหน้าทางเข้าโรงแรม
หากพิจารณาจากเสื้อผ้าของบุคคลนั้นและท่าทางของคนที่เหลือ ชายผู้นี้น่าจะมีตำแหน่งสูง ราวกับว่าเขาสังเกตเห็นลู่โจว ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วครู่ แล้วเขาก็ขมวดคิ้วนิดๆ และเดินไปยังจุดนั้น
“คุณคือลู่โจวใช่ไหม?”
แม้ว่าลู่โจวจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของชายคนนี้ดูไม่สุภาพ แต่เขาก็ไม่ใช่พวกใจแคบ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บเอาท่าทีเหล่านั้นมาใส่ใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพว่า “ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ?”
“ยินดีที่ได้เจอครับ” โดยที่ไม่ได้แสดงความดีใจออกมาบนสีหน้ามากนัก ชายคนนั้นยื่นมือขวาออกมาและจับมือทักทายลู่โจว เขาพูดว่า “ยินดีต้อนรับสู่เมืองเทียนกง ผมหวังว่าเมืองนี้จะสามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับคุณได้ เราจะหารือกันเรื่องความเป็นไปได้ด้านเทคนิคและแผนการดำเนินงานเฉพาะของการพัฒนาดวงจันทร์ยูโรปาที่การประชุม เราตั้งตารอที่จะได้ยินความเห็นจากคุณและผมหวังว่าคุณจะไม่เก็บงำการวิจารณ์ใดๆ ไว้”
ลู่โจวยิ้มให้และพยักหน้า
“แน่นอนครับ”
หลังจากทักทายเล็กน้อย ชายคนนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับกลุ่มคนเหล่านั้น
ลู่โจวชำเลืองมองไปทางที่ชายคนนั้นเดินจากไปด้วยความสงสัยใครรู้ ลู่โจวไม่ได้ยินเขากล่าวแนะนำตัวเอง ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นอย่างกันเองว่า “คนนั้นคือใครน่ะ?”
“หยางฉงผิง” เสี่ยวอู๋พูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะเข้าใจ “ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งสถาบันวิจัยเทียนกงและนักวิชาการของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งดาวอังคาร… ทฤษฎีต่างๆ ของเขาในสาขาการออกแบบยานอวกาศนั้นยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการออกแบบยานอวกาศและสถานีอวกาศขนาดใหญ่ แม้แต่หัวหน้าของผมยังยอมรับว่าเขาคนนี้น่าประทับใจ”
ลู่โจวพยักหน้า แต่จุดสนใจของเขากลับอยู่ที่สถานที่ที่ไม่คุ้น
“มีสถาบันวิทยาศาสตร์บนดาวอังคารด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ… ผมไม่ได้บอกใช่ไหมครับว่าสถานการณ์บนดาวอังคารซับซ้อน?” เสี่ยงอู๋พูดพร้อมกับกระแอมเบาๆ “เพราะนโยบายเรื่องสมาคมในภูมิภาคบนดาวอังคาร อาณานิคมต่างๆ ได้รับการบริหารจัดการโดยผู้พักอาศัยในท้องถิ่น ดังนั้นจึงมีองค์กรการค้าที่คล้ายกับสมาคมที่มิใช่ภาษีระหว่างเมืองอาณานิคมต่างๆ บนดาวอังคารอยู่จริง หลายปีที่ผ่านมา ขอบเขตของความร่วมมือค่อยๆ แผ่ขยายไปยังสาขาวัฒนธรรม การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และแม้แต่การเมือง… คุณจะคิดก็ได้ว่าสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งดาวอังคารเป็นเหมือนองค์กรการศึกษาจากเมื่อศตวรรษที่แล้ว”
หากกล่าวอีกนัยหนึ่งในเรื่องประเด็นของความเป็นเจ้าของอาณาเขตนั้น เมืองเทียนกงกำลังเข้าใกล้กับสหการพาน-เอเชียน แต่ในสาขาเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ความร่วมมือระหว่างเมืองอาณานิคมบนดาวอังคารนั้นใกล้เคียงมากกว่า
ลู่โจวรู้สึกเหมือนว่าที่แห่งนี้เหมือนกับเมืองขึ้นของสหการพาน-เอเชียนมากกว่า
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจเรื่องประเด็นทางการเมืองเหล่านี้มากนัก หลังจากสอบถามเกี่ยวกับสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งดาวอังคาร เขาก็เปลี่ยนบทสนทนาไปที่เรื่องของนักวิชาการหยางเอง
“รู้สึกเหมือนกับเขาไม่ได้ชอบผมเท่าไรนักใช่ไหม?”
“ไม่มีเมืองไหนบนดาวดวงนี้ที่จะยินดีต้อนรับคนต่างแดน โดยเฉพาะชาวดาวอังคารโดยกำเนิด พวกเราก็ดีกว่าพวกมนุษย์ต่างดาวนิดหน่อยเท่านั้น” เสี่ยวอู๋ยักไหล่และพูดติดตลก “แน่นอนว่าพวกเขามีความภาคภูมิใจในเรื่องการบินและอวกาศของพวกเขา อย่างไรก็แล้วแต่โดยพื้นฐานแล้วอุตสาหกรรมหนักบนโลกก็ถูกปล่อยปละละเลยไปแล้ว ฐานการผลิตที่ล้ำยุคที่สุดในอุตสาหกรรมทั้งหมดกระจายออกไปรอบเมืองเทียนกง… ผมมั่นใจว่าคุณก็รู้ว่าวัสดุสำหรับลิฟต์อวกาศทั้งหมดถูกผลิตขึ้นที่นี่”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขารู้ดี
อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นผู้ถือหุ้นส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดของอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ เขามีไอเดียคร่าวๆ ของการกระจายห่วงโซ่อุตสาหกรรมสำหรับอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์และผู้จัดจำหน่ายที่ให้ความร่วมมือกัน
อู๋ฉิงหลายคิดว่าลู่โจวเคยมีความขัดแย้งกับหยางฉงผิงมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงเหลือบมองลู่โจวและพูดว่า
“จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขาหรอก เขาก็แค่อิจฉาความสำเร็จของคุณ”
ลู่โจวชะงักไปเล็กน้อยแล้วเขาก็พูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ “ผมแค่คิดว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจ นั่นแหละครับ อย่าไปคิดมากเรื่องนี้เลย เล่าเรื่องอาหารที่นี่ให้ผมฟังดีกว่า ตอนนั้นผมรีบอยู่ตอนที่ผมผ่านมาที่เมืองเทียนกง และผมก็ไม่มีเวลาจะไปชมเมืองนี้…”
“ถ้างั้นผมขอแนะนำให้คุณไปเที่ยวที่โดมกลาง! มันอยู่ถัดจากโรงแรมสตาร์สกายนี่เอง คุณสามารถเดินผ่านทางเดินใต้ดินหรือใช้บันไดเลื่อนเชื่อมต่อก็ได้” อู๋ฉิงหลายพูดต่อไปด้วยความตื่นเต้นว่า “ตอนที่ยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ของโดมกลาง คุณจะสามารถเห็นโครงร่างของนิวเวอร์จิเนียได้อย่างชัดเจน! และร้านอาหารที่หมุนไปรอบๆ ของที่นั่นก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องแวะไปในเมืองเทียนกง!”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “จริงเหรอ? เช่นนั้นถ้าผมมีเวลา ผมคงต้องไปที่นั่นแล้วล่ะ”
ลู่โจวเป็นคนสูงวัยอย่างแท้จริง โดยปกติแล้วเขาไม่อยากจะไปสังสรรค์กับคนหนุ่มแบบนั้น
หลังจากกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อนสักพัก ลู่โจวก็เห็นว่ายังมีเวลาอยู่บ้างก่อนการประชุมช่วงบ่าย เขาจำได้ว่าจุดท่องเที่ยวที่ศาสตราจารย์อู๋แนะนำมานั้นอยู่ไม่ไกล ดังนั้นเขาจึงออกไปข้างนอกเพื่อเดินเล่น
เขาต้องยอมรับว่าวิวทิวทัศน์ของที่นี่น่าทึ่งจริงๆ
ลู่โจวไปที่สายพานบันไดเลื่อนที่มุ่งไปยังอาคารข้างๆ แล้วเขาก็ใช้ลิฟต์ไปยังห้องโถงของโดมกลางและเดินไปยังหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ทัศนียภาพเข้ามาต้อนรับเขาในทันที
เครือข่ายการคมนาคมขนส่งแบบสามมิติแผ่กระจายออกสู่ภายนอกเหมือนกับชั้นของใยแมงมุมที่สร้างสายใยแห่งอารยธรรมบนผืนแผ่นดินอันแห้งแล้ง
“หลิง”
ลูกตาของหลิงกะพริบเล็กน้อย เขามองมาที่ลู่โจวและตอบรับด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์ว่า “ครับ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งลู่โจวก็พูดขึ้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง “ผมเริ่มที่จะเข้าใจความคิดของคนเหล่านี้แล้ว”
การที่จะสามารถสร้างเมืองหนึ่งขึ้นมาบนผืนดินอันแห้งแล้งแห่งนี้ได้นั้นต้องใช้มากกว่าแค่สติปัญญาและความกล้า และพวกเขา ผู้ซึ่งได้สร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้ ก็สมควรที่จะภาคภูมิใจ
ความห่างเหินระหว่างดาวอังคารกับโลกนี้อาจจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากเวลาและระยะทาง…
ด้วยความที่ไม่สามารถจะเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของคำพูดของลู่โจวได้ หลิงจึงเอียงหัวพร้อมกับทำสีหน้างุนงง
แต่ทว่าลู่โจวก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาเพียงแต่นิ่งเงียบและชื่นชมความงดงามของเมืองนี้อยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หันไปรอบๆ แล้วออกไป…