Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1630 ความเข้าใจผิดที่เป็นความโชคดี
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1630 ความเข้าใจผิดที่เป็นความโชคดี
ตูม!
เสียงอู้อี้ที่เหมือนเสียงฟ้าร้องระเบิดออกมาจากออฟฟิศของซิงเปียน
ตอนที่หมัดขวาของเขากระแทกบนโต๊ะทำงานอย่างแรง หน้าจอโฮโลแกรมที่แขวนอยู่ตรงหน้าเขาถึงกับสั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะกลับมานิ่ง ทันใดนั้นซิงเปียนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ จ้องไปที่ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานและตะโกนออกมาว่า “นักวิชาการลู่ถูกลักพาตัว?!”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ห้องของเขาถูกค้น” เมื่อเห็นสีหน้าอันเดือดดาลของเจ้านาย เจ้าหน้าที่ประสานงานก็กลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า “เจ้าหน้าที่ข่าวกรองในเมืองเทียนกงของเรากำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของเขา แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับเบาะแสที่เชื่อถือได้ครับ”
หลังจากได้ยินคำเหล่านี้ สีหน้าของซิงเปียนก็น่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย
เมื่อพูดถึงความสำเร็จของลู่โจวในโลกวิชาการแล้วสถานะของเขาที่เทียบได้กับพระเยซูและบทบาทที่เขาได้แสดงในโปรเจกต์ลิฟต์อวกาศเพียงลำพังก็เพียงพอที่จะสะท้อนให้เห็นความสำคัญของเขาต่อสหการพาน-เอเชียน
เขาสั่งโดยไม่ลังเลไม่แต่วินาทีเดียว “แจ้งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในเมืองเทียนกงให้สืบหาตำแหน่งที่อยู่ของนักวิชาการลู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทันที!”
“ครับ ท่าน!”
เจ้าหน้าที่ประสานงานยืนตรงและทำความเคารพ เขากำลังจะหันหลังกลับและออกไปข้างนอกแต่ซิงเปียนเรียกเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
เมื่อหันกลับมาหาเจ้านาย เจ้าหน้าที่ประสานงานก็รีบถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอครับท่าน?”
ซิงเปียนพูดว่า “หวังเผิงล่ะ? ผมจำได้ว่าหมอนั่นก็อยู่บนดาวอังคารด้วย”
เจ้าหน้าที่ประสานงานมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงและรีบกระซิบว่า “เขา… ดูเหมือนจะบอกว่าเขากำลังไปตามหานักวิชาการลู่ครับ แล้วเขาก็ไป”
“หมอนี่…”
หัวใจของซิงเปียนตกลงไปที่ตาตุ่ม
สถานการณ์บนดาวอังคารซับซ้อนยิ่งขึ้นไปกว่าองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลแล้ว
ยังมีจุดเปลี่ยนที่ไม่คาดคิดของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจี้เที่ยวบินเอ็น-177 ซึ่งสำนักงานกำลังทำการสืบสวนอยู่
ถ้าพวกเขาต้องเตือนเรื่องอาชญากรในตอนนี้ มันก็อาจจะนำไปสู่ผลที่ตามมาที่รุนแรงมากมาย
พวกเราไม่สามารถจะทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นได้…
หลังจากกัดฟันกรอดๆ ซิงเปียนก็ไม่สามารถปล่อยวางความกังวลได้ หลังจากให้เจ้าหน้าที่ประสานงานออกไปแล้ว เขาก็ยื่นมือออกไปแตะบนหน้าจอโฮโลแกรมตรงหน้าเขาสองครั้ง
ไม่นานหน้าจอวิดีโอคอลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
คนที่ยืนอยู่ในหน้าต่างวิดีโอนั้นสวมชุดเกราะแข็งแรงสีดำ เมื่อพิจารณาจากเป้าจำลองด้านหลังเขาแล้ว เขาน่าจะอยู่ที่สนามซ้อม
ชายคนนั้นจ้องมองมาที่ซิงเปียนซึ่งอยู่ในจอและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
โดยไม่ได้มีการคุยเล่นกันแต่อย่างใด ซิงเปียนพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที
“ผมกำลังเจอสถานการณ์ยุ่งยากที่นี่ และผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ”
ชายคนนั้นตอบกลับว่า “การส่งนาวิกโยธินอวกาศไปนั้นต้องได้รับการอนุญาตร่วมกันจากสภาคองเกรสและคณะกรรมาธิการทางทหารก่อน”
ซิงเปียนพูดต่ออย่างหมดความอดทนว่า “นั่นมันอยู่นอกประเทศ ไม่ได้อยู่ในประเทศ จากมาตรา 27 ของกฎหมายข่าวกรองพิเศษ สำนักงานความมั่นคงมีสิทธิ์ที่จะขอการสนับสนุนจากกองกำลังอวกาศโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตปกติ ในขณะที่ความมั่นคงปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรของภูมิภาคหรือประเทศสมาชิกถูกคุกคามอย่างรุนแรง”
เมื่อหน้ากากของหมวกกันน็อกถูกเปิดขึ้น ใบหน้าของหลี่เกาเหลียงก็ปรากฏขึ้นภายใต้เงาของหมวกกันน็อก
เขาจ้องมาที่ซิงเปียนทางหน้าต่างโฮโลแกรมแบบตาไม่กะพริบ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “คุณต้องการอะไรกัน? ถ้าผมจำไม่ผิด เราเพิ่งจะช่วยคุณไปเมื่อเดือนก่อนเอง”
“นักวิชาการลู่หายตัวไป และจากข้อมูลที่เรารวบรวมมา เป็นไปได้สูงว่าเขาจะถูกลักพาตัว” ซิงเปียนพูดต่อไปพร้อมกับจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ “เขาเป็นคนเดียวที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความเร็วแบบวาร์ป และเขาก็เป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของลิฟต์อวกาศ แล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ยังไงเหรอครับ? หรือคุณต้องการให้ผมยื่นคำร้องผ่านกระบวนการปกติ?”
“นักวิชาการลู่ถูกลักพาตัวไปเหรอ?”
ใบหน้าของหลี่เกาเหลียงซึมลงไปทันที
โดยไม่ลังเล เขาก็กลับไปมองกลุ่มทหารที่ฝึกอยู่ด้านหลังเขาและตะโกนเสียงดังว่า “เลิกฝึก!”
วินาทีที่เขาออกคำสั่ง กลุ่มทหารที่กำลังฝึกอยู่ก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วรีบมารวมตัวกันในแถว
หลี่เกาเหลียงเหลือบมองซิงเปียนในหน้าต่างโฮโลแกรมและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ผมหวังว่าข้อมูลของคุณจะถูกต้อง”
“ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของผมครับ”
หลี่เกาเหลียงพยักหน้า ปิดหน้าจอโฮโลแกรม หันไปมองพวกพี่น้องของเขา และสั่งด้วยเสียงดังสนั่น “ทุกคนขึ้นยานไปกับผม”
“พร้อมออกเดินทาง!”
…
ณ ศาลากลางเมืองเทียนกง
ภายในออฟฟิศของนายกเทศมนตรี
หลังจากได้ยินรายงาน ดวงตาของนายกเทศมนตรีเสี่ยวก็เบิกกว้าง สักพักเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “เขา…หายไปเหรอ?”
“ครับ” เการุ่ยหมิงพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมกำลังจะไปคุยกับเขาเรื่องการร่วมมือ แต่ตอนที่ผมไปถึงห้องเขา เขาก็หายไปแล้ว”
ดวงตาของเสี่ยวหงเฉียบคมขึ้นมาในฉับพลัน และมีแววของความตื่นตัวปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง?”
“เป็นไปไม่ได้” เการุ่ยหมิงส่ายหัวและพูดต่อว่า “กระเป๋าเดินทางของเขายังอยู่ในห้อง และไม่มีของชิ้นไหนถูกนำออกไป แม้แต่เมื่อวันก่อน เขาก็ยังไปเข้าร่วมการสัมมนาโปรเจกต์ดวงจันทร์ยูโรปา ถ้าเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาไม่น่าจะใจเย็นขนาดนี้แน่…”
เสี่ยวหงถามทันทีว่า “แล้วถ้าเขาแสร้งทำเป็นใจเย็นล่ะ?”
เการุ่ยหมิงตอบว่า “แล้วความสามารถในการกำจัดการสอดแนมของเขาก็อยู่เหนือจินตนาการของเรา แต่นั่นก็เห็นชัดๆ ว่ามันเป็นไปไม่ได้! ฟังนะ เขาเป็นแค่นักวิชาการคนหนึ่ง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคง เราทุกคนรู้ว่าเขาฉลาดมาก แต่ความสามารถในการสืบสวนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความฉลาด แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์!”
“พอกันที! ผมไม่สนว่าเขาจะฉลาด หรือเขาจะได้รับการฝึกแบบพิเศษ หรือเขาจะค้นพบบางสิ่งโดยบังเอิญหรือเปล่า จุดสำคัญของปัญหาตอนนี้ก็คือเขาหายตัวไป!” เมื่อลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทำงาน เสี่ยวหงก็เดินไปยังหน้าต่างที่สูงจากเพดานจนถึงพื้นแล้วก็เดินกลับไปกลับมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง? นี่หมายความว่าแผนของเราถูกขัดขวางทั้งหมดแล้ว! เขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความเร็วแบบวาร์ปเพียงคนเดียวในโลก! ถ้าเราไม่สามารถควบคุมเขาได้ เราก็จะไม่มีโอกาสชนะ!”
เการุ่ยหมิงพยายามจะปลอบใจเขา
“ไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายมากไป อย่างน้อยเราก็แน่ใจได้ว่าเขายังอยู่บนดาวอังคาร ผมเสนอให้แจ้งศุลกากรของเราและเมืองอาณานิคมอื่นๆ ทันทีเพื่อระงับพาสปอร์ตเข้าและออกของลู่โจว และเมื่อพวกเขาหาที่อยู่ของเขาเจอ พวกเขาก็ควรจะแจ้งเราในทันที”
นายกเทศมนตรีเสี่ยวมองไปยังเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านนอกหน้าต่างและภาพสะท้อนของเขาบนหน้าต่างที่สูงจากพื้นถึงเพดาน เขาเงียบไปนาน ราวกับว่าเขากำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง
ห้ามไม่ให้ลู่โจวออกจากประเทศ
ถ้าไม่มีเหตุผลอันสมควร การห้ามคนมีชื่อเสียงเช่นนี้อาจจะนำมาซึ่งการปะทะโดยตรงระหว่างเมืองเทียนกงกับสหการพาน-เอเชียน
แม้ว่าในแผนของพวกเขา การปะทะจะเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่มันก็ยังน่าคิดว่าแผนของพวกเขาควรที่จะถูกขัดขวางทั้งหมดเพราะความไม่แน่นอนของเทคโนโลยีวาร์ปไดรฟ์หรือไม่
เมื่อเห็นว่านายกเทศมนตรีเสี่ยวยังลังเล เการุ่ยหมิงก็เสริมว่า
“หมดเวลาที่พวกเราจะลังเลแล้ว! คุณคิดไหมว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลย สหการพาน-เอเชียนอาจจะละสายตาไปจากเรา? ผมการันตีได้เลยว่าคุณจะยังคงเป็นนายกเทศมนตรีและผมก็จะยังเป็นเลขาของคุณ แต่วิมานของเราจะไม่ได้เป็นวิมานแห่งเสรีภาพอีกต่อไป มันจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับสหการพาน-เอเชียน!”
บางทีเขาอาจจะถูกโน้มน้าวเพราะประโยคสุดท้าย แต่ในที่สุดนายกเทศมนตรีเสี่ยวก็ตัดสินใจ กัดฟัน และพยักหน้า
“เราจะทำสิ่งที่คุณพูด… แล้วก็ใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่เราสามารถจะหามาได้ ค้นหาที่อยู่ของเขาในเมืองเทียนกง! ให้คุณเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
เการุ่ยหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ผมจะทำตอนนี้เลยครับ!”