Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1632 ฟิวส์
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังดำดิ่งสู่ความลึกลับของวาร์ปไดรฟ์ กองกำลังต่างๆ ในเมืองเทียนกงทั้งหมดตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเนื่องมาจากการที่เขาหายตัวไป
ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี แผนในการได้รับเอกราชของพันธมิตรเมืองอาณานิคมดาวอังคาร หรือแผนกหน่วยข่าวกรองของสหการพาน-เอเชียน ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าลู่โจวหายไปไหน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่วุ่นวายดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผู้คน
แม้ว่าการหายตัวไปของนักวิชาการลู่จะทำให้สถานะความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังต่างๆ ตึงเครียด สิ่งที่ผู้คนยังกังวลก็คือเรื่องหุ้นกู้ที่ออกโดยกองทุนสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี ซึ่งทำราคาสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังขายตั๋วออกไปได้มากถึงหนึ่งแสนใบ
ที่อาคารสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี รถถ่ายทอดสดจากสำนักข่าวใหญ่และรถยนต์ส่วนตัวนับไม่ถ้วนจอดอยู่เต็มลานจอดรถและแม้แต่บริเวณถนนใกล้เคียง
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทจึงดึงแบริเออร์มาที่ประตูเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเกลี้ยกล่อมให้ผู้คนโดยรอบออกไป
คนเหล่านั้นที่รายล้อมทางเข้าอาคารอยู่นั้นคือกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหน่วยงานข่าว ผู้ประกอบการซึ่งต้องการหาความร่วมมือ และพ่อค้าคนกลางที่ต้องการซื้อหุ้นกู้เพิ่มและขายตั๋วยานอวกาศต่อ
กองทุนสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีก็มาถึงในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี
ปัญหาของระบบนำทางที่เร็วกว่าแสงได้รับการแก้ไขและดาวอังคารก็มีเป้าหมายที่จะสร้างท่าอวกาศยานที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะและดำเนินการพัฒนาดวงจันทร์ยูโรปา
ทั้งหมดนี้บ่งบอกได้ว่ามนุษยชาติพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปยังโลกที่ห่างไกลยิ่งขึ้นและความกระตือรือร้นของผู้คนในเรื่องโลกที่อยู่นอกกาแล็กซีนั้นสูงมาก
โอกาสอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับแต่มีการก่อตั้งเมืองเทียนกงมา
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกสำหรับชาวดาวอังคารผู้ซึ่งคุ้นเคยกับการผ่อนคลายและเฉื่อยชาที่จะยินดีและปรบมือให้กับเหตุอย่างเดียวกัน
ที่ชั้นบนสุดของอาคาร
ภายในออฟฟิศของผู้จัดการทั่วไป
ลอว์เรนซ์ซึ่งยืนอยู่ในแสงโฮโลแกรม กำลังก้มลงมองถนนเมืองเทียนกงผ่านหน้าต่างของออฟฟิศที่สูงจากพื้นจรดเพดาน
ในฐานะเจ้าของออฟฟิศแห่งนี้ แกล็ดสโตนซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวหนึ่ง เขากำลังเล่นของเล่นชิ้นหนึ่งในมือ มันเป็นตราสีทองที่มีลวดลายประหลาด มันยากที่จะบอกได้ว่าเจ้าสิ่งนี้มาจากยุคไหนหากมองเฉพาะฝีมือในการทำมันเพียงอย่างเดียว แต่หากพิจารณาจากท่าทีที่ดูทะนุถนอมของเขาแล้ว เจ้าสิ่งนี้น่าจะอยู่กับเขามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ลอว์เรนซ์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างก็พูดขึ้นมาว่า
“บอกตามตรง ผมสงสัยเรื่องรสนิยมของคุณเอามากๆ”
“อ้อเหรอ?” แกล็ดสโตนเก็บตรานั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและชำเลืองมองมาที่ลอว์เรนซ์อย่างสนใจ “ผมยินดีที่จะตอบข้อสงสัยของคุณ”
“ก็ไม่เชิงว่าเป็นข้อสงสัยหรอก” ลอว์เรนซ์พูดต่อไปพร้อมกับยิ้มนิดๆ “ก็แค่ว่าจากมุมมองเรื่องประสิทธิภาพ ความสุขและความเศร้าของคุณ มันเป็นส่วนผสมระหว่างกระแสประสาทกับการหลั่งของฮอร์โมนแท้ๆ ทีเดียว คุณสร้างความพอใจได้ด้วยสารเคมีและเทคโนโลยีสารสนเทศ ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงยุ่งอยู่กับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ไร้ความหมายมากมายที่นี่และใช้พวกมันสร้างขยะที่ถูกกำหนดมาแล้วในท้ายที่สุดให้เป็นสิ่งไร้ประโยชน์กันล่ะ”
“นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจจริงๆ และมันก็ยากมากที่จะตอบ” แกล็ดสโตนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขายักไหล่และพูดว่า “ถ้าผมต้องหาเหตุผลสักข้อ มันก็น่าจะเป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกันมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว บางทีอาจจะมีบางอย่างซ่อนอยู่ในยีนของเราโดยที่เรายังไม่รู้”
“ยีนเหรอ?” เมื่อมองใบหน้าที่สะท้อนอยู่บนหน้าต่าง ลอว์เรนซ์ก็ยิ้มและพูดว่า “ลองคิดดูสิ คนที่สร้างผมขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นคนที่ขัดแย้งกันเอง ในช่วงปีแรกๆ เขาปรารถนาที่จะให้ฝันของเขาเป็นจริงแทบทุกวัน แต่เขาลังเลตอนวินาทีสุดท้ายที่ฝันกำลังจะเป็นจริง ดังนั้นผมจึงต้องปล่อยให้ใครบางคนผลักดันเขาต่อไป”
แกล็ดสโตนอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
สัญชาตญาณบอกเขาว่าการพูดอะไรสักอย่างในช่วงเวลานี้คงจะไม่จำเป็น
ลอว์เรนซ์ไม่ได้สนใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เหมือนอย่างที่เขาไม่ได้สนใจว่าโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์คิดยังไงกับสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาที่ดูไร้ความหมาย
ทั้งสองฝ่ายเพียงแค่ยืนอยู่ข้างกันชั่วคราวเพราะผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน
เท่านั้นเอง
ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
แกล็ดสโตนเหลือบมองลอว์เรนซ์และเห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นเขาจึงกระแอมและพูดว่า “เข้ามาได้”
ประตูเปิดออก ชายที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังรีบเดินเข้ามาในห้องและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “แย่แล้วมิสเตอร์แกล็ดสโตน มีเรื่องสยองขวัญเกิดขึ้น!”
เมื่อได้มองชายตรงหน้าเขา แกล็ดสโตนก็ขมวดคิ้วนิดๆ
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจกับท่าทีของลูกน้องตัวเองนิดหน่อย แต่ก็เห็นกันอยู่ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้
“หายใจหายคอสักหน่อยเถอะ แล้วพูดมาให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ข่าวจากศาลากลางครับ!” เขาเหลือบมองไปที่ลอว์เรนซ์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างแวบหนึ่ง ชายคนนั้นกลืนน้ำลายและพูดต่อขณะที่เหงื่อแตกพลั่ก “ลู่โจวหายตัวไป!”
ไม่ใช่แค่แกล็ดสโตน แต่แม้กระทั่งลอว์เรนซ์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานก็ยังตกตะลึงไป
“หายตัวไป?” ริมฝีปากของเขาเผยอออกและเม้มลงนิดๆ ลอว์เรนซ์หันกลับมามองอย่างไม่อยากเชื่อ เขามองไปทางชายที่ยืนอยู่ที่ประตูและพูดว่า “คุณแน่ใจเหรอว่าเขาหายตัวไป?”
เขาเหลือบมองแกล็ดสโตนและได้เห็นว่าเจ้านายของเขาดูมีท่าทีที่เคารพนบนอบต่อชายสูงวัยแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างซื่อสัตย์ว่า
“แน่ใจครับ นายกเทศมนตรีเสี่ยวส่งคนไปที่โรงแรมที่ลู่โจวพักอยู่ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น แล้วเราก็ค้นห้องของเขา แต่ทั้งหมดที่เจอคือเสื้อผ้าส่วนตัวที่ไร้ประโยชน์ ไม่เห็นพิมพ์เขียววาร์ปไดรฟ์แม้แต่เงา!”
หัวใจของแกล็ดสโตนสั่นไหว
ฝันร้ายของเขากลายเป็นจริง
“ไปได้”
“ครับท่าน…”
ชายที่ยืนอยู่ตรงประตูรีบพยักหน้า ก้าวออกจากประตูไปอย่างเคารพ และปิดประตูออฟฟิศอย่างนุ่มนวล
โดยที่ไม่ได้รอคอยแม้แต่วินาทีเดียว แกล็ดสโตนมองไปที่ลอว์เรนซ์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างและขอความช่วยเหลือ “เราควรทำยังไงดี?”
“นี่เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว ถ้าหากไม่มีวาร์ปไดรฟ์ เราก็ไม่สามารถจะอาศัยอยู่นอกระบบสุริยะได้” ลอว์เรนซ์พูดต่อหลังจากที่มองไปยังถนนที่วุ่นวายด้านนอกหน้าต่าง “และยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาของเราก็อาจจะใหญ่กว่าที่คาดไว้”
“ใหญ่กว่าที่คาดไว้?” แกล็ดสโตนขมวดคิ้ว “นี่หมายความว่ายังไง?”
“คุณน่าจะสังเกตเห็นว่านายกเทศมนตรีเสี่ยวในเมืองเทียนกงต้องการจะเป็นอิสระจากโลก”
“แน่นอน! เจ้าหน้าที่ทั้งศาลากลางรู้เรื่องนี้”
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงพูดว่าเราอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่” ลอว์เรนซ์เหลือบมองแกล็ดสโตนแล้วเขาก็หันหน้าเข้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานและพูดด้วยน้ำเสียงที่มีลับลมคมใน “ลองจินตนาการดูสิว่าคุณเป็นรัฐที่มีอำนาจและอาณานิคมของคุณก็จับกุมตัวนักวิชาการที่เก่งที่สุดของคุณเอาไว้ และเทคโนโลยีที่เขามีความเชี่ยวชาญก็สามารถเปลี่ยนสมดุลทางการเมืองระหว่างสองฝั่งไปได้อย่างสิ้นเชิง”
ในที่สุดใบหน้าของแกล็ดสโตนก็เปลี่ยนไป
“คุณ… คุณหมายความว่า…”
โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของแกล็ดสโตน ลอว์เรนซ์พูดต่อไปอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ว่าเขาจะหายตัวไปหรือถูกสหการพาน-เอเชียนเอาตัวไปแบบลับๆ สงครามก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ณ สำนักงานใหญ๋สหการพาน-เอเชียน
หลังจากที่อ่านรายงานของสำนักงานความมั่นคง หลี่กวงหยาก็ตบโต๊ะอย่างฉุนเฉียว
“พวกโง่นั่น ผมน่าจะรู้เจตนาพวกเขามาตั้งนานแล้ว”
“ท่านประธานครับ ตอนนี้เราน่าจะกำลังเผชิญกับการคุกคามที่รุนแรงที่สุดของสหการพาน-เอเชียนนับตั้งแต่มีการก่อตั้งมา” ระหว่างที่มองไปที่ประธาน เลขานุการเหว่ยพูดต่อไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เป็นไปได้มากๆ ว่านักวิชาการลู่จะถูกพวกเขาจับตัวไป ถ้าพวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีความเร็วแบบวาร์ปและนำมันมาใช้ในสนามรบ มันก็อาจจะทำลายความได้เปรียบของเรา คุณต้องตัดสินใจทันทีเพราะนี่อาจจะส่งผลต่อชะตากรรมทั้งหมดของสหการพาน-เอเชียน!”
“ยังมีอะไรต้องตัดสินใจอีกเหรอ? มันเป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะปราบพวกกบฏ” หลี่กวงหยาพูดว่า “ให้กองทัพชุดแรกบินออกไปและนำกองพลอากาศวงโคจรมา”
“ถ้าเราเจอการต่อต้าน ให้ยิงกลับในทันที
“ไม่ต้องยั้งมือ!”