Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1635 สงครามที่เกิดจากความเข้าใจผิด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1635 สงครามที่เกิดจากความเข้าใจผิด
ประตูออฟฟิศของนายกเทศมนตรีเปิดออก
เการุ่ยหมิงเดินปรี่เข้ามาและพูดด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อนว่า “เราขาดการติดต่อกับพวกทหารรับจ้างที่เราส่งไป!”
“เป็นไปไม่ได้!”
วินาทีที่เสี่ยวหงได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ สีหน้าของเขาดูราวกับว่าเขาเห็นผี
“บอริสเป็นพันธมิตรของเรามาหลายปี เขาไม่เคยทำพลาด!”
“แต่ครั้งนี้เขาพลาด! ทำไมคุณไม่ยอมรับความจริงเสียที?” เการุ่ยหมิงพูดด้วยอาการปวดหัวขณะที่มองไปทางนายกเทศมนตรีที่ยังไม่เต็มใจจะยอมรับความจริง “ข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือเราแน่ใจแล้วว่าลู่โจวยังอยู่บนดาวอังคารและเขาก็อยู่ที่กองบัญชาการของสำนักงานความมั่นคง! อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว! ไม่เช่นนั้นมันก็คงไม่สมเหตุสมผลที่มีคนมากมายประจำการอยู่ที่กองบัญชาการ!”
แต่สำหรับเรื่องที่ว่าลู่โจวอยู่ที่ไหนในตอนนี้นั้น
ไม่มีใครรู้
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือว่าเขาน่าจะยังไม่ได้ออกจากเมืองเทียนกงไป
อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นนายกเทศมนตรีเสี่ยวก็ยังไม่เบาใจอยู่ดี ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้มีหยดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา
ไม่มีข่าวจากบอริส ไม่ว่าเขาจะตายหรืออยู่ เขาก็คงจะไม่กล้ากลับมาเจอนายกเทศมนตรีอีกครั้งแน่ๆ นายกเทศมนตรีเสี่ยวไม่เชื่อว่าทหารรับจ้างพวกนั้นจะเก็บปากเงียบได้หรอก
ถ้าความลับถูกเปิดเผยพวกเขาก็คงจะต้องฝืนทนกับความโกรธแค้นของเจ้าหน้าที่ทางการของสหการพาน-เอเชียน…
ทันใดนั้นที่มุมโต๊ะทำงานก็มีไอคอนเรียกขอการสื่อสารแวบขึ้นมา
เมื่อเห็นไอคอนที่แวบขึ้นมานั้น นายกเทศมนตรีเสี่ยวก็ยื่นนิ้วชี้ออกไปและกดที่ไอคอน
ขณะที่แสงโฮโลแกรมสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“รายงานฉุกเฉินจากชายแดนหอสังเกตการณ์!”
หัวใจของนายกเทศมนตรีเสี่ยวเกร็งแน่นและเขาก็รีบตอบว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“จากข้อมูลที่ชายแดนหอสังเกตการณ์ กองบินทางอากาศของกองทัพชุดแรกออกจากฐานที่จุดลากรองจ์ไปเมื่อห้านาทีก่อนและกำลังมุ่งหน้าไปที่ดาวอังคาร!”
วินาทีที่นายกเทศมนตรีได้ยินคำเหล่านั้น ใจเขาตกวูบและเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน
“บ้าเอ๊ย! พวกเขารู้ตัวแล้ว!”
ระหว่างที่มองมาที่นายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่ประสานงานที่ยืนอยู่ในแสงโฮโลแกรมถึงกับงุนงง
เการุ่ยหมิงรีบก้าวมาข้างหน้า เขาเอื้อมมือมาแล้วเอามือยันลงบนโต๊ะ เขาวางสาย แล้วเดินรอบโต๊ะอย่างรวดเร็วมาอยู่ตรงหน้านายกเทศมนตรีเสี่ยว เขาวางมือลงบนบ่าของนายกเทศมนตรี
“เราไม่มีเวลาจะมาลังเลแล้ว นายกเทศมนตรี! ไม่มีโทรศัพท์แจ้งเตือนล่วงหน้า หรือแม้แต่ข้อความ นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองทัพนั่นกำลังมุ่งมาหาเรา!”
นายกเทศมนตรียังไม่หายจากอาการช็อก ดังนั้นเขาจึงเร่งเสียงให้ดังขึ้นและแผดเสียงออกมาด้วยพละกำลังทั้งหมด “พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์จากสถานีอวกาศเลอเกรนจ์มาที่นี่! ถ้าเราก่อกวนพวกเขาด้วยยานอวกาศไร้คนขับ เราก็จะสามารถซื้อเวลาได้อีกสัปดาห์! สองสัปดาห์นี้จะไม่สูญเปล่าไปแม้แต่นาทีเดียว! จากนี้ไปเราควรจะระดมกำลัง และเราจะระดมกำลังทั้งหมดเท่าที่เราทำได้ในการเข้าสู่สงคราม! เรายังมีเวลา!”
ขณะที่ประจันหน้ากับลูกน้องที่จงรักภักดีที่สุดของเขา นายกเทศมนตรีก็ยิ้มแบบแห้งๆ
“ตอนนี้… เรายังมีโอกาสจะชนะอีกเหรอ?”
“โอกาสในการชนะไม่ได้มาก แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเราก็แค่รอความตายและเผชิญหน้ากับการพิจารณาคดี ผมสาบานกับคุณได้เลยว่าเราจะได้ใช้ชีวิตครึ่งหลังของเราในคุก!” เการุ่ยหมิงพูดต่อ “แต่ถ้าเราต่อต้าน มันอาจจะมีแสงสว่างรอเราอยู่ก็ได้! เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้ว! คุณต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้!”
ร่องรอยจิตวิญญาณนักสู้และความปรารถนาจะรอดชีวิตลุกโชนขึ้นมาในดวงตาของเขาอีกครั้ง นายกเทศมนตรีเสี่ยวสูดลมหายใจลึกและพูดว่า “เราควรทำยังไง?”
เการุ่ยหมิงตอบว่า “ง่ายมาก! ตามหาลู่โจวและบังคับให้เขายอมสละเทคนิควาร์ปไดรฟ์ซะ! ถึงแม้ศัตรูของเราจะเป็นกองทัพชุดแรก แต่ตราบใดที่เราใช้เวลาสองสัปดาห์นี้สร้างแนวการป้องกันที่ไม่สามารถทำลายได้ จากนั้นก็ใช้วาร์ปไดรฟ์ในการติดปีกให้กับกองทัพของเรา สมดุลของชัยชนะก็จะเอียงมาที่เราอย่างแน่นอน! อย่าลืมว่าเรามีศูนย์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและกลุ่มอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ที่สุดในระบบสุริยะ! ตราบใดที่เราสู้ตอบ เราก็จะเป็นผู้ชนะ!”
“ถ่ายทอดคำสั่งของผมไป” นายกเทศมนตรีเสี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะที่เขายืนขึ้นจากเก้าอี้ “เมืองเทียนกงได้เข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว! ให้ผู้คุ้มกันและกองกำลังติดอาวุธคอยสแตนด์บายไว้ และพวกเขาต้องพร้อมทุกเมื่อ—”
ทันใดนั้นพื้นและหน้าต่างของออฟฟิศก็สั่นสะเทือนและเกิดเสียงดังอู้อี้
นายกเทศมนตรีเสี่ยวพิงตัวกับโต๊ะทำงาน เขาเหลือบมองไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นตกใจแล้วก็มองมาที่เการุ่ยหมิงผู้ซึ่งแทบจะล้มลงกับพื้น
เขากลืนน้ำลายและพูดตะกุกตะกักว่า “เกิด… อะไรขึ้นเนี่ย?”
เการุ่ยหมิงส่ายหัว เขาอึ้งสนิทไปเลย
“ผมก็ไม่รู้”
มีความรู้สึกอันแรงกล้าเกิดขึ้นในใจของเขาว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น…
…
บนท้องฟ้าเหนือเมืองเทียนกง
สถานีอวกาศที่ลอยอยู่ในวงโคจรของการบินรอบดาวอังคารถูกยึดครองโดยกองพลอากาศวงโคจรที่สาม
ความเร็วของยานฉินหลิ่งนั้นเร็วเหนือความคาดหมายของทุกคน และกองกำลังป้องกันบนสถานีอวกาศไม่ได้รับข้อมูลอะไรทั้งสิ้น ดังนั้น หลี่เกาเหลียงจึงปลดอาวุธกองกำลังรักษาความปลอดภัยในสถานีอวกาศได้อย่างง่ายดาย
ผู้โดยสารซึ่งถูกปล่อยทิ้งอยู่บนสถานีอวกาศถูกย้ายไปอยู่ในพื้นที่พักผ่อนชั่วคราว และการสื่อสารระหว่างสถานีอวกาศกับโลกภายนอกก็ถูกตัดขาด
เมืองเทียนกงยังคงไม่ทราบอะไรทั้งนั้น
ตามแผนการสู้รบ กองพลอากาศวงโคจรที่สามจะเริ่มปฏิบัติการทางอากาศเพื่อปะทะกับศาลากลางเมืองเทียนกงในอีก 5 นาที
เป้าหมายในการสู้รบมีอยู่ 2 ประการ
หนึ่งคือเพื่อจับกุมกบฏ และสองคือเพื่อช่วยชีวิตนักวิชาการลู่
“ผมคิดว่าศตวรรษที่ 22 จะเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขยิ่งกว่าศตวรรษที่ 21”
ระหว่างที่นอนอยู่ในห้องพักบนอากาศโดยที่มองดูการนับเวลาถอยหลังไปด้วย หลี่เกาเหลียงใช้เวลาที่เหลือในการพูดคุยกับกัปตันเติ้งแห่งยานฉินหลิ่งผ่านทางช่องสื่อสาร
“แล้ว?”
“แล้วอะไร? ก็แค่นั้นแหละ หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมา ผมก็พบว่าถึงแม้ว่าที่นี่จะมีความเจริญรุ่งเรือง แต่ยุคนี้ก็ดูเหมือนจะขาดความสงบ ในเวลาไม่กี่ปี ผมได้เข้าร่วมการสู้รับใหญ่ๆ มาสองครั้งแล้ว”
“ฮ่าฮ่า คงจะมีครั้งที่สามเร็วๆ นี้”
“ใช่” หลี่เกาเหลียงถอนหายใจ เขามองไปที่เป้าหมายมากมายบนแผนที่การรบ และพูดด้วยสีหน้าที่อ่านยากว่า “ผมหวังว่ามันคงจะไม่แย่เกินไปนักนะรอบนี้”
การรู้สึกถึงสงครามนั้นไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
ครั้งสุดท้ายตอนที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับหุ่นยนต์ เขาสามารถจะฆ่าพวกมันได้โดยไม่ต้องลังเลเลยในสนามรบ
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
แม้ว่าพวกเขาจะกำเนิดบนดาวเคราะห์คนละดวงกัน แต่พวกเขาก็ยังมีเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดเหมือนกัน และพวกเขาก็พูดภาษาเดียวกัน…
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือการควบคุมสถานการณ์ก่อนที่มันจะเลวร้ายไปมากกว่านี้”
“คุณพูดถูก… ผมอยากจะยืนยันอีกครั้งว่าเราสามารถเรียกขอการสนับสนุนในสนามรบได้”
“สำหรับการสนับสนุน ผมแนะนำให้คุณอย่าคาดหวังมากจนเกินไป เว้นแต่การสนับสนุนจากหน่วยข่าวกรองแล้ว การสนับสนุนภาคพื้นดินในเรื่องของกระสุนที่ยิงบนยานของเราโดยทั่วไปแล้วไร้ประโยชน์”
“อ้อ ครับ ผมก็ไม่ได้กะจะพึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกคุณเหมือนกัน”
กัปตันเติ้งถามว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณทำได้ใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วง สถานการณ์ที่นี่คงจะไม่แย่ไปกว่าเมืองก่วงฮั่นเมื่อปีก่อนหรอก” เมื่อมองไปที่เวลาบนนาฬิกาจับเวลา หลี่เกาเหลียงก็ยิ้มกว้าง “เวลาของผมจะหมดแล้ว ไว้คุยกันหลังสงครามจบนะ อ้อ จริงสิ ช่วยดูท้องฟ้าด้านบนให้ด้วย และอย่าปล่อยให้เป้าหมายหนีไปได้”
กัปตันเติ้งพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ “รับทราบ”