Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1644 ทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1644 ทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิด
ลู่โจวไม่เคยคาดคิดแบบนั้น หลังจากเดินทางจากบ้านไปในระยะเวลาสั้นๆ กลับมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น
ภายในห้องที่โรงแรมสตาร์สกาย ลู่โจวมองไปที่เสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวของเขาที่ถูกค้นกระจุยกระจายไปทั่ว เขานั่งอยู่ข้างเตียง บีบหัวคิ้วด้วยความปวดหัว แล้วพูดว่า “พูดอีกอย่างคือ… พวกคุณคิดว่าผมถูกคนจากศาลากลางเอาตัวไป?”
หวังเผิงพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน
“นั่นแหละครับ…”
หลังจากจัดการความคิดในหัวแล้ว ลู่โจวก็พยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกันและพูดต่อไปว่า “จากนั้นคุณก็ไม่เจอผมที่ศาลากลาง ดังนั้นคุณจึงไปที่กองทุนสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีงั้นเหรอ แต่มันเกี่ยวอะไรกับกองทุนสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีล่ะ พวกเขาไม่ใช่แค่ทำธุรกิจหรอกเหรอ”
“ในตอนแรกเราก็คิดแบบนั้น แต่ต่อมาเราก็พบว่าเบื้องหลังของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเลย” หวังเผิงถอนหายใจและพูดต่อไปว่า “จำเรือโดยสารออโรร่า บอเรลลีส ได้ไหม?”
“จำได้ แต่นั่นมันผ่านมาร้อยปีแล้วนะ”
“ใช่ มันเกือบจะร้อยปีแล้ว” หวังเผิงพูดต่อไปอย่างมีอารมณ์ “ผู้บงการเหตุการณ์นั้นก็คือชายที่ชื่อเกรย์โคลก ซึ่งก็คือ แกล็ดสโตน”
ประโยคนี้ฟังดูน่าสับสนเล็กน้อย แต่ด้วยความสามารถด้านตรรกะของลู่โจว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเข้าใจ สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือถ้าเขาจำไม่ผิด ชายที่ชื่อแกล็ดสโตนน่าจะอายุราวสามสิบปี ดังนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะมีชีวิตอยู่มามากกว่าร้อยปี
“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร จริงๆ แล้วผมก็งงเหมือนกัน” หวังเผิงถอนหายใจและพูดต่อ “แกล็ดสโตนไม่ได้สื่อถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ มันเป็นแค่ตัวตนหนึ่ง… หรือตำแหน่ง เจ้าของตำแหน่งนี้คนก่อนส่งต่อมันให้กับแกล็ดสโตนพร้อมกับบัญชีของเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และตอนนี้เราก็ค้นพบวงในการทำงานขององค์กรทั้งหมดของพวกเขา และพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลย”
บนฉากหน้ามูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีเป็นแค่หมากตัวหนึ่งขององค์กร ในสายตาของผู้บริหารอาวุโสส่วนใหญ่ขององค์กร ตัวตนของแกล็ดสโตนไม่ต่างอะไรจากซงหยางเหว่ยและโมรินากะที่ถูกจับไป พวกเขาไม่เคยคิดว่าจริงๆ แล้วแกล็ดสโตนคือเกรย์โคลก ‘หัวหน้าใหญ่’ ของมูลนิธิ
อย่างที่พูดกันว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน ยิ่งมีคนแฉเรื่องพวกเขาก็มีแนวโน้มน้อยลงที่พวกเขาจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อยังคลุมเครืออยู่ว่าสมาชิกขององค์กรนั้นมีความภักดีหรือไม่ นี่ก็เป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด…
อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่แกล็ดสโตนคิดก่อนจะถูกจับกุม
“แต่ทำไม… เรื่องไร้สาระนี่ถึงได้กลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ล่ะ?”
ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง ลู่โจวก็อดที่จะถามต่อไม่ได้ว่า “คุณรู้ไหม? ตอนแรกที่ผมกลับมา ผมช็อกกับหลุมบนถนน ผมคิดว่าบางอย่าง อย่างเช่น อุกกาบาต ตกลงมาที่กลางเมือง ต่อมาผมก็ได้รู้ว่ากองพลอากาศวงโคจรที่สามสู้รบกับกองกำลังดาวอังคาร”
“เรื่องมันยาว ด้วยความสัตย์จริง จริงๆ พวกเราก็ค่อนข้างแปลกใจ…”
หวังเผิงยิ้มอย่างขมขื่น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อ “อันที่จริง ลางของความปรารถนาที่จะเป็นอิสระก็ปรากฏขึ้นมาในเมืองเทียนกงอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เราได้มีการระมัดระวังในเรื่องนี้ แต่เราไม่คาดคิดว่าความคิดเช่นนี้จะแผ่ขยายเข้าไปถึงระดับสูงสุดของการบริหารเมืองเทียนกง เราไม่เคยจินตนาการว่าแผนของเสี่ยวหงนั้นไม่ใช่แค่อิสรภาพของเมืองเทียนกงแต่ยังรวมกลุ่มเมืองอาณานิคมอื่นบนดาวอังคารเข้ามาด้วยเพื่อก่อตั้ง ‘กลุ่มพันธมิตรภูมิภาค’ ที่เป็นของชาวดาวอังคารขึ้นมา
“พวกเขาพัฒนาอาวุธของพวกเขาเองในแถบดาวเคราะห์น้อยโดยการร่วมมือกับโจรสลัดอวกาศและใช้มันข่มขู่กองกำลังทหารของกลุ่มพันธมิตรภูมิภาค อย่างเช่น สหการพาน-เอเชียน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้มันเป็นเหมือนเบี้ยในการเจรจาต่อรองเพื่อข่มขู่สหการพาน-เอเชียนโดยมีรากฐานมาจากเรื่องอิสรภาพและปรารถนาที่จะมียานอวกาศสักจำนวนหนึ่ง พวกเขาวางแผนที่จะก่อกบฏมานานแล้ว”
ลู่โจวถามว่า “แต่ทำไมตอนนี้—”
“ก็เพราะคุณ” หวังเผิงมองมาที่ลู่โจวด้วยสีหน้าที่สับสนและพูดต่อ “ยานฉินหลิ่งบรรลุผลสำเร็จในการเดินทางที่เร็วกว่าแสง เมื่อพิจารณาดูว่าเมืองเทียนกงได้รับการอนุญาตให้ปกครองตนเองในระดับหนึ่งเพราะด้วยระยะที่อยู่ห่างจากโลก แล้วเมื่อปัญหาเรื่องการสื่อสารที่เร็วกว่าแสงได้รับการแก้ไข ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะยกเลิกการปกครองตนเองของเมืองเทียนกง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น การก่อสงครามกลางเมืองจึงเป็นทางเลือกเดียวของเขา และการเป็นผู้นำในการติดตั้งวาร์ปไดรฟ์ก็เป็นเบี้ยต่อรองตัวเดียวสำหรับพวกเขาที่จะเอาชนะกองทัพชุดแรกได้”
ลู่โจวพูดว่า “ดังนั้นคำเชิญมางานประชุมวิชาการ…”
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้อยู่แล้ว ใช่ ดวงจันทร์ยูโรปาเป็นแค่ฉากหน้า เจตนาที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการสร้างฐานอวกาศแบบถาวรอย่างลับๆ บนแถบดาวเคราะห์น้อย การประชุมวิชาการไม่มีความคืบหน้าแม้ว่าจะมีการหารือกันมาหลายวันแล้ว…” หวังเผิงยักไหล่ “ผมเดาว่ามันอาจจะเป็นความจงใจ แต่จุดประสงค์ก็คือการสกัดกั้นคุณ เพื่อที่จะซื้อเวลาให้อุตสาหกรรมดาวอังคารในการศึกษาเทคโนโลยีความเร็วแบบวาร์ปจนเชี่ยวชาญ และเป็นไปได้ว่าเพื่อที่จะสามารถบีบบังคับคุณให้ส่งเทคโนโลยีนี้ให้โดยตรงหากจำเป็น”
“สำหรับองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล…” หวังเผิงลังเลแล้วพูดต่อ “แม้เราจะไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร แต่ดูเหมือนพวกเขาจะกระหายอยากจะได้เทคโนโลยีความเร็วแบบวาร์ป”
เพราะความยุ่งเหยิงเรื่องผลประโยชน์ของทุกฝ่าย สงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นมานี้จึงค่อยๆ ปรากฏขึ้นจนกลายเป็นการต่อสู้ของกองกำลัง 3 ฝ่าย
ไม่มีใครคิดว่าการหายตัวไปของนักวิชาการลู่จะเป็นการเข้าใจผิดตั้งแต่ต้น เขาไม่ได้ตกอยู่ในมือของศาลากลางหรือองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลเลย เขาไม่ได้รับการคุ้มกันจากสำนักงานความมั่นคงอย่างที่นายกเทศมนตรีเสี่ยวคาดเดา เขาแค่ออกไปจากเมืองเทียนกงเพื่อจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง
หวังเผิงยังคงงุนงงว่าลู่โจวไปทำอะไรมากันแน่ตอนที่เขาออกไปจากเมืองเทียนกงในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนลู่โจวจะไม่อยากตอบคำถามนี้ หลังจากที่พูดว่าเขา ‘ไปพบเพื่อนเก่าคนหนึ่ง’ เขาก็ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ เพิ่มอีก เป็นการไม่เหมาะสมถ้าหวังเผิงจะถามคำถามต่อ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้
หวังเผิงมีสีหน้าเคืองๆ ลู่โจวผู้ซึ่งในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกงุนงง
ฉันเดินทางออกไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ… และกลับกลายเป็นต้นเหตุของสงครามกลางเมืองงั้นเหรอ?
“ดูเหมือน… ตอนนี้ผมจะทำให้คนมากมายต้องโกรธเคือง”
“ไม่ได้โกรธหรอกครับ ก็แค่เหตุการณ์บางอย่างมันล้ำเกินไป” หวังเผิงเกาหัวระหว่างมองลู่โจวที่รู้สึกละอายใจ เขาอธิบายว่า “การหายตัวไปกะทันหันของคุณทำให้เสี่ยวหงคิดพลาดไปว่าเรารู้ทันแผนของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะเริ่มใช้ระเบิดเวลานี้ล่วงหน้า มันยากที่จะพูดว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีที่สงครามนี้เกิดขึ้นก่อน”
ลู่โจวพูดว่า “มันคงจะดีถ้าคนอื่นคิดอย่างเดียวกัน”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ผมเชื่อว่าไม่มีใครโทษคุณเรื่องนี้” หวังเผิงพูดต่อโดยไม่ลังเลว่า “ผมยังไม่เข้าใจอย่างหนึ่ง บางทีคุณน่าจะตอบข้อสงสัยของผมได้”
ลู่โจวพูดว่า “เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องสุภาพมากหรอก ถ้าคุณมีคำถามก็ถามมาเถอะ”
หวังเผิงถามว่า “คุณบอกว่าหลังจากคุณออกจากโรงแรม คุณขับรถไปยังทางออกของเมืองเทียนกงโดยตรง แต่มันเป็นไปได้ไงที่ตอนที่เราตรวจดูกล้องวงจรปิดทั่วเมืองแล้ว แต่เราไม่เห็นคุณ?”
หวังเผิงยังไม่เข้าใจในประเด็นนี้
ไม่ใช่แค่หวังเผิง แต่รวมถึงนายกเทศมนตรีเสี่ยว แกล็ดสโตน และคนอื่นๆ ด้วย พวกเขาไม่เข้าใจว่าลู่โจวหลบหนีพวกเขาไปได้สำเร็จได้อย่างไรโดยที่พวกเขาไม่รู้เลย
หากพูดกันตามปกติแล้ว เนื่องด้วยความมีชื่อเสียงของเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครเห็นเขาเลยตลอดทาง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีกล้องอยู่ทุกที่ในเมืองเทียนกง ด้วยการใช้ระบบกล้องวงจรปิดของเมือง มันน่าจะใช้เวลาแค่ห้านาทีในการหาฟุตเทจทั้งหมดของเป้าหมายเป้าหนึ่ง และในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีภาพจำลองของเส้นทางและจุดหมายของเป้าหมายในเมืองเทียนกงทั้งหมดก็จะแสดงเป็นแผนที่ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามหวังเผิงได้ค้นพบระหว่างที่สืบสวนว่า นอกจากช่วงวันที่เขาหายไปแล้ว ในช่วงเวลาก่อนที่เขาหายไป ก็ไม่มีภาพฟุตเทจของกล้องวงจรปิดเมืองเทียนกงแม้แต่เฟรมเดียวที่จับภาพลู่โจวได้
มันเหมือนกับว่า…
ฟุตเทจนั้นถูกลบไป
ลู่โจวถามว่า “คุณกำลังบอกว่าไม่มีกล้องจับภาพผมได้เหรอ?”
หวังเผิงพยักหน้าและพูดว่า “นี่มันแปลกมาก”
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน” ลู่โจวยิ้มและพูดต่อไปว่า “ในความเห็นของผม มันเป็นไปได้ว่าเพื่อนผมกังวลเรื่องความปลอดภัยของผม ดังนั้นพวกเขาจึงทำอะไรบางอย่างโดยไม่ได้บอกผม”
หวังเผิง “…?”
“เรื่องนี้พอเถอะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่โจวก็เปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไปแล้ว… ผมสงสัยเรื่องบางอย่าง”
หวังเผิงพูดขึ้นทันทีว่า “พูดมาเถอะครับ!”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องจริงจังมากหรอก… จากที่คุณบอก แกล็ดสโตนอยู่ในระดับบนสุดขององค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาล ถ้าอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีล่ะ?”
มูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีได้ตั้งกองทุนการเงินขึ้นมาเพื่อตัวพวกเขาเอง
ถ้าลู่โจวจำไม่ผิด คนพวกนี้ออกหุ้นกู้มาเป็นจำนวน 1 หมื่นล้านเครดิตพอยท์ และได้รับเครดิตการลงทุนมาเป็นจำนวนรวมมหาศาลจากสหการพาน-เอเชียนและรอบโลกด้วย
บางที…
การล้มละลายของบริษัทนี้อาจจะพัฒนาไปสู่ระเบิดเวลาลูกใหม่ นำไปสู่คลื่นสึนามิทางการเงินที่อาจจะแย่ยิ่งกว่าผลกระทบจากสงครามกลางเมืองของเมืองเทียนกง
“เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะล้มละลาย… เพื่อนร่วมงานของผมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของเอไอไอบีเพื่อชำระบัญชีทรัพย์สินของพวกเขาแล้ว” หวังเผิงคิดอยู่สักพักแล้วตอบว่า “อย่างไรก็ตาม เก็บเรื่องตัวตนของแกล็ดสโตนไว้ก่อน เราเพียงแต่ไม่สามารถจะปล่อยเงินทุนไปให้ศาลากลางได้”
อีกอย่าง นับแต่มูลนิธิดาวอัลฟาเซนทอรีเข้ามาพัวพันกับลัทธินั่น สำนักงานความมั่นคงจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาหลุดรอดลอยนวลไป
“ถ้างั้น…” ลู่โจวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด หลังจากคิดอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็พูดว่า “คุณแนะนำผมให้เขาได้ไหม?”
หวังเผิงรู้สึกอึ้งไปชั่วครู่ แล้วเขาก็มองมาที่ลู่โจวด้วยความรู้สึกสับสนและถามว่า “ให้ใคร?”
“คนที่รับผิดชอบเรื่องการชำระบัญชีทรัพย์สินสำหรับมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี” ลู่โจวพูดต่อหลังจากเงียบไป “ผมอยากจะคุยเรื่องบางอย่างกับเขา”