Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1646 การขายลดราคา
ที่ชั้นล่างของอาคารมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี ฝูงชนเต็มทุกพื้นที่บนถนน
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่มีการประกาศข่าวออกมา อย่างไรก็ตามผู้คนที่รายล้อมที่นั่นยังไม่ต้องการจะแยกย้าย เจ้าหน้าที่ฟ่านซึ่งรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยมีสีหน้ากังวล เขาไม่มีทางเลือก
“ปล่อยแกล็ดสโตนออกมา!”
“จ่ายหนี้!”
“ใช่! ทำไมปล่อยให้เราต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่พวกโง่นั่นเป็นคนทำ?! เราไม่เคยสนับสนุนให้เมืองเทียนกงได้รับเอกราช เราสนับสนุนการรวมกับสหการพาน-เอเชียนอย่างไม่มีเงื่อนไข!”
“ผมรู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นมานานแล้ว! พวกคนจากกลุ่มพันธมิตรทะเลเหนือเป็นพวกโกหกมดเท็จทั้งนั้น! พวกขี้ขโมย! พวกมันทุกคน!”
เสียงก่นด่าดังมาเป็นระลอก คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายที่ดังมาจากฝูงชน เจ้าหน้าที่ฟ่านก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าคุณรู้ว่าใครบางคนโกหก แล้วทำไมคุณถึงติดกับของเขาล่ะ?
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดประโยคนี้ออกไปดังๆ หรอก
อย่างไรก็ตามตัวตนในตอนนี้ของเขาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเทียนกง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสุมไฟให้ลุกโหมขึ้นไปอีก และเขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะตำหนิตัวเองได้หรอก…
ทันใดนั้นประตูหน้าของอาคารก็เปิดออก คนแปลกหน้าคนหนึ่งที่รายล้อมด้วยกลุ่มคนก็เดินออกมาจากอาคาร
เมื่อต้องเผชิญกับความชุลมุนวุ่นวาย เขาก็กระแอมแล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกท่าน โปรดเงียบก่อนและขอผมพูดอะไรสักสองสามคำ!”
แต่ผู้คนรอบทางเข้าอาคารกลับไม่สนใจในสิ่งที่ชายคนนี้ต้องพูด ตรงแถวหน้า ชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยชุดแบบทางการผู้ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มีสถานะสูงส่ง ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว
“แกเป็นใคร! พวกเราไม่สนใจแก เราต้องการเจอแกล็ดสโตน! ให้เขาออกมาเจอเรา!”
“ใช่!”
“ให้เขาออกมา!”
เสียงร้องตะโกนด้วยความโกรธเคืองดังมาตามๆ กัน และมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นจนควบคุมไม่ได้
หลังจากรอให้ผู้คนระบายอารมณ์ของพวกเขาออกมาอย่างเงียบๆ ชายผู้นั้นก็ยกมือขึ้นแล้วกระแอม จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุม
“ผมเกรงว่าแกล็ดสโตนจะไม่สามารถออกมาพบคุณได้ ตอนนี้เขาถูกส่งไปที่เรือนจำบนโลกแล้ว การพิจารณาของศาลและการตัดสินลงโทษที่ไม่น้อยกว่า 200 ปีกำลังรอเขาอยู่ ตัวผมนั้นเป็นประธานคนใหม่ของเอไอไอบีสาขาเมืองเทียนกง สิ่งสำคัญของผมในตอนนี้ก็คือการชำระบัญชีมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี… ผมเชื่อว่าคุณทุกคนควรจะให้ความสนใจในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไป”
แต่นั่นแหละ เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ฝูงชนด้านนอกแนวกั้นของตำรวจก็เริ่มสงบลง
อย่างไรก็ตามอาการตกใจและความโกรธที่อยู่บนใบหน้าเหล่านั้นกลับไม่ได้เลือนหายไปแม้แต่น้อย
ชำระบัญชีงั้นเหรอ?
หมายความว่ายังไง?
ถ้าอย่างนั้น หุ้นกู้ทั้งหมดที่เราซื้อมาเมื่อเดือนก่อนก็จะใช้ไม่ได้?
นี่เป็นการปล้นชัดๆ!
อีกอย่าง ใครอนุญาตให้พวกเขาล้มละลายกัน?!
เรายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้!
เมื่อเห็นความชุลมุนวุ่นวายข้างหลังแนวกั้นของตำรวจ เจ้าหน้าที่ฟ่านกระแอมนิดๆ และกำลังจะเตือนจงจื้ออวี่ไม่ให้กวนโทสะฝูงชน อย่างไรก็ตาม จงจื้ออวี่ทำมือเป็นเชิงบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล แล้วเขาก็พูดเสียงดังขึ้นว่า
“อย่างไรก็ตามเมื่อได้พิจารณาผลประโยชน์ของนักลงทุนทั้งหมด มีปัญหาเรื่องระเบียบข้อบังคับทางฝ่ายของเราในประเด็นนี้จริง ดังนั้นเราจะทำการรับผิดชอบและจะมีการตัดสินใจหลังการประชุมระดับสูง หนี้ของบริษัทจะถูกซื้อคืนมาจากพวกคุณทุกคนในราคาที่เหมาะสม”
เจ้าหนี้ที่รายล้อมแนวกั้นของตำรวจอยู่ถึงกับอึ้งไป แม้แต่เจ้าหน้าที่ฟ่านซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าแนวกั้นตำรวจกับทีมตำรวจก็ยังตกตะลึง
ซื้อหุ้นกู้ของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีกลับมางั้นเหรอ?
เศษกระดาษไร้ประโยชน์พวกนั้นน่ะเหรอ?
นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้คนที่เริ่มผ่อนคลายลง จงจื้ออวี่ก็รู้ว่าเขาผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว หลังจากที่ยิ้มออกมา เขาก็ตีเหล็กตอนที่กำลังร้อนต่อ
“แน่นอนว่า… ไม่ว่าอย่างไรการลงทุนก็มีความเสี่ยง ผมเชื่อว่าคุณได้พิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้วในตอนที่คุณซื้อหุ้นกู้เหล่านี้ มูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีไม่มีเงินแม้แต่เพนนีเดียวในบัญชี ทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวที่ขายได้คือ โปรเจกต์ ‘เรือโนอาห์’ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าราคาที่เหมาะสมนี้จะทำให้คุณพอใจ อย่างดีที่สุดมันอาจจะลดการสูญเสียของคุณได้เท่านั้น”
ท่ามกลางฝูงชนหน้าแนวกั้นตำรวจ ชายคนหนึ่งที่ไว้ผมทรงหวีปาดข้างและแต่งกายด้วยชุดแบบทางการก็ยืนขึ้น เขาจ้องไปที่จงจื้ออวี่และพูดว่า
“คุณหมายความว่ายังไง? คุณหมายความว่าหุ้นกู้ที่ผมซื้อมาด้วยเงินล้านเครดิตจะขายได้แค่ครึ่งราคางั้นเหรอ?”
จงจื้ออวี่ไม่ได้ตอบ แต่ชายในชุดแบบทางการที่ยืนอยู่ข้างเขากลับแสยะยิ้มนิดๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ครึ่งราคาเหรอ? เปล่า เราไม่ได้วางแผนจะจ่ายเยอะขนาดนั้น”
ชายที่ไว้ผมทรงหวีปาดข้างจ้องมาที่เขาแล้วพูดอย่างก้าวร้าวว่า “แล้วคุณเป็นใคร?”
“บริษัทฟู่ซิงมายนิ่ง มันไม่สำคัญหรอกว่าเราเป็นใคร” ชายที่ยืนอยู่ข้างจงจื้ออวี่เชิดค้างขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดต่อไปอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดง่ายๆ ก็คือ ผมสนใจวัสดุที่ใช้กับเรือโนอาห์ ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถขายทำเงินได้บ้างถ้ามันถูกแยกชิ้นส่วนออก แต่นี่เป็นงานที่เสียเวลามากและใช้แรงงานมาก พูดยากว่าชิ้นส่วนที่ใหญ่กว่าจะสามารถขายได้หรือไม่ ดังนั้น ถ้าเงินห้าร้อยล้านยังน้อยเกินไปก็ลาก่อน คุณจะเก็บหุ้นกู้ไร้ประโยชน์ของคุณไว้ก็ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ จู่ๆ ชายที่ก้าวร้าวในตอนแรกก็โมโหขึ้นมา ผู้คนที่รายล้อมแนวกั้นตำรวจก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาด้วย
ตอนนี้หุ้นกู้จำนวนทั้งหมดหมื่นล้านกลับมีมูลค่าแค่ห้าร้อยล้าน?
ตามสัดส่วนแล้ว พวกเขาน่าจะได้รับแค่เศษเสี้ยวเล็กน้อยของเงินพวกเขาคืนมาเท่านั้น
แต่ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย พวกเขาอาจจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยในตอนนี้ นอกจาก ‘บริษัทฟู่ซิงมายนิ่ง’ นี้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ก็ไม่มีบริษัทไหนที่สนใจ ‘สินทรัพย์พิษ’ นี้เลย
บางคนมองเหตุการณ์นี้เป็นเหมือนน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว ขณะที่คนอื่นๆ เห็นมันเป็นน้ำที่หายไปครึ่งแก้วแล้ว
เมื่อเห็นความลังเลบนใบหน้าของผู้คนเหล่านี้ จงจื้ออวี่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า
“ใจเย็นก่อนครับทุกท่าน ถ้าคุณไม่พอใจกับแผนนี้ เราก็ทำได้แค่บอกว่าเราเสียใจอย่างยิ่ง การล้มละลายของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้ นั่นก็คือการลดการสูญเสียของทุกท่านและของเราเอง
“จนถึงตอนนี้เราได้ทำการติดต่อบริษัทไปหลายร้อยแห่ง มีเพียงฟู่ซิงมายนิ่งที่สนใจสินทรัพย์ของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี แต่ถึงจะสนใจอย่างไร… ผมคิดว่าทุกท่านก็ทราบแล้วว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรับหนี้สินมูลค่าหมื่นล้านเครดิตไป เว้นแต่เงินจำนวนนี้จะได้ลดลงได้”
“อย่างน้อยที่สุดในความเห็นของเรา 500 ล้านก็เป็นข้อเสนอที่ดี”
ก่อนที่ผู้คนรอบๆ แนวกั้นตำรวจจะได้ตอบโต้อะไร จงจื้ออวี่ยักไหล่ หันไปรอบๆ แล้วเดินกลับเข้าอาคารที่อยู่ด้านหลังไป
ใครสักคนคงจะเอาสัญญาไปให้คนพวกนี้เซ็น
ตราบใดที่มีนักลงทุนมากกว่า 80% ตกลงที่จะรับสินทรัพย์ แม้ว่านักลงทุนที่เหลือจะไม่เต็มใจ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้สัญญามีผลบังคับใช้ได้ แน่นอนว่าคนเหล่านั้นที่ไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นเจ้าหนี้ของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีต่อไป แต่พวกเขาจะได้เงินเท่าไรในท้ายที่สุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเรือโนอาห์นั้นจะขายได้เท่าไร
แต่ก็อย่างว่า…
สำหรับคนโชคร้ายพวกนี้ นี่ก็เป็นตอนจบที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีใครยินดีจะเข้ามารับโปรเจกต์นี้ต่อและเรือโนอาห์ที่ยังไม่เสร็จนี้ถูกขายไปเป็นเศษเหล็กจริงๆ พวกเขาก็คงลืมเรื่องเงิน 500 ล้านนี้ไปได้ หลังจากที่มีการจ่ายค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของอู่ต่อยานและค่าธรรมเนียมรื้อถอน พวกเขาก็คงจะได้เงินที่เหลืออยู่น้อยกว่า 5 ล้าน…