Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1647 เทกโอเวอร์เรือ
ณ ห้องประชุมของโรงแรมสตาร์สกาย
จงจื้ออวี่ซึ่งกลับมาจากอาคารมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีได้ยิ้มออกมาแล้ววางสำเนาของข้อสรุปลงตรงหน้าของลู่โจว
“มีการเจรจาต่อรองเรียบร้อยแล้วว่าบริษัทฟู่ซิงมายนิ่งจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มูลค่า 500 ล้านเครดิต หนี้จำนวนนี้ประกอบด้วยหนี้ของเราและหนี้เหล่านั้นซึ่งอยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อย จากนั้นเราก็แค่จำเป็นต้องร่วมมือกับสหการพาน-เอเชียนด้วยการจ่ายค่าปรับ 100 ล้านเครดิต แล้วคุณก็สามารถซื้อกิจการทั้งหมดที่ราคาสัญลักษณ์เท่ากับ 1 เครดิต
“สำหรับในอนาคต ไม่ว่าคุณจะตั้งใจควบรวมฟู่ซิงมายนิ่งกับสตาร์สกายเทคโนโลยีโดยตรงหรือไม่ หรือว่าจะควบรวมกิจการด้วยวิธีการอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับคุณ”
“ผมยังไม่เข้าใจ” หลังจากที่มองเอกสารบนโต๊ะ ลู่โจวก็มองมาที่จงจื้ออวี่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่งุนงงนิดๆ ว่า “คุณมีแผนจะจัดการเรื่องหนี้เสียกับเอไอไอบีและธนาคารอื่นๆ ยังไง? หรือ… คุณได้อะไรจากการทำเช่นนี้บ้าง?”
“หนี้เสียเหรอ? ผมไม่คิดว่านี่เป็นหนี้เสีย อย่างดีที่สุดมันก็แค่นับได้ว่าเป็นการขาดทุนชั่วคราว” จงจื้ออวี่ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “คุณประเมินอิทธิพลของตัวคุณเองต่ำไป ถ้าคุณต้องสร้างยานอวกาศนี่… สำหรับโปรเจกต์แบบนี้เราวางแผนที่จะลงทุนนิดหน่อยด้วยซ้ำ แน่นอนว่านั่นเป็นหลังจากที่มีความก้าวหน้าไปบ้างแล้ว แต่ผมเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ยากสำหรับคุณ”
ลู่โจวจ้องมองสัญญาในมือของเขา
ที่บรรทัดสุดท้ายของหน้าที่สามของสัญญา มีข้อตกลงเพิ่มเติมในเรื่องหนี้หมื่นล้านเครดิตพอยท์ หลังจากได้ครอบครองมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีแล้ว ถ้ามีเจ้าหนี้ที่ไม่เต็มใจจะยกเลิกคำร้อง คำร้องเหล่านี้จะยังมีผลประโยชน์ทางกฎหมายและจะถูกโอนไปยัง ‘เรือโนอาห์’
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ในการจำหน่ายสินทรัพย์เหล่านี้อีกต่อไป
ถ้าบริษัทฟู่ซิงมายนิ่งขาย “เรือโนอาห์” เป็นเศษเหล็กจริงๆ อย่างที่พวกเขาอ้าง 1 ล้านเครดิตพอยท์ซึ่งมีค่าเท่ากับหุ้นกู้ก็อาจจะได้รับแค่เพียงสองสามร้อยเครดิตพอยท์
แน่นอนว่าถ้าบริษัทฟู่ซิงมายนิ่งถูกครอบครองโดยบริษัทอื่นที่ตั้งใจจะทำโปรเจกต์ ‘เรือโนอาห์’ ให้เสร็จสมบูรณ์และทำแผนทั้งหมดของการตั้งอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีสำเร็จเสร็จสิ้นในท้ายที่สุด…
หลายคนคงจะเป็นบ้าเพราะเรื่องนี้แน่
“พูดสั้นๆ ก็คือคุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ผมประเมินว่ามันน่าจะใช้สัก 500 ล้าน ในท้ายที่สุดคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินถึง 300 ล้านด้วยซ้ำ” จงจื้ออวี่ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “อย่างน้อยพวกเราที่เอไอไอบีก็ยินดีที่จะเก็บหนี้ของบริษัทเหล่านี้ไว้ต่อไป เราเชื่อว่าโปรเจกต์ ‘เรือโนอาห์’ ที่ยังไม่เสร็จอาจจะเดินหน้าต่อไปได้ในรูปแบบใหม่ด้วยฝีมือของคุณ”
ลู่โจวพูดว่า “ผมไม่สน แต่การทำแบบนี้… คุณไม่กลัวประชาชนจะคัดค้านเหรอ?”
โดยเฉพาะจากพวกที่ขายหนี้องค์กรในมือไปแล้ว
เมื่อพวกเขาค้นพบว่าพวกเขาเพิ่งจะขาย ‘กระดาษไร้ประโยชน์’ ที่ไม่คุ้มทุนของพวกเขาไป และราคาก็กลับมาพุ่งสูงจรดเพดานอีกครั้ง พวกเขาก็คงจะใจสลาย…
“การลงทุนเองเป็นสิ่งที่มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ มันจะมีโปรเจกต์ไหนที่ให้ผลกำไร 100% ได้ยังไง? ถ้ามันมีก็ช่วยบอกผมหน่อย” จงจื้ออวี่กระแอมเบาๆ แล้วพูดต่อโดยไม่ได้เปลี่ยนท่าทีไปแต่อย่างใด “ก็อย่างที่ผมพูด แน่นอนว่าคุณสามารถบอกพวกเขาตรงๆ อย่างมีเมตตาว่าคุณวางแผนจะซื้อเรือโนอาห์และเปลี่ยนมันให้เป็นยานอาณานิคมที่เร็วกว่าและแข็งแรงกว่าเดิม เพื่อนำอารยธรรมของพวกเราไปสู่โลกที่ห่างไกลออกไปกว่าเดิม แต่คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง?”
“ผมบอกคุณได้เลยว่านี่หมายความว่าหนี้องค์กรที่พวกเขาถืออยู่จะไม่ได้เป็นกระดาษไร้ประโยชน์ที่ไม่มีราคาอีกต่อไป และการตัดสินใจที่คุณเลือกด้วยความปรารถนาดีจะทำให้คุณต้องใช้เงินซื้อบริษัทที่กำลังจะล้มละลายในราคาที่สูงกว่าหลายร้อยเท่า”
ระหว่างมองมาที่ลู่โจว เขาก็เงียบไปแล้วพูดต่อ “อ้อ คุณไม่ได้สังเกตเหรอ?”
ลู่โจวถามว่า “สังเกตอะไร?”
“นี่เป็นผลลัพธ์ที่ทุกคนพอใจ” จงจื้ออวี่ยักไหล่แล้วพูดต่อไปว่า “สุดท้ายประชาชนก็จะสามารถกลับบ้านไปโดยไม่ต้องตั้งเต็นท์ค้างแรมบนถนน และเมืองเทียนกงก็จะได้ความสงบเรียบร้อยคืนมาโดยไม่มีกลุ่มตำรวจพิเศษคอยยืนอยู่ตรงนั้นกับพวกเขาแบบโง่ๆ และการขาดทุนสำหรับเอไอไอบีและธนาคารอื่นๆ ก็จะไม่ร้ายแรง… อย่างน้อยก็มีกำไรคืนกลับมาบ้าง”
เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะยังทำกำไรได้นิดหน่อยด้วยซ้ำ เพราะราคาที่ต่างออกไปตอนแลกเปลี่ยนหุ้นกู้เหล่านี้
“ตามใจคุณเถอะ” ลู่โจวส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่สนเรื่องพวกนั้น แต่ผมจะทำโปรเจกต์เรือโนอาห์ให้เสร็จ”
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็สามารถจะหยุดอยู่ที่ดาวอัลฟาเซนทอรีระหว่างทางที่ไปเทาเซติได้
ด้วยเทคนิคความเร็วแบบวาร์ปที่เขาเชี่ยวชาญอยู่ในตอนนี้ มันก็ไม่ได้ยากอะไรในการที่จะไปสถานที่ทั้งสองแห่งนี้
“อืม นั่นก็คงจะดีที่สุดแล้ว” จงจื้ออวี่พูดด้วยน้ำเสียงติดตลกระหว่างที่เขามองลู่โจวที่นั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะทำงาน “อนาคตของผมทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”
…
อย่างที่จงจื้ออวี่พูด เมื่อเจอกับสัญญาที่ดีพอสมควรนี้ นักลงทุนเกือบทั้งหมดก็เลือกที่จะเลิกขาดทุนแล้วขายหุ้นกู้ของพวกเขาให้กับบริษัทฟู่ซิงมายนิ่ง
หลังจากมีการปล่อยข่าวออกมาว่าบริษัทฟู่ซิงมายนิ่งได้เข้ามาครอบครองมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรี ในที่สุดระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในพาน-เอเชียและแวดวงการเงินทั่วโลกลูกนี้ก็ถูกกำจัดออกไป
จากที่จงจื้ออวี่บอก สำนักงานใหญ่พอใจกับผลงานของเขาและขอให้เขาบอกลู่โจวว่าพวกเขาอยากจะมาเยี่ยมลู่โจวในตอนที่เขากลับมาที่โลก
ลู่โจวเพียงแต่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรมากนัก
ก่อนที่จะทำเครื่องวาร์ปไดรฟ์เวอร์ชั่นสมบูรณ์เครื่องแรกเสร็จ เขาก็อาจจะไม่กลับไป
ในทางตรงกันข้าม ในที่สุดการประชุมเรื่องแผนการพัฒนาดวงจันทร์ยูโรปาก็สิ้นสุดลงเนื่องด้วยข้อเท็จจริงเรื่องการบริหารระดับสูงของศาลากลางเมืองเทียนกง นักลงทุนหลักก็ถูกแทนที่
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้เข้าร่วมครึ่งหลังของการประชุม แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถกเถียงกันอย่างดุเดือดในที่ประชุมและเกือบจะเริ่มลงไม้ลงมือกัน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ศาสตราจารย์อู๋ฉิงหลายซึ่งมาจากแวดวงวิชาการบนโลกเช่นเดียวกับลู่โจวก็ทำสีหน้าเหยียดหยันตลอดการประชุม ราวกับว่าเขากำลังหารือกับกลุ่มคนป่าเถื่อนซึ่งไม่เข้าใจมารยาทผู้ดี
ในวันสุดท้ายของการประชุม เนื่องด้วยเงินทุนไม่เพียงพอ อาหารเย็นมื้อสุดท้ายจึงดูค่อนข้างธรรมดา หลังจากสองทุ่ม คนก็เริ่มออกจากห้องจัดเลี้ยงไป
หลังจากรับประทานมื้อเย็นไปได้เล็กน้อย ลู่โจวก็กำลังจะกลับไปที่ห้องพัก แต่จู่ๆ ศาสตราจารย์อู๋ฉิงหลายก็ตามเขามาแล้วพูดพร้อมกับยิ้มยิงฟัน
“เอ่อ… ศาสตราจารย์ลู่”
ลู่โจว “ครับ”
“คุณวางแผนจะกลับโลกวันไหน?”
ขณะมองไปทางเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ลู่โจวก็ตอบอย่างสบายๆ ว่า “ผมยังมีบางอย่างต้องทำ ผมว่าจะกลับไปทีหลัง ทำไมเหรอ?”
อู๋ฉิงหลายรีบตอบว่า “เปล่า เปล่า แค่สงสัยน่ะ”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ถ้าคุณต้องการอะไร ก็บอกๆ มาเถอะ”
อู๋ฉิงหลายเกาท้ายทอยอย่างกระดากอายแล้วกระแอม เขาพูดว่า “เอ่อ… คือผมซื้อตั๋วขึ้นยานเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ถูกไหม?”
ตั๋วขึ้นยานที่ว่านั้นหมายถึงตั๋วสำหรับเรือโนอาห์ เพราะโฆษณาชวนเชื่อรายล้อมเรือโนอาห์ เขาจึงคิดเรื่องลงทุนแบบตื้นๆ แท้ๆ
ลู่โจวพูดว่า “คุณยังไม่ได้ขายมันไปเหรอ?”
อู๋ฉิงหลายพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ “ผมคิดว่าราคามันจะขึ้นอีกรอบ”
ลู่โจว “…”
อู๋ฉิงหลายกระซิบว่า “ผมแค่อยากถามว่า คุณมีข้อมูลวงในอะไรบ้างไหม? เอไอไอบีมีแผนจะซื้อตั๋วสำหรับเรือโนอาห์คืนรึเปล่า? หรือมี… แผนการชดเชยอะไรไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้ สีหน้าของลู่โจวก็ยิ่งประหลาดขึ้น หลังจากจ้องมองอีกคนอยู่นาน จู่ๆ เขาก็ถามว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะมีข้อมูลวงใน?”
สีหน้าของอู๋ฉิงหลายคือความละอายแบบหนึ่ง เขากระแอมแล้วพูดต่อไปว่า “ประธานเอไอไอบีสาขาเทียนกงแวะมาที่โรงแรมสตาร์สกายเมื่อวานไม่ใช่เหรอ? ผมว่าผมเห็นเขา…”
“แล้วคุณก็เห็นเขาเข้ามาในห้องผมใช่ไหม?”
เมื่อเห็นสีหน้าของลู่โจว อู๋ฉิงหลายก็รีบโบกมือปฏิเสธ
“ผมสาบานได้! ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปแอบดูแน่นอน! ผมแค่กำลังจะ—”
“ไม่มีแผนหรอก แค่เก็บตั๋วไว้ถ้าคุณอยากเก็บแล้วก็ทำให้มันเหมือนเป็นบทเรียนบทหนึ่ง”
ลู่โจวไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ หลังจากพูดประโยคนี้ไป เขาก็ปล่อยให้อู๋ฉิงหลายขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้นแล้วเดินออกไปทางลิฟต์อย่างช้าๆ
ลู่โจวรู้สึกว่าการบอกใบ้ของเขาชัดเจนพอแล้ว
ไม่ว่าเขาจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่…
ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับตัวเขาแล้ว