Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1648 รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1648 รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่
ในตอนนี้การล้มละลายของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แม้ว่าเงินหมื่นล้านเครดิตพอยท์ที่ใช้ไปจะไม่สามารถชดเชยได้ แต่ในท้ายที่สุดผลลัพธ์ก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย
หลังจากที่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเมืองเทียนกงกลับคืนมา การสอบสวนอาชญากรรมสงครามก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากที่ยานฉินหลิ่งคุ้มกันนักโทษไปส่งที่ระบบระหว่างโลกกับดวงจันทร์
จากการพิพากษาของศาลสูงสุดของสหการพาน-เอเชียน ผู้บงการการก่อกบฏเมืองเทียนกง เสี่ยวหง เการุ่ยหมิง และคนอื่นๆ ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตและกักขังไว้ในคุกที่เลวร้ายที่สุดในพาน-เอเชียน ที่ซึ่งพวกเขาจะใช้เวลาชีวิตครึ่งที่เหลือในนั้น
คุกนั้นเป็นฐานทัพสำหรับสหการพาน-เอเชียนในแถบดาวเคราะห์น้อย นอกจากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะทั้งหมดแล้ว ก็มีแต่นักวิจัยต่างๆ และทหารเท่านั้นที่ประจำการอยู่ที่นั่น
ในอีกทางหนึ่งหลังจากผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ ในที่สุดกองทัพยานหัวฉ่านและไท่ชานก็มาถึงวงโคจรรอบดาวอังคาร
ด้วยความร่วมมือของกองพลอากาศวงโคจรที่สาม การซ้อมรบร่วมดำเนินไปตามกำหนดการ พวกเขาก็ได้อวดกล้ามเนื้อให้โลกภายนอกได้เห็น โดยเฉพาะพวกผู้แบ่งแยกชาวดาวอังคาร
หลังจากการซ้อมรบจบ กองทัพอากาศไม่ได้กลับไปที่ฐานลากรองจ์ แต่พวกเขากลับมุ่งตรงไปที่บริเวณใกล้เคียงกับแถบดาวเคราะห์น้อยแทน ด้วยการใช้คำสารภาพจากผู้บงการการก่อกบฏ อย่างเช่น เสี่ยวหง กองทหารชั้นยอดจึงพบกองบัญชาการกบฏที่ซ่อนอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยโดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใดและได้กวาดล้างออกไปอย่างราบคาบ
พลังที่สะสมมาตลอดสองสามทศวรรษที่ผ่านมาถูกทำลาย หลังจากสหการพาน-เอเชียนได้ทำการประกาศข่าวออกสู่สาธารณะ จู่ๆ พวกผู้แบ่งแยกในเมืองเทียนกงก็รู้สึกอ่อนแอ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับความจริงนี้ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาได้สูญเสียเบี้ยในการต่อรองทั้งหมดไปแล้ว และสหการพาน-เอเชียนคงจะไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาเป็นครั้งที่สอง
ในวันที่สามหลังจากภารกิจกวาดล้างกบฏที่ใช้ชื่อรหัสว่า ‘ดาบหัก’ สหการพาน-เอเชียนได้ประกาศแผนที่จะเพิกถอนการปกครองตนเองของเมืองเทียนกงแล้วให้ศาลากลางตกอยู่ภายใต้อำนาจศาลของปักกิ่ง ปักกิ่งจะแต่งตั้งนายกเทศมนตรีขึ้นมาโดยตรงแทนที่จะใช้การเลือกตั้งท้องถิ่น
ไม่ว่าชาวดาวอังคารจะสามารถรับผลเช่นนี้ได้หรือไม่ เมื่อต้องเจอกับเหล่ายานอวกาศที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ
ศาลากลางของนิวเวอร์จิเนียและนิวลอนดอนก็แสดงความไม่พอใจกับเรื่องนี้เช่นกัน เป็นไปได้ว่าพวกเขารู้สึกหวาดหวั่น พวกเขาคิดว่านี่คือถนนที่ลื่นสายหนึ่ง แต่มีเมืองอาณานิคมสองสามแห่งเท่านั้นที่เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรภูมิภาคอื่นๆ ทั้งหลี่กวงหยาและอู๋ชูฮวาต่างก็ไม่ได้ใส่ใจกับความคิดเห็นของพวกเขาเลย
รัฐศักดินาของพวกเขาเป็นรัฐที่ควรจะใส่ใจความคิดเห็นของพวกเขา
ไม่ใช่สหการพาน-เอเชียน…
“ผมคงจะเป็นประธานที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดตั้งแต่เคยมีมา”
นิ้วชี้ของหลี่กวงหยาปัดไปบนหน้าจอโฮโลแกรม เขาปิดรายงาน พิงหลังกลับเก้าอี้ทำงาน แล้วหยิกที่หว่างคิ้วตัวเอง เขาพูดขึ้นด้วยอาการปวดหัวว่า “ตอนแรกก็เที่ยวบินเอ็น-177 แล้วต่อมาก็กบฏหุ่นยนต์… พระเจ้า ตอนนี้ก็พวกดาวอังคารนั่นที่กล้ามาอึใส่สนามหญ้าเรา”
“แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?” เลขานุการเหว่ยซึ่งยืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าพวกเขาไม่ยั่วยุให้เกิดสงครามนี้ด้วยการริเริ่มของพวกเขาเอง มันก็คงจะต้องใช้ความพยายามมากที่จะได้ความอิสระคืนมาจากพวกเขา”
“ถูกต้อง” หลี่กวงหยาส่ายหัวแล้วพูดว่า “แต่ความยุ่งยากก็ทำให้แผนของผมเสียระบบไปหมดเลย”
ความยุ่งยากทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะเริ่มขึ้นทันทีหลังจากที่คนคนนั้นกลับมาจากดาวอังคาร
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรจิตวิญญาณแห่งจักรวาลหรือชายที่ชื่อ ลอว์เรนซ์ ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกันก่อนที่ลู่โจวจะกลับมา เขาสงสัยว่าทำไมครั้งที่สองที่ลู่โจวก้าวเท้าลงบนพื้นดินของสหการพาน-เอเชียน ฝันร้ายของเขาก็เริ่มขึ้น
ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้น…?
เขาถูกสาปใช่ไหม?!
หลี่กวงหยาอดที่จะแสดงสีหน้าประหลาดออกมาไม่ได้
เป็นไปได้ไหมว่าหมอนี่เป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังความยุ่งยากทั้งหมดนี่?
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ไม่ใช่บทหนังฮอลลีวูด แม้ว่าบางครั้งมันอาจจะดราม่ายิ่งกว่าหนัง แต่ความเป็นไปได้นี้ก็ยังน้อย
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผลลัพธ์ก็ออกมาดี” เลขานุการเหว่ยมองประธานที่เหนื่อยล้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมมีข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งจากอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีส์ คุณสนใจจะฟังไหมครับ?”
ใบหน้าของหลี่กวงหยาแสดงความสนใจขึ้นมาทันที
“อย่าปล่อยให้ผมค้าง รีบบอกผมมาเลย”
เหว่ยซงพูดต่อไปว่า “ตามแผนการออกแบบที่นักวิชาการลู่ทำขึ้น การสร้างเครื่องวาร์ปไดรฟ์เวอร์ชัน 1.0 ได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อใช้ข้อมูลของนักวิชาการลู่เอง หลังจากติดตั้งเครื่องวาร์ปไดรฟ์เครื่องใหม่ ความเร็วในการแล่นของยานฉินหลิ่งในไฮเปอร์สเปซสามารถไปได้สูงถึง 1AU/s”
หลังจากได้ยินข่าวนี้ ในที่สุดหลี่กวงหยาก็ยิ้มออกมาได้
แม้ว่าลู่โจวจะทำให้เขากังวลเสมอ แต่ลู่โจวไม่เคยทำให้เขาผิดหวังในแง่ของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
1 หน่วยดาราศาสตร์ต่อวินาที…
ที่ความเร็วระดับนี้ มันน่าจะใช้เวลาไม่ถึงสามวินาทีจากระบบระหว่างโลกกับดวงจันทร์ไปยังวงโคจรสัมพันธ์กับดาวอังคาร แม้ว่าตำแหน่งของดาวอังคารจะอยู่ห่างไกลที่สุด ลืมเรื่องแถบดาวเคราะห์น้อยไปได้เลย คงจะไม่มีปัญหาในการส่งยานอวกาศไปยังแถบไคเปอร์หรือโลกที่อยู่ไกลกว่านั้น!
หลี่กวงหยาพูดว่า “ทำได้ดีมาก ผมต้องขอบคุณเขาเรื่องนี้ เขาจะกลับมาโลกเมื่อไร? ผมจะไปเยี่ยมเขาเป็นการส่วนตัว”
“เขาอาจจะไม่กลับมาที่นี่ในระยะสั้นๆ ระยะหนึ่ง เขาจำเป็นต้องแก้ปัญหาทางเทคนิคบางอย่างของเครื่องวาร์ปไดรฟ์ด้วยตัวเอง” พอพูดไปเช่นนั้น เหว่ยซงก็กระแอมนิดๆ แล้วพูดต่อว่า “นี่ก็เป็นข่าวดี… ผมยังมีข่าวอื่นที่ไม่ค่อยดีเท่าไร คุณอยากจะฟังไหมครับ?”
“คุณบอกมาเลยก็ได้ว่าเป็นข่าวร้าย” หลี่กวงหยาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ว่ามา ผมฟังอยู่”
เหว่ยซงตอบว่า “ตามข้อมูลข่าวจากเอไอไอบี นักวิชาการลู่ได้ครอบครองมูลนิธิสำรวจอาณานิคมดาวอัลฟาเซนทอรีที่ล้มละลายด้วยการก่อตั้งบริษัทเปล่า…”
หลังจากได้ยินข่าวนี้ หลี่กวงหยาก็เงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เป้าหมายคือเทาเซติ?”
เหว่ยซงพูดเสียงเบาว่า “เขาไม่ได้บอกครับ…แต่เป็นไปได้”
“นี่เป็นข่าวร้ายจริงๆ ทั้งสำหรับพันธมิตรของเราและอารยธรรมของเรา”
ขณะจ้องมองไปที่โต๊ะทำงานของเขาและมองภาพฉายโฮโลแกรมที่ลอยอยู่บนนั้น หลี่กวงหยาก็เงียบไปนาน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วโบกมืออย่างอ่อนแรง
“ลืมมันไปเสียเถอะ มันขึ้นอยู่กับเขา”
เหว่ยซงอึ้งไปนิดๆ เขาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “แต่…”
“ไม่มีคำว่าแต่ ถ้าเขาอยากจะไป แม้เราจะบังคับให้เขาอยู่ มันก็อาจจะไม่ได้ทำให้เกิดผลดี ผมไม่อยากจะเป็นศัตรูกับเขา”
เมื่อเห็นว่าเหว่ยซงยังมีบางอย่างจะพูด หลี่กวงหยาจึงพูดแทรกเขา “พอแค่นี้ ไม่ต้องพูดต่อ”