Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1651 สตาร์เกตส์เฉิดฉาย
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1651 สตาร์เกตส์เฉิดฉาย
วันแรกบนดาวอังคาร ความเงียบสงบของเมืองเทียนกงถูกพังทลายโดยข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้น
สตาร์สกายเทคโนโลยีประกาศการเข้าซื้อบริษัทฟูซิ่งมายนิ่งและรวมการบริหารอีกฝ่ายเข้าด้วยกัน สิ่งนี้จะปรับธุรกิจการหลอมโลหะผสมและการทำเหมืองของบริษัท
หลังจากการปรับครั้งนี้ บริษัทฟูซิ่งมายนิ่งได้กลายเป็นบริษัทย่อยของสตาร์สกายเทคโนโลยี บริษัทจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นฟูซิ่งโวยาจ และธุรกิจหลักจะเป็นการพัฒนาการค้าขายอินเตอร์สเตลลาร์และทรัพยากรนอกโลก
ในขณะเดียวกันโนอาห์อาร์คก็จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นมิลกี้เวย์และเส้นทางการบินจะเปลี่ยนจากอัลฟาเซนทอรีไปยังเทาเซติ ซึ่งห่างออกไปสิบปีแสง ฟูซิ่งโวยาจจะดำเนินการสร้างมิลกี้เวย์ต่อไป
คนจำนวนมากเสียสติเมื่อได้ฟังข่าวนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ซื้อหุ้นกู้ของมูลนิธิสำรวจอาณานิคมอัลฟาเซนทอรีและขายไปอย่างลังเลเพื่อลดการขาดทุน พวกเขารู้สึกอึ้ง
แม้ว่าชื่อโปรเจกต์ของโนอาห์อาร์คถูกเปลี่ยนไป แต่สัญญาที่ติดกับยานอวกาศยังมีผลทางกฎหมายเหมือนเดิม
พูดได้ว่าไม่ว่ายานจะไปเทาเซติหรืออัลฟาเซนทอรี ตราบใดที่ยานอาณานิคมไปถึงจุดหมายได้สำเร็จและปล่อยแคปซูลอาณานิคมบนพื้นผิวดาวเคราะห์ ผู้ลงทุนทุกคนที่ถือตราสารพิเศษจะได้รับกำไรคืนมามหาศาล
มันมีแค่ความเสี่ยงเดียวซึ่งคือยานอวกาศสร้างไม่สำเร็จหรือว่ามันไม่สามารถไปถึงดาวที่อาศัยอยู่ได้นอกระบบสุริยะในช่วงเวลาของมัน
แต่ตอนนี้ความเสี่ยงถูกลดลงโดยไม่ต้องสงสัย
มันมีเหตุผลเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น
นั่นคือคนที่รับโปรเจกต์นี้ไปคือลู่โจว ชายคนที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นยอดมนุษย์แห่งมนุษยชาติ!
แทบไม่มีใครคลางแคลงใจว่าเขาซึ่งฉลาดกว่าทุกคนจะซื้อซากเศษเหล็กผุพังและไม่มีใครกล้าสงสัยเลยว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะทำให้โปรเจกต์มหัศจรรย์นี้เสร็จสิ้นได้
แต่สำหรับคนที่ขายหุ้นกู้ไป คนพวกนี้ทำอะไรไม่ได้เลย
ท้ายที่สุดแล้วใครจะคิดว่าหลังจากคนกลุ่มนี้ขายหุ้นกู้และออกจากตลาดไป บริษัทฟูซิ่งมายนิ่งจะถูกซื้อไปโดยสตาร์สกายเทคโนโลยีล่ะ?
การกระทำของสตาร์สกายเทคโนโลยีทำให้คนจำนวนมากอารมณ์เสีย
สำหรับคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ บริษัทนี้ที่เคยปรากฏขึ้นในหนังสือประวัติศาสตร์เป็นครั้งคราวถูกพัดหล่นหายไปในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ตอนนี้พวกเขากลับโผล่มาโดยไม่มีปี่ขลุ่ยและแย่งสปอตไลท์ไป
คนส่วนมากไม่อาจยอมรับความจริงนี้
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับได้หรือไม่ ความจริงปรากฏต่อหน้าพวกเขา
การร้องเรียนของพวกเขาเคยมีเหตุผลมาก่อน แต่พวกมันกลับไม่มีเหตุผลแล้ว ในท้ายที่สุดไม่มีใครบังคับให้พวกเขาขายหุ้นกู้และสตาร์สกายเทคโนโลยีไม่มีความจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องแบบนี้ล่วงหน้า
ถ้ามีวันไหนที่ข้อมูลทุกอย่างบนโลกถูกเปิดเผยอย่างเท่าเทียมและโปร่งใสต่อทุกคน มันก็จะไม่มีความเสี่ยงแบบนี้เกิดขึ้น…
สำหรับผู้โชคดีที่ยังไม่ได้ขายหุ้นกู้ไป คนกลุ่มนี้รู้สึกว่าตัวเองได้นั่งรถไฟเหาะ และเจอทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด จากพื้นดินไปถึงสุดขอบฟ้า
และสำหรับคนที่ยังมีตั๋วโนอาห์อาร์คอยู่ในมือ
ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือคนที่วางแผนจะเดินทางไปโลกที่ห่างออกไปไม่กี่ปีแสง พวกเขาต่างวางแผนที่จะเก็บกระดาษเหล่านี้เป็นของที่ระลึก พวกเขาไม่คิดว่าทุกสิ่งจะพลิกโผอีกครั้ง
สตาร์สกายเทคโนโลยีไม่เพียงแต่ว่าจดจำตั๋วเหล่านี้ได้ แต่ยังได้เปิดช่องทางคืนเงินเพื่อให้คนที่เปลี่ยนใจได้ขอเงินคืนที่ราคาดั้งเดิม
แต่ไม่มีใครขอเงินคืนเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อข่าวนี้ถูกปล่อยออกไป ราคามือสองของตั๋วยานอวกาศพุ่งทะลุเฉียดฟ้า
ลู่โจวได้ยินข่าวนี้จากศาสตราจารย์อู๋ฉิงไลในทีหลัง ดูเหมือนว่าราคาตั๋วในจุดสูงสุดที่สูงขึ้นถึง 100,000 แต้มเครดิต
“ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะจับต้องได้หรือไม่ เมื่อมันถูกกำหนดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มันจะไม่เป็นตัวตนดั้งเดิมอีกต่อไป” ที่ออฟฟิศของเอไอไอบีสาขาดาวอังคาร จงจื้ออวี่มองดูลู่โจวที่นั่งอยู่ตรงโซฟา พร้อมหมุนปากกาลูกลื่นในมือเล่นและพูดอย่างดีใจ “ผมแนะนำให้คุณปล่อยขายตั๋วราคาสองหรือสามเท่าของราคาเดิม”
ลู่โจวตอบว่า “แต่ยานอวกาศไม่มีที่ว่างแล้ว”
“มันมีสิ่งที่เรียกว่าจองเกิน ถ้าคุณรู้เรื่องอุตสาหกรรมการบิน คุณจะรู้ว่าทุกสายการบินปล่อยขายตั๋วมากกว่าจำนวนที่นั่งที่มีอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถขึ้นไฟลท์ได้ในตอนท้าย มีเหตุผลจำนวนมากที่จะยกเลิกแผนการเดินทาง” จงจื้ออวี่ยิ้มให้และพูดว่า “ผมแค่เสนอนะครับ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณ”
“ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการเงินอะไรมาก” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “ถ้าขาดแคลนเงินในอนาคต ผมจะพิจารณาข้อเสนอของคุณ”
“มันไม่ใช่เรื่องการขาดแคลนเงินนะครับ… เดี๋ยวก่อนนะ” ประธานจงนึกอะไรบางอย่างได้กะทันหัน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และมองดูลู่โจวที่นั่งตรงโซฟา เขามีสีหน้าเซอร์ไพรส์และถามว่า “คุณคิดจะใช้เงินตัวเองเพื่อสร้างยานอวกาศลำนี้หรือ?”
ลู่โจวถามว่า “อะไรอีกเหรอ? ผมไม่ได้ยืมเงินคุณนะ”
“จริงด้วย… ผมขอโทษนะ ผมแค่เซอร์ไพรส์นิดหน่อย” จงจื้ออวี่ยิ้มประหม่าและกระแอมเล็กน้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้า “ผมได้ยินมาว่าคุณจะไปที่เทาเซติ… จริงใช่ไหม?”
“ใช่”
จงจื้ออวี่มองหน้าลู่โจวอยู่สักพัก สีหน้าของเขามีท่าทีตระหนักอะไรขึ้นได้ เขานั่งลงที่เก้าอี้พร้อมรอยยิ้มบูดๆ
“ไม่แปลกใจเลย… ในกรณีแบบนั้น เงินไม่ได้มีผลต่อคุณจริงๆ”
ลู่โจวยิ้มเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “มันไม่ได้ไร้ความหมายไปเสียหมด มันแค่ไม่ได้ดึงดูด”
“จริงๆ แล้ว ผมไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง”
“ไม่เข้าใจอะไรเหรอ?”
“คุณสามารถดีไซน์ยานมิลกี้เวย์ได้สมบูรณ์กว่าแน่นอน ทำไมคุณถึงปล่อยให้นักวิชาการหยางฉงผิงจัดการเรื่องนี้?”
“เพราะว่าเขาเชี่ยวชาญในด้านนี้มากกว่า ผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ออกแบบยานอวกาศมากเท่าไหร่” ลู่โจวยิ้มให้ระหว่างที่มองประธานจง เขาคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดต่อ “แน่นอนว่ามีเหตุผลอื่น ท้ายที่สุดแล้วผมมีงานที่สำคัญกว่านี้ต้องทำ”
จงจื้ออวี่ถามว่า “ลิฟต์ยานอวกาศเหรอ?”
ลู่โจวส่ายหน้าและพูดว่า “มันไม่ใช่แค่ลิฟต์อวกาศ จำเรื่องสตาร์เกตส์ที่ผมเคยพูดถึงได้ไหม?”
จงจื้ออวี่มีสีหน้าเปี่ยมอารมณ์ในขณะที่เขามองลู่โจวโดยไม่เชื่อสายตา
“เดี๋ยวนะ คุณ—”
“ครับ นอกจากวาร์ปไดร์ฟ นี่คือสิ่งที่ผมวิจัยอยู่ในช่วงนี้”
ลู่โจวยื่นมือขวาออกมาและแบออก
แสงโฮโลแกรมฉายออกมาจากข้อมือ และมีวงแหวนที่มีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือเขา
“ไฮเวย์แห่งการแลกเปลี่ยนวัสดุและข้อมูลข่าวสาร ผมเคยเล่าให้คุณฟังมาก่อน”
ประธานจงรู้สึกถูกลำแสงโฮโลแกรมดึงดูดความสนใจ
ลู่โจวยิ้มให้และพูดต่อ “ไม่ว่าจะเป็นโฟตอนที่มีมวลหรือไม่มีมวล เมื่อโฟตอนผ่านมันไป พวกมันจะเข้าช่องไฮเปอร์สเปซชั่วคราวจนกว่าจะออกมาจากอีกฝั่งของช่องทาง”
“ผมเพิ่งทำมันเสร็จเมื่อวาน”