Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1657 คนที่คาดไม่ถึง
ในความฝันของเวร่า เธอรู้สึกถึงมือหนึ่งกำลังเขย่าไหล่เธอเบาๆ
“ตื่นได้แล้ว ถึงเวลาต้องตื่นแล้ว เราจะออกเดินทางในอีกสองชั่วโมง… ถ้าเธอไม่ตื่นตอนนี้ เธอจะเสียใจนะ”
เวร่าลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง เธอเอียงหัวเล็กน้อยและสายตาเธอล่องลอยไปมองนอกหน้าต่าง
ลูกตาเธอหรี่ลง และขนตาเธอสั่นเทา
เธอรู้สึกช็อก
ดาวเคราะห์สีแดงเพลิงอยู่ตรงหน้าเธอ
ฝุ่นบนพื้นผิวปลิวไปตามแรงของลม ราวกับเป็นเปลวไฟลุกโชน
สถานีอวกาศที่อยู่นิ่งในวงโคจรก็ดูเล็กเมื่อเทียบกับมัน คล้ายกับว่ากำลังเต้นรำอยู่บนคบเพลิงสีแดง
“นี่คือ… ดาวอังคาร?”
เวร่ามองดูดาวเคราะห์สีเพลิงจากหน้าต่างและอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างขึ้น เธอแตะหน้าต่างด้วยมือโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แล้ว นี่คือด่านหน้าของอารยธรรมมนุษย์… อย่างน้อยก็ในตอนนี้” แอนเดอริน่าพูดพร้อมรอยยิ้มประดับหน้า ระหว่างที่แววตาของเธอดูฉงนใจ “เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์ขนาดนั้นเลย? ฉันจำช่วงศตวรรษที่ 21 ได้ ตอนนั้นคนก็ขึ้นไปดาวอังคารแล้ว”
หลังจากท่องอวกาศมาสองสัปดาห์ ทั้งสองก็ได้กลายเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว
เวร่าเต็มไปด้วยความอยากรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างของโลกนี้ และแอนเดอริน่าที่ฝันว่าจะเป็นนักเขียนนิยายก็มีความสุขกับโอกาสที่จะได้ซักถามมนุษย์ที่พักตัวมาจากศตวรรษก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวร่ามาจากยุคปี 2020
นั่นเป็นช่วงเวลาที่ลู่โจว ไอดอลของเธอเบิกบานเป็นที่สุด
หลังจากได้ยินที่แอนเดอริน่าพูด เวร่าอธิบายด้วยเสียงเบา “มันน่าจะเกิดขึ้นหลังจากฉันพักตัวไปแล้ว”
ก่อนที่เธอจะพักตัว เธอจำได้เลือนรางว่าสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดที่มนุษย์ทำคือการสร้างสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์บนดาวอังคาร
“เข้าใจแล้ว” แอนเดอริน่าจ้องมองเธอและลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด เธอพูดต่อ “พูดถึงเรื่องนี้ เธอบอกว่าเธอไปดาวอังคารเพื่อตามหาใครบางคน… คนนั้นคือใครเหรอ? ญาติเหรอ? หรือว่าลูกหลานของญาติคุณ?”
เมื่อได้ฟังคำถามนี้ เวร่ายิ้มอบอุ่นให้และพูดเสียงเบา “เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม”
“บังเอิญจัง ฉันมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน สหการพาน-เอเชียนไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยรายละเอียดของเทคโนโลยีความเร็วกว่าแสง นักข่าวอย่างเราต้องไปหาความจริงที่นั่นเอง” แอนเดอริน่ามองหน้าเวร่าแล้วยิ้มให้เธอ เธอพูดคุยต่อ “สงครามเพิ่งจบลงที่นั่น สภาพทางการเมืองจึงยังไม่มั่นคง ฉันกังวลที่จะให้คุณไปไหนคนเดียว คุณจะไปไหนเหรอ? ฉันพาไปส่งได้นะ”
เวร่าพูดอย่างเขินอาย “มันจะ… รบกวนเธอมากไปหรือเปล่า?”
ถึงมันจะเป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจ เธอกังวลว่ามันจะส่งผลต่องานของเพื่อนเธอ
“จะเป็นอะไรไป” แอนเดอริน่าพูดพร้อมรอยยิ้ม “เราเป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือกันก็ปกติไม่ใช่เหรอ? จะว่าไปแล้วเธอพอมีเบาะแสไหมว่าคนที่เธอจะไปหาอยู่ที่ไหน? อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้”
“ฉันรู้สิ” เวร่าส่ายหน้าและตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉันรู้ว่าเขาอยู่ไหน แต่ฉันไม่ได้บอกเขาว่าจะไปหา”
“ไปเซอร์ไพรส์เขาใช่ไหม? ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้ว” แอนเดอริน่ากะพริบตาให้เวร่าและพูดต่อ “เอาเถอะ ดีแล้วที่เธอรู้ว่าเขาอยู่ไหน การตามหาคนในเมืองเทียนกงเหมือนหาเข็มในมหาสมุทร ถึงเมืองจะมีขนาดเล็ก แต่ที่นี่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในระบบสุริยะ…”
ระหว่างที่สองคนนี้คุยกัน ลำโพงเหนือหัวเริ่มเล่นดนตรีเบาๆ
จากการแนะนำของพนักงานการบิน ผู้โดยสารในเคบินลุกขึ้นจากที่นั่งและเริ่มเดินออกจากเคบินของยานโดยสาร
เนื่องจากเธอยังไม่ได้ปรับตัวเข้ากับการเดินในสภาพแวดล้อมไร้แรงโน้มถ่วง เวร่าที่เพิ่งลุกจากที่นั่งรู้สึกงุ่นง่านเล็กน้อย โชคดีที่แอนเดอริน่าจับมือเธอไว้ ถึงจึงไม่ลอยไปติดเพดาน
“ใจเย็น คิดว่าตัวเองเป็นปลานะ เธออยู่ในทะเล… มากับฉัน ยานภาคพื้นดินไม่ค่อยอยู่รอหรอก ถ้ามันเต็ม เราต้องรอลำต่อไป”
เธอรีบดึงเวร่าไปตามโถงขาออก เมื่อทั้งสองกำลังจะขึ้นยาน สองคนนี้ก็รู้สึกหลงเสน่ห์ของทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
ยานอวกาศขนาดใหญ่อย่างคาดไม่ถึงที่เหมือนไม้บรรทัดสีเงินขาวขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือวงโคจรดาวอังคาร
เมื่อเธออยู่บนยานขนส่งก่อนหน้า เธอไม่ได้เห็นยานอวกาศลำนี้เนื่องจากถูกมุมบังไว้ แต่ตอนนี้เธอและนักท่องเที่ยวจากโลกจ้องมองมันด้วยสายตาที่เซอร์ไพรส์
“นั่นคืออะไร?”
“นั่นเหรอ?” แอนเดอริน่าหันไปมองตามเวร่าและรู้สึกอึ้งเล็กน้อย จากนั้นเธอพูดรอยยิ้ม “อ้อ ยานนั้นเหรอ มันน่าจะเป็นโนอาห์อาร์ก… ตอนนี้มันชื่อว่ามิลกี้เวย์แล้ว พอนักวิชาการลู่ซื้อมันไป”
โนอาห์อาร์ก?
ด้วยเหตุบางประการ เวร่าได้ยินข่าวนี้แล้วมีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย
มันมีทั้งอารมณ์สงบใจ โล่งอก และเสียดาย
แอนเดอริน่ามองเธอแปลกๆ และไม่ได้คิดอะไรติดใจมาก
ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตมีอารมณ์และจิตใจ เวร่าก็อยู่ในวัยอารมณ์เว้าวอน
หลังจากยานจอดลงพื้น ทั้งสองลากสัมภาระออกมาจากอาคารผู้โดยสาร แอนเดอริน่าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศการก่อสร้างใหม่หลังสงคราม
ร่องรอยกระสุนที่ยังหลงเหลือที่พื้นและหลุมที่เกิดจากระเบิดยังไม่ได้ถูกลบเลือนไปหมด และอาคารที่เสียหายรุนแรงยังคงถูกเทปตำรวจปิดไว้อยู่
นักท่องเที่ยวมีสีหน้าค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น แต่ใบหน้าของคนท้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
หลังจากขึ้นแท็กซี่ คนขับเปลี่ยนเกียร์และแท็กซี่ขยับขึ้นไปบนท่อวิ่งกลางอากาศ แอนเดอริน่าถามคนขับว่า “ความเงียบสงบของบ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้างช่วงนี้?”
“บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดี อาจจะมากกว่าแต่ก่อนด้วยครับ” คนขับตอบตอบกลับอย่างสบายๆ “แต่คุณก็รู้ว่าดาวอังคารไม่ใช่สถานที่ที่สงบสุข ไม่เถลไถลไปไหนจะดีกว่านะ… คุณจะไปที่ไหนเหรอ?”
แอนเดอริน่าอ้าปากเพื่อจะตอบ แต่เวร่าที่นั่งอยู่ข้างเธอชิงตอบในทันที “โรงแรมสตาร์สกายค่ะ”
หลังจากที่พูดออกไป ทั้งคนขับและแอนเดอริน่ามองเธอด้วยสีหน้าเซอร์ไพรส์
แต่คนขับไม่ได้พูดอะไรตอบไปมาก หลังจากเขาบอกเธอว่า “โอเคครับ!” เขาหันกลับไปสนใจที่การขับแท็กซี่
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง แท็กซี่มาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ลงรถ สองสาวยืนอยู่หน้าโรงแรมหรูอลังการ
ทั้งสองปฏิเสธพนักงานหน้าประตูอย่างสุภาพและถือสัมภาระเอง แอนเดอริน่ามองเวร่าอย่างประหม่าและถามเธอด้วยเสียงเบา “เพื่อนคนนั้นของเธอ… อยู่ในที่แบบนี้เหรอ?”
เวร่ามองกลับด้วยสีหน้าแปลกๆ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า…”
โรงแรมสตาร์สกายตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองเทียนกงและเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมือง คะแนนเครดิตจำเป็นต้องใช้เพื่ออาศัยอยู่ที่นี่หนึ่งวันเทียบเท่ากับโบนัสหนึ่งเดือน และนี่เป็นแค่ห้องธรรมดา
แอนเดอริน่ากำลังคิดว่าคนแบบไหนที่จะอาศัยในที่แบบนี้ได้
จู่ๆ มีเสียงเซอร์ไพรส์ดังมาจากบริเวณใกล้ๆ
“เวร่า?!”
ทั้งสองหันหน้าพร้อมกันไปหาเสียงที่เรียก
เวร่าตาเบิกกว้างในทันที และนัยน์ตาตื่นเต้นของเธอมีน้ำตาก่อตัว
เธอวิ่งไปหาเจ้าของเสียง
แอนเดอริน่าที่ถูกทิ้งไว้รู้สึกงง
“ลู่… ลู่โจว?”
เธอไม่คิดว่า ‘ยอดคน’ ที่สาวน้อยพูดถึงนั้นคือเขา
…………………………………………………………