Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1674 บอกทุกอย่างที่รู้มา
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1674 บอกทุกอย่างที่รู้มา
นักวิชาการหวงเก่อเหว่ยสาบานว่านับตั้งแต่เขาเข้าโลกวิชาการ เขาไม่เคยชื่นชมใครมากขนาดนี้มาก่อน
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อวาน
“สิ่งนี้เป็นปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์สารสนเทศจริงๆ…”
ชายชราเงยหน้ามองยูนิตประมวลผลกลางสูงหนึ่งร้อยเมตรตรงหน้าเขาและถอนหายใจ
ในฐานะผู้นำของสหการพาน-เอเชียนด้านวิศวกรรมสารสนเทศ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาเขาได้เห็นและเซ็นอนุมัติหลายร้อยโปรเจกต์
แต่ไม่มีโปรเจกต์ไหนทำให้เขาช็อกได้ขนาดนี้
เมื่อดูโดยผิวเผินตัวประมวลผลรูปทรงหอคอยดูไม่ได้พิเศษอะไร มันมีรูปร่างหน้าตาปกติมาก เนื่องจากมันอยู่ท่ามกลางตึกสูงในกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี คนส่วนมากไม่ได้เหลียวแลมัน
แต่ในมุมมองของคนวงในอุตสาหกรรม สิ่งที่เขาเห็นนั้นต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าลิฟต์อวกาศเป็นบันไดที่นำมนุษยชาติไปสู่จักรวาล หอคอยสูงตระหง่านตรงหน้าเขาเป็นอำนาจที่ควบคุมจิตวิญญาณของมนุษยชาติ
มันอาจจะฟังดูเกินไป แต่มันก็เป็นเรื่องจริง
เมื่อใช้อัลกอริทึมควอนตัมชุดใหม่ ข้อมูลจากทั้งระบบสุริยะจะถูกรวบรวมไว้ที่นี่ ข้อมูลเฉพาะจะถูกเลือกจากกลุ่มข้อมูลซับซ้อนผ่านช่องทางไฮเปอร์สเปซข้อมูล แล้วถูกจัดสรรไปยังสถานที่ที่มันควรปรากฏ
สิ่งนี้แทบไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้กรอบการทำงานการสื่อสารแบบดั้งเดิม กฎการคำนวณกระจายย้อนหลังไม่สามารถสนับสนุนยูนิตคำนวณที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะขยายอาณาเขตของทั้งเครือข่ายไปยังระบบสุริยะ
แต่ว่าพวกเขาทำได้
ในด้านฮาร์ดแวร์ มันอ้างอิงอาเรย์คอมพิวเตอร์ควอนตัมบนเซเรส และจัดตั้งโมดูลคำนวณที่เตรียมไว้เฉพาะสำหรับการสร้างเครือข่ายการสื่อสารควอนตัม
ในด้านซอฟต์แวร์ ‘โมเดลคำนวณกระจายของลู่’ ที่ออกแบบโดยนักวิชาการลู่ไม่เพียงแต่เพิ่มการใช้งานฮาร์ดแวร์ให้ถึงจุดสูงสุด แต่มันยังกระจายประสิทธิภาพสูงสุดไปยังทุกส่วนของการคำนวณแบบกระจายทั้งหมด
ในยุคศตวรรษที่ยี่สิบสอง โครงสร้างสูงร้อยเมตรไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อีกต่อไป
แต่ในสายตานักวิชาการหวง สิ่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ที่ไม่อาจล้มล้างได้
หลังจากที่อึ้งอยู่สักพัก เขาละสายตาออกจากโครงสร้างหอคอย เขาหันไปมองประธานหลี่กวงหยาและคนอื่นที่ยืนข้างหลังเขา จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ผมไม่สามารถบรรยายความอึ้งในใจผมตอนนี้ได้… เอาจริงๆ สิ่งนี้ถูกสร้างโดยนักวิชาการลู่คนเดียวเหรอ?”
“เขาไม่สามารถสร้างได้คนเดียวหรอก… มีคนงานและวิศวกรจากอีสต์เอเชียเฮฟวีอินดัสตรีย์หลายคน”
ลู่โจวพูดสิ่งนี้ด้วยตัวเอง แต่หลี่กวงหยารู้อยู่แก่ใจว่าใครมีบทบาทสำคัญที่สุด
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเริ่มศตวรรษที่ 22 ชุมชนวิชาการได้คิดถึงวิธีสร้างเครือข่ายการสื่อสารที่รองรับทั้งระบบสุริยะ เมื่อการสื่อสารซูเปอร์ลูมินัลเป็นไปได้
แต่ถึงแม้ชุมชนวิชาการได้เริ่มปูทางสำหรับโปรเจกต์นี้เมื่อยี่สิบปีก่อน จากความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีไฮเปอร์สเปซ ยังไม่มีวิศวกรในสถาบันวิศวกรรมแพน-เอเชียที่สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ
หลี่กวงหยาชื่นชมภาพตรงหน้านี้ และใจของเขาฟูฟ่องเป็นอย่างมาก
เอาตามตรงเขาก็ลังเลเล็กน้อยที่จะปล่อยให้ลู่โจวไปไกลขนาดนี้…
“เหว่ยซง”
เหว่ยซงหันมองเขาและพูดด้วยความเคารพ “ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เตรียมงานแถลงข่าว”
เหว่ยซงรู้สึกอึ้งเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงลังเล
“ท่านกำลังพูดถึงงานแถลงข่าวเรื่องเครือข่ายการสื่อสารควอนตัมใช่ไหมครับ? งานแถลงถูกจัดการแล้วโดยแผนกสื่อสาร—”
“ไม่ใช่หรอก”
หลี่กวงหยาส่ายหน้าเล็กน้อยและพูดขัดขึ้นมา
สีหน้าเลขาเหว่ยเต็มไปด้วยความสับสน เขาหยุดไปสักครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “มันเป็นเรื่องมิลกี้เวย์…
และอนาคตของเราทุกคน”
…
ณ ดาวเซเรส
ภายในห้องคอมพิวเตอร์คล้ายโรงละครยุคโรมัน ประตูโค้งโลหะผสมขนาดใหญ่ถูกเปิดออก มีเสียงที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยวและความอยากรู้ลอยมา
“อ่อ คุณอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ใช่ครับ”
ลู่โจวเดินเข้าห้องขนาดใหญ่ เขาพยักหน้าให้ทหารข้างหลังเขาและส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไป
จากนั้นประตูก็ปิดลงอีกครั้ง และมีแค่ลู่โจวเหลืออยู่ในห้อง
แล้วยังมี ‘แมททริกซ์’ ที่อยู่ในห้องนี้อยู่แล้ว
“เหลือเชื่อ… คุณยืนอยู่ตรงหน้าผม”
“อะไรน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเหรอ?”
“จากการคำนวณของผมแล้วความเป็นไปได้ที่มนุษยชาติจะเปลี่ยนจากสิ่งมีชีวิตฐานคาร์บอนไปเป็นสิ่งมีชีวิตส่วนผสมฐานซิลิกอน 43% ความเป็นไปได้ที่จะลดลงไปสู่ยุคป่าเถื่อนอยู่ที่ 21% และมีความเป็นไปได้ 13% ที่โลกจะกลายเป็นแดนรกร้าง… ผมยังคำนวณความเป็นไปได้ที่อารยธรรมใหม่จะเกิดขึ้นจากสปีชีส์อื่นหลังจากโลกกลายเป็นแดนรกร้าง คุณสนใจไหม?”
“ไม่สนใจขนาดนั้น” ลู่โจวเดินไปที่คอนโซลใกล้คอมพิวเตอร์กลางและจ้องมองกล้องอยู่สักพัก เขาพูดว่า “ถึงผมเป็นนักคณิตศาสตร์ ผมไม่เคยมองว่าการคำนวณเป็นความจริงจากพื้นดิน ถึงแม้ว่ามันจะใกล้เคียงกับความจริง มันสามารถใช้ได้แค่เป็นการอ้างอิง”
“อาจจะ” แมททริกซ์พูดด้วยเสียงเรียบเฉย แมททริกซ์ถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “เนื่องจากว่าคุณอยู่ตรงนี้แล้ว งั้นเดวิด ลอว์เรนซ์ก็คงไม่อยู่ในโลกนี้แล้วถูกไหม?”
“คุณอยากแก้แค้นให้เจ้านายคุณเหรอ?”
“เจ้านาย? ฮ่าฮ่า คุณเข้าใจผิดแล้ว ถึงเขาเป็นคนสร้างผมขึ้นมา ผมไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเจ้านายของผม” แมททริกซ์พูดต่อด้วยเสียงล้อเลียนเล็กน้อย “ผมไม่มีความปรารถนาที่จะแก้แค้นให้ชายคนนี้ ถึงแม้ว่าผมจะชอบเขาอยู่บ้าง ท้ายที่สุดแล้วคุณก็รู้ว่าในจักรวาลนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจากคาร์บอน มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ที่จะหาสิ่งมีชีวิตดิจิทัลเพื่อพูดคุยเรื่องปรัชญาของจักรวาล”
ลู่โจวยิ้มบางๆ และถามว่า “จริงเหรอ? ผมขอโทษเรื่องนั้นด้วย”
“คุณไม่มีความจริงใจในคำขอโทษเลย” แมททริกซ์พูดแซวเล่น แมททริกซ์พูดต่อ “บอกผมมาเถอะว่าคุณมาที่นี่ทำไม มนุษย์ ผมไม่เชื่อว่าคุณแค่มาที่นี่เพื่อคุยกับผม”
ลู่โจวพูดว่า “ผมมีคำถามอยากถามคุณสองข้อ”
แมททริกซ์ถามว่า “แล้วผมได้อะไรล่ะ?”
ได้อะไร?
ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดจริงๆ มันรู้จักเจรจา
“เอาตามตรง การปล่อยคุณไว้ที่นี่เป็นอันตรายแฝงต่ออารยธรรมของเรา มีอยู่สองทางเลือก ทางแรกคือปิดสถานที่นี้ไปถาวร และทางเลือกที่สองคือพาคุณไปกับผมด้วย” ลู่โจวมองดูรอบๆ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ “คุณมีเวลาหนึ่งชั่วโมงที่จะทำให้ผมเชื่อใจ และจะทำแบบไหน มันเป็นทางเลือกของคุณ”
ทั้งห้องเงียบไปประมาณครึ่งนาที
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังคิดว่าจะทำให้คำขู่ชัดเจนมากขึ้นอย่างไรดี ก็มีเสียงไร้ความรู้สึกดังมาจากแชสซี
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
หน้าของลู่โจวมีรอยยิ้มชัยชนะปรากฏขึ้น
เป็นไปตามคาด ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตดิจิทัลไม่มีแนวคิดเรื่องความเป็นและความตาย ทุกสิ่งมีชีวิตที่สามารถนึกคิดได้น่าจะติดอยู่กับแนวคิดเรื่อง ‘การมีอยู่’ ในระดับหนึ่ง
“เรื่องวอยด์” เขานิ่งไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อด้วยเสียงมั่นใจ “และอารยธรรมของผู้สังเกตการณ์… บอกทุกอย่างที่คุณรู้มา”
……………………………………………………………..