Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 1678 เร็วไปเก้าร้อยปี
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 1678 เร็วไปเก้าร้อยปี
ก้อนของเหลวสีม่วง
สาเหตุที่มันเป็นก้อนมาจากว่ามันไม่ได้นอนนิ่งในหลอดทดลองเหมือนของเหลวทั่วไป มันเป็นเหมือนกับก๊าซที่ค้างอยู่นิ่งกลางอากาศระหว่างที่มันขยับอย่างมั่นคงด้วยแรงปริศนา
ซึ่งคล้ายกับตัวอ่อนกำลังโต
เวร่ามองดูหลอดทดลองบนโต๊ะด้วยความอยากรู้ระหว่างที่เธอถามว่า “นี่คือน้ำยาพลังจิตที่คุณพูดถึงเหรอ?”
ช่วงนี้เวร่าทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของลู่โจว โดยใช้ความรู้ที่เธอเรียนมาจากเขาเพื่อช่วยเขาทำการคำนวณบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทดลองให้สำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น น้ำยาปริศนาที่ไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในผลผลิตจากการร่วมมือของทั้งสอง
แต่ลู่โจวเป็นคนทำงานส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง…
“ในทางเทคนิคแล้วมันเป็นตัวต้นแบบ” ลู่โจวหยุดคิดชั่วครู่และพูดต่อ “จากการใช้เครื่องสแกนบนยาน ผมได้วิเคราะห์โครงสร้างของมันคร่าวๆ… ถึงแม้ว่ามันมีหลายองค์ประกอบที่ไม่สามารถค้นพบได้เต็มรูปแบบ จากวิธีการเคมีเชิงคำนวณ ผมเจอเข้ากับวัตถุทดแทนจำนวนหนึ่ง”
เวร่าถามว่า “ถ้าคุณดื่มมันเข้าไป คุณจะสื่อสารกับวอยด์ได้ใช่ไหม?”
“ทั้งใช่และไม่ใช่” ลู่โจวตอบไปอย่างกำกวม เขามองดูสีหน้าสับสนของเวร่า แล้วใช้ความคิดก่อนที่จะพูดต่อ “วอยด์ไม่ใช่สิ่งที่จะมาหรือจะไปตามปกติ จุดแยกระหว่างมันกับจักรวาลที่เรารู้จักเองเป็นอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าคุณเจอกับหนทางเพื่อติดต่อกับมันได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสื่อสารได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างนี้ใหญ่พอที่จะชดเชยกับความเป็นไปได้เล็กน้อย”
พูดตามจริง คำตอบที่นายพลเรนฮาร์ทให้เรื่องน้ำยาพลังจิตค่อนข้างคลุมเครือ
น่าจะเป็นเพราะว่าตัวเขาเองมาจากอารยธรรมวัตถุที่มีพลังสูง และอยู่ในความขัดแย้งกับสิ่งมหัศจรรย์ของอารยธรรมอุดมคติ
แต่ในทุกกรณี เนื่องจากการติดต่อกับวอยด์เป็นหนึ่งในทางออกต่อภัยธรรมชาติที่ให้โดยผู้สังเกตการณ์ มันต้องมีความจริงแฝงอยู่ในเรื่องนี้
ลู่โจวกำลังจะหยิบขวดน้ำยาที่เขาหยิบมาจากยาน และสำเนานี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะทิ้งให้บ้านเกิดก่อนจะจากไป
เวร่ามีความสงสัยในตายเพิ่มมากขึ้น เธอเงยหน้ามองลู่โจวจากนั้นเธอพูดต่อ “วอยด์ที่คุณพูดถึงนี่คืออะไร?”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักและตอบว่า “ทุกคนมีความเข้าใจในแบบฉบับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น บางคนเคยบอกผมว่ามันเป็นอีกด้านของจักรวาล ในขณะที่คนจำนวนหนึ่งบอกว่ามันเป็นที่กักเก็บจักรวาลของเรา… ที่ผมเข้าใจคือมันสอดคล้องกับความตาย”
เวร่าถามขึ้น “ความตาย?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้าเล็กน้อย เขาพูดว่า “จักรวาลมีชีวิตและวอยด์ไม่มีชีวิต”
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดว่า
“ผมตั้งใจจะเก็บน้ำยานี้ไว้ และผมไม่คิดว่าจะเอามันให้ใคร… การมีอยู่ของมันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีต่ออารยธรรมของเรา อย่างน้อยก็ในขั้นนี้”
เวร่าพูดว่า “มันฟังดูซับซ้อน…”
“ซับซ้อน? มันไม่แย่ขนาดนั้น…” ลู่โจวยิ้มเล็กน้อย เขาถอนหายใจและพูดว่า “สิ่งที่เป็นปัญหามากกว่าคือผมต้องหาคนที่ไว้ใจและสามารถรับรองได้ว่าลูกหลานจะเก็บรักษาความลับนี้ได้ อาจจะสองหรือสามศตวรรษข้างหน้า เมื่ออารยธรรมของเราได้อยู่บนเส้นทางวัตถุนิยมอย่างมั่นคงและวิทยาศาสตร์ได้เจาะลึกเข้าสังคมเข้าไป… เมื่อถึงเวลานั้นมันจะปลอดภัย”
เขายังจำวิกฤตฟิสิกส์ของศตวรรษก่อนหน้าได้
เนื่องจากการสูญเสียของมวลที่สร้างในการทดลองเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนดวงจันทร์ นักฟิสิกส์จำนวนนับไม่ถ้วนประสบกับปัญหากายภาพและจิตใจ ต่อมา เขาทำทฤษฎีวอยด์สำเร็จและกำหนดค่าอนุภาคซีที่สั่นซึ่งได้แก้ไขปัญหานี้ในที่สุด
เอาตามตรง ทฤษฎีนี้ค่อนข้างล้ำหน้าสำหรับโลกในเวลาช่วงนั้น
หากไม่มีเขา เขาไม่แน่ใจว่านักวิจัยที่ ILHCRC สามารถแก้ไขปัญหานี้ที่สั่นคลอนชุมชนฟิสิกส์ทั้งหมด
“คุณคิดหรือยังว่าจะฝากฝังไว้กับใคร?”
“ยังไม่ได้คิด” ลู่โจวส่ายหน้าเล็กน้อย “มีหลายคนที่ผมเชื่อใจได้ แต่ผมไม่อาจรับประกันว่าทายาทของคนเหล่านี้จะมีอุดมการณ์เดียวกันหรือไม่”
เวร่าคิดอยู่สักพัก อยู่ดีๆ ตาของเธอเป็นประกายและเธอพูดว่า “จริงๆ แล้ว… ฉันมีไอเดียนะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ลู่โจวถามทันที “ไอเดียอะไร?”
“คุณเอามันไปเทาเซติด้วยแล้วซ่อนมันไว้ที่นั่น จากนั้นก็ทิ้งเบาะแสไว้บนโลก… เพื่อให้แน่ใจว่าอีกสองหรือสามร้อยปีข้างหน้า คนคนนั้นจะสามารถหาน้ำยาที่คุณซ่อนไว้ที่เทาเซติได้จากเบาะแสของคุณ มันน่าจะใช้ได้เนอะ?”
ดวงตาของลู่โจวค่อยๆ สว่างขึ้น
“งั้นกุญแจและหีบสมบัติถูกเก็บไว้แยกกัน? ฟังดูน่าสนใจ”
เวร่ายิ้มเขินอายและพูดเสียงเบา “มันเหมือนเกมล่าสมบัติ”
“ผมจะทำตามที่คุณบอก” ลู่โจวหยิบหลอดทดลองจากแท่นขึ้นมาด้วยความแผ่วเบา เขาถือมันไว้ในมือและจ้องมองอยู่สักพัก อยู่ดีๆ เขาหันไปมองเวร่า ราวกับว่าเขานึกถึงอะไรบางอย่าง และเขาถามเสียงเบา “คุณช่วยออกไปรอผมข้างนอกสักพักได้ไหม?”
เวร่าไม่ได้ถามถึงสาเหตุและอ้อยอิ่ง เธอพยักหน้าให้เขาและเดินออกจากห้องแล็บไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเขาได้อยู่คนเดียวในห้องทดลอง ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาหลับตา
“ระบบ”
เขาเรียกระบบในใจอย่างแผ่วเบาตามปกติ จากนั้นเขาลืมตาขึ้น
แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็รู้สึกอึ้ง
พื้นที่สีขาวบริสุทธิ์หายไปแล้ว
มันถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้าสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาวกว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด
ลำแสงที่ห่างไกลออกไปส่องในตาของเขา และพื้นใต้เท้าก็ถูกวาดระบายด้วยแสงจากทางช้างเผือก
“”ที่นี่คือที่ไหน?
ลู่โจวมองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อพยายามหาคอนโซลที่ตรงกลางของพื้นที่ระบบ
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนคือแผงคอนโซลดูเหมือนว่าจะหายไป พื้นที่แห่งนี้เคยมีขอบเขตมาก่อนที่มันจะไร้ขอบเขต ไม่ว่าเขาจะเดินหน้าไปไกลแค่ไหน เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกำแพงที่มองไม่เห็น
ลู่โจวรู้สึกถึงความไม่สบายใจอยู่ข้างใน เมื่อเขากำลังจะออกจากพื้นที่ มีเสียงคุ้นเคยลอยเข้ามา
“จากการคำนวณของพวกเรา การพบเจอครั้งที่สองจะเป็นในอีกสิบศตวรรษข้างหน้า… ผมไม่คิดว่าคุณจะมาถึงก่อนเวลาเก้าร้อยปี”
ลู่โจวหันไปหาทิศทางของเสียง เขาพยายามจะเพ่งสายตาเต็มที่ ในที่สุด เขาเห็นร่างโปร่งแสงจากท้องฟ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เขาจำฉากของการพบกันครั้งสุดท้ายได้ และเขาถามขึ้นด้วยความลังเล “คุณคือ… ผู้สังเกตการณ์?”
“ใช่ครับ”
ร่างโปร่งแสงค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้นแล้วแสดงภาพสะท้อนที่สะท้อนตัวของลู่โจว
ผู้สังเกตการณ์พยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มให้และพูดต่อ “เราพบกันอีกแล้วนะ”
…………………………………………………………………………