Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 186 การพบปะกันอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 186 การพบปะกันอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อคอขวดลิเธียมแอโนดถูกทำลาย ทั้งอุตสาหกรรมก็จะได้ประโยชน์จากมัน ตั้งแต่การชาร์จโทรศัพท์มือถือไปจนถึงพลังงานใหม่ของยานพาหนะ ปัญหามากมายของลิเธียมเดนไดรต์ก็จะแก้ไขได้
อย่างไรก็ตามการกำเนิดเทคโนโลยีใหม่ก็จะไปขัดแย้งกับผลประโยชน์ของใครบางคน
ยกตัวอย่างแล็บที่ทดลองเรื่องนี้
การพิสูจน์ข้อคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์จะทำลายวิทยานิพนธ์สักสิบยี่สิบฉบับเท่านั้น อย่างไรก็ตามการพัฒนาเทคโนโลยีอาจเป็นตัวทำลายโปรเจกต์วิจัยที่มีค่าหลายร้อยล้านเลยทีเดียว โปรเจกต์วิจัยของพวกเขาจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ในขณะที่เทคโนโลยีของเขามีค่าเป็นพันล้าน
แน่นอนลู่โจวไม่ปล่อยให้เรื่องนี้หยุดเขา เขายังมีแผนจดสิทธิบัตรและตีพิมพ์วิทยานิพนธ์
จากมุมมองของคนอื่น ทรัพยากรที่สูญเสียไปกับวัสดุลิเธียมแอโนด ตอนนี้เอาไปแบ่งสันกับโปรเจกต์วิจัยอื่นได้แล้ว
มันอาจแบ่งสันให้กับการออกแบบแบตเตอรี่เอง หรือแม้แต่ผลิตแบตเตอรี่
ทรัพยากรเหล่านี้หมายถึงเงินทุน และหมายถึงนักวิจัยเช่นกัน
เมื่อลู่โจวกลับมาหอพัก เขาก็กรอกเอกสารสิทธิบัตร เขาต้องระบุว่าเขาอยากจดสิทธิบัตรอะไร
หลังพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาก็ไม่ได้โม้มากนัก เขาแค่ระบุไปว่า ‘ฟิล์มที่มีรูพรุนระดับนาโน PDMS ที่ได้รับการปรับปรุง’และบอกว่ามัน’สามารถปกป้อง’วัสดุแอโนด
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวจดสิทธิบัตร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าตัวเองระวังเกินไป
มีการจดสิทธิบัตรนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับขั้วไฟฟ้าลบลิเธียม เขาจึงโม้ได้ตามต้องการ
บางคนก็กระทั่งอ้างว่าแก้ไขปัญหาลิเธียมเดนไดรต์ได้
เช่นเดียวกับการส่งวิทยานิพนธ์ย่อย อุตสาหกรรมสิทธิบัตรก็ไม่ต่างกัน
เหตุผลนี้เป็นเพราะโปรเจกต์วิจัยวิทยาศาสตร์มากมายต้องการสิทธิบัตร ดังนั้นของพวกเขาจึงไม่มีประโยชน์อีก เราต้องมีสิทธิบัตรเท่านั้นบริษัทต่างๆ ถึงสนใจลงทุนด้วย
ส่วนอีกเหตุผลมันเกี่ยวกับนโยบาย ผู้ประกอบการมากมายยังคงใช้วิธีเก่าๆอย่าง’การไล่ตาม’ ซึ่งสร้างปัญหาเรื่องสิทธิบัตรมากมาย เพื่อตามเทคโนโลยีของประเทศที่พัฒนาแล้วให้ทัน กรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงเข้มงวดเกี่ยวกับการยืนขอสิทธิบัตร
แน่นอนเหตุผลที่สำคัญที่สุดของการเอ่อล้นเข้ามาของสิทธิบัตรคือสิทธิบัตรและวารสารนั้นแตกต่างกัน วารสารมีขั้นตอนพิจารณ์ที่เข้มงวด
ในขณะเดียวกันผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบว่าสิทธิบัตรขัดแย้งกับสิทธิบัตรที่มีอยู่ก่อนหรือไม่เพียงอย่างเดียว พวกเขาไม่ได้ทดสอบจริงๆ ว่าสิทธิบัตรอันนั้นๆ สุดยอดตามที่กล่าวอ้างไว้หรือไม่
แม้แต่วารสารยังรับประกันไม่ได้เลยว่าวิทยานิพันธ์’ที่ก้าวล้ำ’ทุกฉบับเป็นของจริงและน่าเชื่อถือหรือไม่ แล้วสิทธิบัตรจะทำได้ยังไง?
ลู่โจวเดาว่าแม้แต่ตอนที่สิทธิบัตรของเขาได้รับการยอมรับ มันก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นคุณค่าของเทคโนโลยีของเขาจนกว่าเขาจะตีพิมพ์ข้อมูลการทดลองบนโลกออนไลน์ หรือรอจนกว่าสิทธิบัตรของเขาจะได้รับการยอมรับ แล้วเขาจะตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณะ
ช่องวัสดุก็กรอกเสร็จแล้ว ส่วนเรื่องกระบวนการยื่นจดสิทธิบัตร ลู่โจวไม่ได้กังวลนัก เขาจะไปขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
ตัวแทนที่รับผิดชอบสิทธิบัตรของลู่โจวเป็นชายอายุราวสามสิบปีที่ชื่อหานเทียนอวี่ จากประวัติโดยย่อ ชายคนนี้ดูค่อนข้างน่าเชื่อถือ รอยยิ้มมืออาชีพของเขาทำให้ลู่โจวนึกถึงคนขายประกัน
ตั้งแต่สิทธิบัตรในประเทศไปจนถึงสิทธิบัตรสากล ชายคนนี้ทำทุกอย่าง เขาสัญญาว่าจะจัดการให้โดยเร็วที่สุดและลงนามรักษาความลับ
แม้ว่ามันจะใช้เงินไปมาก แต่เพื่อปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตน มันก็คุ้มค่า
ปกติแล้วองค์กรขนาดใหญ่จะมีหน่วยงานจัดการเรื่องสิทธิบัตรโดยเฉพาะ แต่ลู่โจวไม่มีอะไรแบบนั้น ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาก็คือการหาตัวแทนสิทธิบัตรที่เชื่อถือได้มาช่วย
อันที่จริงองค์กรขนาดเล็กและห้องแล็บมากมายก็ใช้ตัวแทนสิทธิบัตร
การติดต่อผู้ตรวจสอบและการโต้แย้งผลงานนั้นยุ่งยากมาก ไม่ต้องพูดถึงกฎหมายเรื่องสิทธิบัตรที่ซับซ้อนยากแก่การเข้าใจ
ถ้าสิ่งประดิษฐ์ดีแต่สิทธิบัตรเขียนได้แย่ สิทธิบัตรก็อาจเป็นโมฆะ งั้นเทคโนโลยีก็อาจถูกคนอื่นขโมยไปได้
ดังนั้นการสอบเป็นตัวแทนสิทธิบัตรจึงเป็นหนึ่งในการสอบที่ยากที่สุดในประเทศ
…
หลังลู่โจวยื่นสิทธิบัตรเสร็จ เขาก็ใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อแก้ไขข้อคาดการณ์ของปอลิญัก
อันที่จริงชีวิตประจำวันของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก จากเข้าห้องแล็บก็เปลี่ยนไปเข้าห้องสมุด จากจับอุปกรณ์การทดลองก็เปลี่ยนมาจับหนังสือ…
เมื่อลู่โจวเห็นนักศึกษารุ่นน้องในห้องสมุด เขาก็อดคิดไม่ได้
บางทีสองปีต่อมา นักศึกษาพวกนี้คงต้องเรียกเขาว่าศาสตราจารย์ลู่?
โอ้ พอคิดแล้วก็น่าตื่นเต้นดี
ทันใดนั้นเองกลิ่นหอมของดอกจัสมินก็ลอยมาปะทะจมูกจากด้านข้าง
มีคนสะกิดแขนเขาและถามเขาเบาๆ “เฮ้ โจทย์นี้ทำยังไงเหรอ?”
“โจทย์? เอามาให้ผมดู…เดี๋ยวนะ!”
เมื่อลู่โจวเห็นคนที่นั่งข้างๆ เขาก็ช็อก เขาเกือบคิดว่าตัวเองฝันไป
เฉินยู่ซานพอใจมากที่ได้เห็นลู่โจวประหลาดใจ เธอยิ้มมุมปากแล้วถาม “รุ่นน้องตัวน้อย เป็นไงบ้าง? เซอร์ไพรส์ไหมที่เห็นฉัน?”
เซอร์ไพรส์…จริงๆก็ไม่ มันแค่คาดไม่ถึง
“ใช่ คาดไม่ถึงเลย…”
ไม่ใช่ว่าเธอเข้ามหาวิทยาลัยเยี่ยนแล้วเหรอ? ทำไมเธอถึงกลับมามหาวิทยาลัยจินหลิงล่ะ…
เดี๋ยวนะ ไม่ถูกต้อง
ลู่โจวพลันตระหนักถึงปัญหา
“…จะว่าไป ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาปริญญาโทแล้วเหมือนกัน”
เขาไม่อยากถูกเรียกว่ารุ่นน้องตัวน้อยอีก
เฉินยู่ซานกะพริบตาแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันรู้ เมิ่งฉีบอกฉันแล้ว นายจบการศึกษาตอนต้นปี จะว่าไปทำไมนายไม่บอกฉัน!”
ในสายตาเฉินยู่ซานมีร่องรอยของการตำหนิอยู่
ลู่โจว “…”
เชี่ย!
คุณเป็นคนเรียกฉันว่ารุ่นน้องตัวน้อย แล้วทำไมคุณต้องมองฉันแบบนั้นด้วย!
เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ คนที่อยู่ใกล้ๆก็กระแอม
คนโสดคนนั้นทำลายบรรยากาศทันที
ทั้งสองดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย มันไม่ใช่เพราะคนโสดคนนั้น แต่เป็นเพราะพวกเขานึกได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในห้องสมุด
เฉินยู่ซานอายเล็กน้อย เธอชี้ไปที่ประตูแล้วกล่าว “เราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหม?”
ลู่โจวมองไปรอบๆ แม้ว่าเขาจะมีสูตรที่ยังคำนวณไม่เสร็จ แต่เขาก็ยังพยักหน้า “ตกลง”
เขาทนกับบรรยากาศไม่พอใจที่มาจากพวกคนโสดไม่ได้
นอกจากนี้เนื่องจากเธออุตส่าห์เดินทางมาจากปักกิ่ง จะทิ้งเธอก็ไม่ดี เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาถือว่าไม่เลวเลย
ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเป็นคนเลี้ยง
…………………………………