Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 194 งานประชุมที่ปักกิ่ง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 194 งานประชุมที่ปักกิ่ง
ความจริงพิสูจน์แล้วว่า คนเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าตนเองมีศักยภาพแค่ไหนถ้าไม่ผลักดันตนเอง
ลู่โจวประหลาดใจกับความเร็วของตนเอง เขาใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้นในการจัดวิทยานิพนธ์
แน่นอนงานส่วนใหญ่ของเขาเสร็จไปก่อนแล้ว สัปดาห์เดียวนี่เขาใช้เพื่อจัดวิทยานิพนธ์เท่านั้น
วิทยานิพนธ์ยาวเพียงสิบห้าหน้าเท่านั้น หัวข้อเรียบง่ายมาก ‘ทฤษฎีการสร้างองค์ประกอบของกรุป’
แน่นอนมันคงน่าเบื่อเกินไปถ้าจะพูดถึงวิธีการเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อพิสูจน์ความเหนือกว่าของวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เขาจึงใช้สองตัวอย่าง
หนึ่งคือปัญหาจำนวนเฉพาะที่เป็นอนันต์ และอีกหนึ่งคือทฤษฎีของวิลสัน
โจทย์ทั้งสองนี้เป็นมาตรฐานการทดสอบของทฤษฎีจำนวน วิธีการพิสูจน์วิธีต่างๆ สามารถเขียนในมาตรฐานการทดสอบนี้
ทั้งสองนี้คล้ายกับทฤษฎีของแฟร์มาและทฤษฎีของออยเลอร์ ตอนแรกลู่โจววางแผนจะใช้สองอย่างนี้เป็นตัวอย่าง แต่สองอย่างนี้มีวิธีพิสูจน์ทฤษฎีกรุปที่ค่อนข้างรัดกุมแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอย่างหลัง มันใช้ความยาวในการพิสูจน์เพียงสามบรรทัดเท่านั้น ไม่มีอะไรให้ปรับปรุงเลย
การใช้วิธีของเขานั้นจะซ้ำซากเล็กน้อย
สุดท้ายลู่โจวก็ส่งวิทยานิพนธ์ของเขาก่อนกำหนดหนึ่งวัน
…
เช้าวันที่ 20 ตุลา ลู่โจวลากกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นเครื่องกับศาสตราจารย์หรู พวกเขากำลังบินจากจินหลิงไปปักกิ่ง
เจ้าภาพงานประชุมทางวิชาการปีนี้คือมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่ง และผู้จัดงานก็คือสมาคมคณิตศาสตร์จีน
เนื่องจากมันเป็นวันครบรอบแปดสิบปีของสมาคมคณิตศาสตร์จีนด้วยเช่นกัน งานประชุมจึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ นักคณิตศาสตร์ชื่อดังหลายคนทั่วโลกก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานประชุมนี้
ที่พักของลู่โจวอยู่ที่โรงแรมตี้หลง ผู้จัดงานได้จ่ายค่าอาหารและค่าห้องให้แขกที่ได้รับเชิญ ดังนั้นเขาจึงต้องจ่ายแค่ค่าลงทะเบียนแปดร้อยหยวนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์หรูจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ให้เขาแล้ว
เขาต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้ร่วมงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาที่ร่ำรวย
แน่นอน เขาต้องมีค่ามากพอที่จะเป็นศิษย์ของศาสตราจารย์หรูด้วย
เมื่อพวกเขามาถึงสนามบิน พวกเขาก็ขึ้นรถของเหยียนซินเจวี๋ย
เมื่อพวกเขามาถึงโรงแรม เหยียนซินเจวี๋ยก็จอดรถและให้ทั้งสองคนเข้าไปก่อน เมื่อพวกเขารออยู่หน้าลิฟต์ ลู่โจวก็เห็นเหยียนซินเวจี๋ยเดินมาหา เขาจึงอดถามไม่ได้ “รุ่นพี่เหยียนก็เข้าร่วมงานประชุมนี้ด้วยเหรอ?”
เหยียนซินเจวี๋ยยิ้ม ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ศาสตราจารย์หรูก็ขัดจังหวะ “เด็กคนนี้มาขำๆ อย่าสนใจเลย”
เหยียนซินเจวี๋ยยิ้ม “มาขำๆหมายความว่าไงครับ? ผมมาเชียร์ลู่โจว”
ลู่โจวเขิน “ผมแค่มาบรรยาย ไม่ได้มีอะไรสำคัญ”
เหยียนซินเจวี๋ยตบบ่าลู่โจว “ถ่อมตนมาก แต่ฉันขอแสดงความยินดีกับนายล่วงหน้าเลย! เอ้อ นายไปบรรยายบนเวทีใช่ไหม? นายทำผมอะไรเนี่ย? ทำให้มันหล่อๆหน่อย”
ลู่โจว “…?”
ศาสตราจารย์หรูยิ้ม แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ลู่โจวรู้สึกงงกับทั้งสอง
ฉันรู้สึกว่าสองคนนี้กำลังซ่อนอะไรบางอย่างไม่บอกฉัน
ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องราวอยู่คนเดียวล่ะ…
…
หลังลู่โจวเข้าห้องในโรงแรมแล้วทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ เขาก็มาหาอะไรกินที่โถงใหญ่
วันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการมารายงาน งานประชุมจะเริ่มอย่างเป็นทางการวันพรุ่งนี้
งานประชุมจะมีนานสุดห้าวัน มันจะจบวันที่ 25
เนื่องจากความสำคัญของงานประชุม สมาคมคณิตศาสตร์จีนจึงเหมาทั้งโรงแรมไว้
เมื่อลู่โจวทานเสร็จ เขาก็มองไปรอบๆ เขาสังเกตว่าคนที่นี่มีอายุเฉลี่ยราวสี่สิบปี มีแต่บริกรเท่านั้นที่อายุราวๆ เขา
หลังแก้ปัญหาเรื่องปากท้องเสร็จอย่างเร่งรีบ เขาก็กะจะกลับห้อง
ทันใดนั้นเองขณะที่เขากำลังขึ้นลิฟต์ ก็มีคนเดินเข้ามาแล้วทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดี คุณคือลู่โจวใช่ไหม?”
“ครับ คุณคือ…” ลู่โจวถามแล้วมองดูอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เขาจำชายคนนี้ไม่เห็นได้เลย
“เว่ยซื่อหยาง นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาลัยออโรร่า” ชายหนุ่มกล่าวขณะจับมือกับลู่โจว จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมเห็นคุณที่งานประชุมพรินซ์ตัน แต่ผมไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ คุณดังเกินไป!”
“ผมดังหมายความว่ายังไง…ยินดีที่รู้จักครับ” ลู่โจวกล่าวพลางฝืนยิ้ม
แม้เขาจะรู้ว่าตนเองเป็นคนสุดยอด แต่เขาก็ไม่ชินกับคำชมเชย
เว่ยซื่อหยางยิ้มแล้วแนะนำให้ลู่โจวรู้จักกับชายชราข้างหลัง “ผมจะแนะนำอาจารย์ของผมให้ ศาสตราจารย์หม่าฉางอัน ท่านอยู่สาขาเลขาคณิตเชิงพีชคณิต ผู้ชิงตำแหน่งนักวิชาการปี 2017!”
ศาสตราจารย์หม่ายิ้มแล้วโบกมือ เขากล่าวกับศิษย์ของตน “ผู้ชิงตำแหน่งหมายความว่าไง? เลิกคุยโวเรื่องของฉันได้แล้ว องค์กรยังไม่ได้ตัดสินเลย”
แม้เขาจะตำหนิศิษย์ของตน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาชอบคำชมเชย
ศาสตราจารย์หม่ายิ้มให้ลู่โจวแล้วกล่าว “ฉันวิจัยมาแล้วสามสิบปี แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย คนหนุ่มสาวที่มีศักยภาพอย่างเธอน่าประทับใจจริงๆ มันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม”
ลู่โจวตอบกลับอย่างถ่อมตนด้วยรอยยิ้ม “ศาสตราจารย์หม่าชมเชยเกินไปแล้ว ผมยังมีเรื่องให้เรียนรู้อีกมากมาย”
“การถ่อมตนเป็นเรื่องดี ตอนฉันอายุเท่าเธอ ถ้าฉันประสบความสำเร็จเท่านี้ ฉันคุยคุยโม้ด้วยความภาคภูมิใจ” ศาสตราจารย์หม่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันได้ยินว่าเธอวิจัยเรื่องข้อคาดการณ์ของปอลิญักงั้นเหรอ?”
โครงการหมื่นอัจฉริยะนั้นไม่ได้เป็นความลับ
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ครับ”
ศาสตราจารย์หม่าเลิกคิ้วแล้วกล่าว “เธอวิจัยไปถึงไหนแล้ว?”
ลู่โจวยิ้ม “พอมีความคืบหน้าอยู่บ้าง”
กระบวนการตรวจสอบข้อคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์หลักๆนั้นมีความคืบหน้าช้า มันอาจใช้เวลาหลายเดือน
วารสารคณิตศาสตร์ประจำปียังไม่ได้ตอบกลับเลย สถานะของวิทยานิพนธ์ของเขายังอยู่ในขั้นตอน ‘พิจารณ์’ ดังนั้นเขาจึงพูดว่าเขาพิสูจน์แล้วไม่ได้
ศาสตราจารย์หม่ารู้สึกสนใจ “โอ้ ดูเหมือนเธอจะมีแนวทางบ้างใช่ไหม?”
ลู่โจวยิ้ม “จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ”
ศาสตราจารย์หม่ายิ้ม “ฉันกำลังวิจัยบางอย่างเกี่ยวกับทฤษฎีจำนวนเช่นกัน ทำไมเธอไม่ดูวิทยานิพนธ์ของฉันแล้วเรามาแลกเปลี่ยนความคิดกันล่ะ?”
ลู่โจวอึ้ง เขามองศาสตราจารย์คนนี้ด้วยความกังขา
มันรีบร้อนไปไหมที่มาขอให้คนอื่นดูงานวิจัยที่ยังไม่เสร็จ
ไม่ต้องพูดถึงลู่โจวไม่ได้เป็นศิษย์เขา ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่ลู่โจวจะไปดูผลงานของผู้อื่น
สุดท้ายลู่โจวก็ยิ้มแล้วกล่าว “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ผมชอบศึกษาคณิตคนเดียว ดังนั้นผมจะไม่เสียเวลาอันมีค่าของคุณ”
………………………………….