Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 197 ต้องไป
ตอนบ่าย ณ แล็บวิจัยคณิตศาสตร์ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานกำลังนั่งอยู่เงียบๆ
เขากำลังอ่านวารสาร คณิตศาสตร์ประจำปีเขาถือปากกาอยู่ในมือและเขียนอะไรสักอย่างบนกระดาษเป็นพักๆ
การศึกษาคือการเรียนรู้ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงงานวิจัยคณิตศาสตร์
ผลการวิจัยใหม่ๆ เกิดใหม่ทุกเดือน เขาไม่อยากถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ดังนั้นเขาจึงต้องอ่านวารสารคณิตศาสตร์ประจำปีฉบับใหม่ทุกฉบับ
ทันใดนั้นเองแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาเยือนออฟฟิศเขา
แขกคนนั้นยิ้มแล้วตะโกนเรียก “เฒ่าเซี่ยง คุณทำอะไรอยู่?”
เมื่อศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นศาสตราจารย์หวังอี้ผิงเดินเข้ามาในออฟฟิศ เขาจึงถอดแว่นตาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไง”
เขาหันไปมองลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะทำงานเขาแล้วกล่าว “เสี่ยวหลี่ เอาน้ำชาให้ศาสตราจารย์หวังหน่อย”
“ครับ!”
เสี่ยวหลี่วางปากกาแล้วรินน้ำชาให้ศาสตราจารย์ทั้งสองอย่างเคารพ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงมาเยือน เขาจึงหยิบถ้วยชาแล้วนั่งบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ
ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานยังคงพลิกวารสารขณะคุยกับเพื่อนเก่าไปพลาง “ทำไมคุณไม่ไปงานประชุมคณิตศาสตร์? คุณมาทำไรที่นี่?”
“พวกเขาไม่ให้รางวัลฉันสักหน่อย ฉันจะไปทำไม? ฉันมาอยู่ออฟฟิศเย็นๆของคุณดีกว่า” ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงกล่าว เขายิ้ม “แต่ฉันได้ยินว่างานประชุมนี้น่าสนใจทีเดียว พิธีเปิดตอนเช้าชิวเฉิงถงเป็นคนพูด เขามอบรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินให้เด็กอายุยี่สิบกว่า มีข่าวลือว่ารางวัลนี้จะตกเป็นของหม่าฉางอัน แต่ดูเหมือนเขาจะพลาดแล้ว”
นี่เป็นข่าวใหญ่สำหรับเฒ่าเซี่ยง
อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์เซี่ยงไม่ได้แปลกใจกับผู้ชนะเลย กลับกันเซี่ยงหัวหนานแปลกใจมาก เขามองเพื่อนเก่าแล้วถาม “หวังชื่อเฉิงคนนั้นก้มหัวให้ชิวเฉิงถงจริงหรือ?”
เนื่องจากศาสตราจารย์แซ่เถียน ศาสตราจารย์ชิวจึงไม่พอใจกับสาขาคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเยี่ยน
ในปี 2001 มหาวิทยาลัยเยี่ยนได้เชิญศาสตราจารย์ของ MIT มาเป็นนักวิชาการ ศาสตราจารย์ชิวเฉิงถงไม่พอใจกับเรื่องนี้แล้วพูดกับสื่อว่า “ฉันต่างหากที่สมควรเป็นนักวิชาการ”
เหตุการณ์นี้เดือดไปทั้งประเทศ แต่สุดท้ายมันก็จบลงเงียบๆ
อย่างไรก็ตามปัญหาของศาสตราจารย์ชิวเฉิงถงกับมหาวิทยาลัยเยี่ยนก็ไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายศาสตราจารย์ชิวเฉิงถงก็ย้ายไปมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เนื่องด้วยเหตุการณ์นี้
แน่นอนไม่ใช่ทุกคนที่ให้ความสำคัญกับฝักฝ่าย และไม่ใช่ทุกคนที่หลงใหลในอำนาจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตราจารย์เฒ่าที่สร้างชื่อให้กับตนเองแล้ว แค่ชื่อของพวกเขาก็นับเป็นทุนทางวิชาการแล้ว พวกเขาจึงเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้คิดอะไรนัก
ยกตัวอย่างศาสตราจารย์หวังอี้ผิง เขาเป็นหนึ่งในเหล่าศาสตราจารย์ที่ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงหรือความมั่งคั่ง เขาเป็นแค่ศาสตราจารย์เฒ่าที่หลงใหลในการศึกษาอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะสอนที่มหาวิทยาลัยเยี่ยน ความสัมพันธ์ของเขากับศาสตราจารย์ชิวเฉิงถงจึงยังไม่เลวเลย เขามักจะไปที่สถาบันวิทยาศาสตร์จีนเพื่อเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่า
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงจิบชาก่อนจะกล่าว “เขาต้องก้มหัว ถ้าหม่าฉางอันได้รางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซิน มันจะเป็นเรื่องน่าอายมาก”
“คุณแน่ใจเหรอ?” ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานถาม
“แน่สิ คุณคิดว่าเฒ่าชิวกลับมาทำไม? เขากลับมาเพื่อที่เขาจะได้บอกนักวิชาการหวังชื่อเฉิงว่าสมาคมคณิตศาสตร์สหรัฐพิจารณาเรื่องให้รางวัลโคลแก่ลู่โจว”
ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “นี่มันค่อนข้างร้ายแรง ไม่แปลกใจเลยที่นักวิชาการหวังไม่พอใจ”
ต่อให้ผู้ชนะรางวัลไม่คู่ควรกับรางวัลที่ได้ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก อย่างไรก็ตามถ้าผู้แพ้ไปต่างประเทศแล้วได้รับรางวัลที่ใหญ่กว่า งั้นมันก็มีปัญหาแล้ว
สื่อก็จะเริ่มซุบซิบกัน บางทีพวกเขาอาจพูดถึงทฤษฎีสมคบคิดด้วยซ้ำ
คุณจะให้ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่ายอมรับความสูญเสีย และเพื่อเห็นแก่หน้าหวังชื่อเฉิงในฐานะนักวิชาการจนต้องทิ้งรางวัลโคลไปงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามผู้คนไม่ได้โง่ขนาดนั้น
ท้ายที่สุดแล้ว น้ำหนักของรางวัลโคลหนักกว่ารางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินมากนัก
“ดูเหมือนงานประชุมนี้จะน่าสนใจหน่อย หวังชื่อเฉิงเป็นตัวต้นคิดเพื่อจับมือกับชิวเฉิงถง น่าเสียดายที่ฉันพลาดมัน” ศาสตราจารย์เซี่ยงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงยิ้ม “มันน่าสนใจ ฉันกะว่าจะไปตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ ฉันได้ยินว่าเด็กคนนี้มีเวลาบรรยายสามสิบนาที ดูเหมือนตอนที่เขากำลังวิจัยข้อคาดการณ์ของปอลิญัก เขาจะพบวิธีสร้างองค์ประกอบกรุปอะไรบางอย่าง ฉันอ่านวิทยานิพนธ์ของเขาแล้ว มันน่าสนใจไม่เบา รายงานของเขามีระดับสูงมาก ถ้าพลาดไปคงน่าเสียดายแย่”
“ระดับของเด็กคนนี้สูงจริง ฉันบอกได้จากการพรีเซนต์ครั้งก่อน” ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น่าเสียดายที่หรูเสินเจียนแย่งเขาไป ไม่งั้นฉันจะเป็นคนพาเขาไปรับรางวัล”
“อย่าพูดถึง ฉันยังโกรธไม่หาย” ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงตบต้นขาแล้วกล่าว “คนแซ่หรูเป็นนักฟิสิกส์ แต่เขาขโมยนักคณิตศาสตร์ของเราไป เขากล้าดียังไง!”
ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานยิ้ม “โอ้ ทำไมคุณไม่ไปพูดต่อหน้าเฒ่าหรูล่ะ?”
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงยิ้ม “เอ่อ…ช่างมัน ฉันกลัวว่าฉันจะทำเขาหัวใจวาย”
เซี่ยงหัวหนานยิ้มแล้วส่ายหน้าขณะพลิกหน้าวารสารไปพลาง
ทันใดนั้นเขาก็แข็งค้าง
เขาอ่านวิทยานิพนธ์จากบนลงล่างอีกครั้ง และสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาอ่านถึงบรรทัดสุดท้าย เขาก็ชะงักไปพักใหญ่ๆ
หลังจากนั้นสักครู่ ศาสตราจารย์เซี่ยงหัวหนานจู่ๆ ก็เอ่ยถาม “การบรรยายนั้น…เริ่มกี่โมง? ที่ไหน?”
ศาสตราจารย์หวังอี้ผิงกำลังจิบชา เขาตอบลวกๆ “บ่ายสามโมง มหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง ทำไมเหรอ? คุณจะไป?”
“ฉันต้องไป…” เซี่ยงหัวหนานถอนหายใจแล้ววางวารสารคณิตศาสตร์ประจำปีไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็กล่าว “ดูเองสิ”
………………………………….