Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 221 กล่าวสุนทรพจน์หน้าเสาธง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 221 กล่าวสุนทรพจน์หน้าเสาธง
ณ สนามโรงเรียน โรงเรียนมัธยมเจียงหลิง
มีเด็กนักเรียนจำนวนมากกำลังยืนอยู่หน้าเสาธง
สายตาง่วงเหงาหลายคู่มองดูธงที่ถูกชักขึ้นภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า จากนั้นพวกเขาก็มองดูชายคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นไปบนเวที
พิธีชักธงอาทิตย์นี้แตกต่างจากปกติ เพราะโรงเรียนมัธยมได้เชิญแขกพิเศษมา
แขกพิเศษคนนี้ไม่ได้อายุมาก อันที่จริงเขาอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น สามปีก่อน แขกคนนี้ก็เหมือนพวกเขา นั่งอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่งในโรงเรียนนี้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหล่าอาจารย์รู้สึกภาคภูมิใจทีได้สอนคนๆ นี้ ทุกครั้งที่พูดชื่อเขา รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของบรรดาอาจารย์
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่โจว ผู้ชนะรางวัลคณิตศาสตร์เฉินเสิ่งเซินที่อายุน้อยที่สุด ผู้ชนะรางวัลโคล และผู้เข้าร่วมโครงการหมื่นอัจฉริยะ!
ลู่โจวรับไมโครโฟนจากอาจารย์ใหญ่ เขากระแอมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้ จบการศึกษาตอนปี 2013 ชื่อของผมคือลู่โจว”
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสมายืนพูดกับเพื่อนร่วมโรงเรียนอยู่ตรงนี้”
“และสิ่งที่ผมอยากพูดกับทุกคนในวันนี้ก็คือเรื่องของมหาวิทยาลัยผม…”
คำพูดของลู่โจวค่อนข้างสุภาพ
ด้วยความสำเร็จของเขา การมายืนพูดอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เกียรติของเขา แต่เป็นเกียรติของทางโรงเรียน
ความนิยมของโรงเรียนมัธยมเจียงหลิงเพิ่มขึ้นสูงก็เพราะความสำเร็จของลู่โจว
พูดตามตรง ความสำเร็จของลู่โจวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโรงเรียนมัธยมเจียงหลิง แต่เขาได้เข้าเรียนที่นี่
ท้ายที่สุดแล้วการศึกษาก็คือการศึกษา โรงเรียนมัธยมได้มอบรากฐานความสำเร็จให้เขา
อาจารย์บางคนที่ได้สอนเขาถึงกับได้รับรางวัล’อาจารย์พิเศษ’
บนสนาม เสี่ยวถงยืนเขย่งเท้ามองไปหน้าเสาธง
เธอไม่ได้สนใจสุนทรพจน์ของพี่ชายด้วยซ้ำ!
ข้างเสี่ยวถงเป็นเพื่อนสนิทเธอ หลี่โหยว เธอเป็นคนที่ซื้อเครื่องสำอางจากเสี่ยวถง เมื่อหลี่โหยวเห็นว่าอาจารย์ไม่สนใจ เธอจึงสะกิดแขนเสี่ยวถงแล้วถามเบาๆ “ถงถง นั่นพี่เธอเหรอ?”
เสี่ยวถงลดเสียงแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว ทำไมเหรอ? ดอกเตอร์อายุ 21 ปี เธออยากให้ฉันแนะนำให้เหรอ?”
หลี่โหยวหน้าแดง “บ้าเหรอ เขาแก่เกินไป”
“พูดเล่นน่า ต่อให้เธอต้องการ ฉันก็ไม่ให้” เสี่ยวถงกล่าว เธอแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน นักเรียนชายห้องเธอหลายคนรู้สึกใจเต้น
เด็กนักเรียนมัธยมไร้เดียงสาเมื่อเทียบกับนักศึกษามหาวิทยาลัย
ในเมืองเล็กๆ เด็กผู้หญิงเรียนดี มีเสน่ห์และเปิดเผยจะเป็นเทพธิดาในใจของเด็กผู้ชายนับไม่ถ้วน
เสี่ยวถงมีครบทุกข้อ
น่าเสียดายที่เทพธิดาไม่ได้สนใจใครเลย นี่ทำให้เด็กชายหลายคนหันมาสนใจหลี่โหยวแทน
อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อได้เห็นลู่โจว พวกเด็กผู้ชายก็เข้าใจเหตุผลแล้ว
คนเราย่อมชอบเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว
เมื่อเทียบกับพี่ชายเธอ พวกเขาไม่มีอะไรเลย…
…
หลังวันปีใหม่ ลู่โจวก็มาพักอยู่ที่บ้าน เขาทั้งพูดคุยกับพ่อแม่ และสอนคณิตศาสตร์ให้เสี่ยวถง
ช่วงเวลาว่าง เขาก็จะศึกษาพวกเอกสารข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ภายใต้วิธีทรงกลมและวิธีตะแกรง มันยังมีที่ว่างให้พัฒนา เขาตอบอีเมลของศาสตราจารย์แฟรงก์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เขายังได้เรียนขับรถ
มันง่ายมากสำหรับลู่โจว
บางทีมันอาจเป็นเพราะบุคลิกที่ใจเย็นของเขา ตอนที่ควรเบรก เขาก็เบรกโดยที่ไม่ตกใจจนเผลอเหยียบคันเร่ง
เพื่อให้ได้ใบขับขี่โดยเร็ว เขาจึงยัดเงินให้ครูสอนขับรถ
ในเมืองเล็กๆ อย่างนี้ มีเงินทำได้มากมาย
ภายในสามสิบวัน เขาจะได้รับใบขับขี่
ถัดไปคือท่องกฎจราจรท้องถิ่นของนิวเจอร์ซีย์
เขามีประสบการณ์ขี่รถในจีน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาใบขับขี่ต่างประเทศ
ลู่โจวยังปรึกษาเรื่องนี้กับหลัวเหวินเซวียนด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มันใกล้ถึงเดือนกุมภาแล้ว เหลือไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีนแล้ว
ลู่โจวกำลังเดินเล่นกับพ่อในตอนกลางคืน เมื่อเขาเห็นท้องถนนที่คุ้นเคย เขาก็พลันพูดขึ้น “พ่อ”
ลู่ปังกั๋ว “ห๊ะ?”
“เสี่ยวถงจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เรารีโนเวทบ้านไหม?”
ลู่โจวจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนมอปลาย พ่อแม่เขาวางแผนจะรีโนเวทบ้านหลังทั้งคู่แต่งงาน
แม้ว่าทั้งสองจะยังห่างไกลจากการออกจากบ้าน แต่เข้ามหาวิทยาลัย มันก็ถือเป็นการออกจากบ้านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
แถมไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขามีเงินเหลือเฟือ
ลู่ปังกั๋วยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ไว้พ่อกับแม่จะทำตอนพวกลูกมีครอบครัวแล้ว”
ลู่โจวมีสีหน้าแปลกๆ
เขากำลังจะไปอยู่พรินซ์ตันสักพักหนึ่งเลย
ลู่โจวไม่พูดอ้อมค้อม “พ่อ คือแบบนี้ หลังตรุษจีน ผมจะได้ปริญญาโทแล้ว จากนั้นผมก็จะไปเรียนปริญญาเอกที่พรินซ์ตัน ผมมีเงินราวหมื่นดอลลาร์ บวกกับทุนการศึกษาของพรินซ์ตัน เงินหยวนของผมไม่ได้ใช้ ผมเอาให้พ่อดีไหม?”
“เท่าไหร่?”
“หนึ่งล้าน…”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ลู่ปังกั๋วก็แทบสำลักน้ำลาย
ลู่โจวลูบหลังเขาแล้วกล่าว “พ่อ ใจเย็น”
ลู่ปังกั๋วยืดหลังตรงแล้วหันมามองลู่โจว “ลูก…เก็บเงินไว้! พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? เก็บเงินไว้ซื้อบ้าน เก็บเงินไว้แต่งงาน! พ่อยังทำงานไหว พ่อไม่ต้องการ!”
ลู่โจวกล่าว “ผมยังไกลจากการแต่งงาน แถมเสี่ยวถงก็กำลังเข้ามหาวิทยาลัย”
ลู่ปังกั๋วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องห่วงเรื่องน้อง พ่อส่งน้องเข้ามหาวิทยาลัยได้”
ลู่โจวรู้อยู่แล้วว่าพ่อจะพูดแบบนี้ เขาถอนหายใจ “พ่ออยากให้น้องเป็นเหมือนผมเหรอ?”
เขายังมีให้พูดอีกมาก
อย่างไรก็ตามก็เกิดความเงียบขึ้นมา
ตอนนั้นสถานการณ์การเงินที่บ้านไม่ดี ลู่ปังกั๋วต้องดูแลเด็กสองคนและภรรยาป่วย ในฐานะคนงานชนชั้นกลาง มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
แม้ลู่โจวจะเป็นคนเสนอว่าจ่ายเงินตอนเรียนมหาวิทยาลัยเอง แต่ลู่ปังกั๋วก็ต่อต้านอย่างหนัก อย่างไรก็ตามหลังกลับมามองความจริง ลู่ปังกั๋วก็ต้องยอมรับ
ลู่โจวรู้ว่ามันฝังใจพ่อเขามาเสมอ
ลู่ปังกั๋วคิดเสมอว่าเขาทำให้ลูกผิดหวัง…
พ่อของคนอื่นจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงเข้ามหาวิทยาลัยให้ลูก แต่เขาดันต้องยอมให้ลูกจ่ายค่ากินค่าเล่าเรียนสี่ปีเอง
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขารอให้พ่อสูบบุหรี่เสร็จอยู่เงียบๆ
หลังจากนั้นสักครู่ ลู่ปังกั๋วก็ถอนหายใจออกมา “พ่อรู้ว่าลูกเป็นห่วงน้อง แต่มหาวิทยาลัยไม่ได้แพงมาก”
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
เขารู้ว่าสุดท้ายพ่อก็เห็นด้วย
“ไม่ใช่แค่เสี่ยวถง ผมเป็นห่วงพ่อแม่เหมือนกัน เพราะผมจะไปต่างประเทศแล้ว ผมก็อยากให้พ่อแม่มีชีวิตดีๆ ” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมตัดสินใจแล้ว”
ลู่ปังกั๋วกล่าว “ตัดสินใจแล้วหมายความว่าไง? ปีกกล้าขาแข็งใหญ่ ใครเป็นหัวหน้าครอบครัว? พ่อเห็นด้วยยัง?”
ลู่โจวยิ้ม “งั้นพ่อ เห็นด้วยไหม?”
นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าครั้งที่แล้วพ่อเห็นด้วยแล้วเหรอ?
ลู่โจวจำได้ว่าครั้งก่อนพ่อเขาบอกว่าเขาตัดสินใจได้เองเลย
ลู่ปังกั๋วคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “แน่นอน พ่อเห็นด้วย ทำตามใจลูกเถอะ”
ลู่โจว “…”
จิตใจของคนแก่นั้นยากจะเข้าใจ…
……………………………..