Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 243 ศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของพรินซ์ตัน
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 243 ศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของพรินซ์ตัน
ลู่โจวไม่คิดเลยว่าศาสตราจารย์เดอลีงย์จะเซอร์ไพรส์เขาครั้งใหญ่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ
ตอนแรกเขาวางแผนจะรับปริญญาเอกก่อนสิ้นปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนการของเขาจะช้าเกินไป คณิตศาสตร์ประจำปียังไม่ได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ของเขาด้วยซ้ำ แต่พรินซ์ตันก็มอบปริญญาเอกให้เขาแล้ว แถมยังเสนอตำแหน่งศาสตราจารย์ให้อีกด้วย…
เมื่อลู่โจวลองมาคิดดูดีๆ เขาก็เข้าใจการตัดสินใจของพรินซ์ตัน
ต่อให้เขาแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคไม่ได้ แต่วิธีสร้างองค์ประกอบกรุปของเขาก็เป็นเครื่องมือทางทฤษฎีที่ยอดเยี่ยมในสาขาทฤษฎีจำนวน
แม้แต่หนังสือเรียนคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยหลายเล่มก็วางแผนจะนำเครื่องมือของเขาไปใส่
ลู่โจวอดคิดไม่ได้
ถ้าเขาต้องมีชื่อในประวัติศาสตร์ ทำไมเขาไม่เลือกชื่อที่ดีกว่านี้ล่ะ?
วิธีสร้างองค์ประกอบกรุปมันฟังดูไม่เท่เลย…
ถ้าเขาเรียกมันอย่าง’ทฤษฎีคอสมิค’ มันคงดีกว่าเยอะ
หลังลู่โจวทำกระบวนการจบการศึกษาเสร็จ เขาถ่ายรูปใบปริญญาและหมวกดอกเตอร์ก่อนจะโพสต์ลงเว่ยป๋อ
เว่ยป๋อของเขาเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันเดือดเกินความคาดหมายของเขา
[เชี่ย ปริญญาเอกควรใช้เวลาเก้าปี ทำไมเขาถึงได้ในสามเดือน?]
[ศาสตราจารย์อายุยี่สิบเอ็ดปี? สุดยอด อายุน้อยกว่าศาสตราจารย์ชาร์ลเสียอีก]
[ฉันคิดว่าที่เขาได้ปริญญาเอกในสามเดือนมันน่าประทับใจกว่า]
[ไม่ๆ พวกคุณรู้ไหมว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงจบการศึกษาเร็วขนาดนี้? ฉันได้ยินว่าเขาพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค และบรรยายผลงานที่พรินซ์ตัน…]
[เชี่ย ไม่มีทางน่า]
[คุกเข่าให้เทพลู่…]
[ลู่โจว ส่งรูปให้พวกเราด้วย ผมจะเอาไปติดกำแพงเสริมดวง]
[…]
ลู่โจวไม่คิดเลยว่าจะมีคนรู้เรื่องที่เขาแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคด้วย ดูเหมือนจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนหลายคนที่ติดตามเว่ยป๋อเขา
จากนั้นบทสนทนาก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็ถ่ายภาพบทความจากนิวยอร์กไทม์และฟิลาเดลเฟียเดลี่ บางคนก็กระทั่งโพสต์ลิงก์วิทยานิพนธ์ arXiv
จากนั้น…
‘ศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของพรินซ์ตัน’และ’ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค’ก็เริ่มติดอันดับการค้นหาที่มาแรงบนโลกออนไลน์
เนื่องจากความเกี่ยวข้องของฮั่วหลัวเกิงและเฉินจิงรุ่นที่มีต่อข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ความสำคัญของข้อคาดการณ์นี้จึงเกินกว่าความสำคัญทางวิชาการ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
สิ่งที่ลู่โจวไม่รู้ก็คือ วิทยานิพนธ์ของเขาบน arXiv ไม่เพียงแต่จะพูดถึงกันบนโลกออนไลน์เท่านั้น แม้แต่ชุมชนคณิตศาสตร์จีนก็กำลังเดือด อันที่จริงมันถึงขั้นกระตุ้นความสนใจของแวดวงการเมืองด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครลุกขึ้นมาแสดงความเห็น เพราะพวกเขาต่างก็กำลังรอฟังผลจากคณิตศาสตร์ประจำปี
ในเวลานี้ ลู่โจวไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยานิพนธ์ของตนเองเลย เขาใช้พลังทั้งหมดไปกับขั้นตอนพิชญพิจารณ์ของคณิตศาสตร์ประจำปี
ผู้ตรวจสอบหกท่านล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกคณิตศาสตร์ พวกเขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาในวิทยานิพนธ์ของลู่โจว ลู่โจวจึงปรับปรุงทุกปัญหาอย่างแข็งขัน
โชคดีที่เขาไม่เหมือนไวล์สที่ติดอยู่กับปัญหาที่เห็นได้ชัดนานกว่าหนึ่งปี
อาทิตย์ที่สองของพิชญพิจารณ์…
ในที่สุดลู่โจวก็ได้รับคำติชมจากผู้ตรวจสอบของคณิตศาสตร์ประจำปี อีแวนส์ส่งเอกสารมาให้เขา
คำพูดของฟาลติ้งส์กระชับมาก เขาแทบจะไม่เคยชื่นชมใครเลย แต่เขาสรุปความเห็นด้วยประโยคเดียว ‘พิสูจน์ได้ดี’
เฮนริค อิแวนนิคเป็นมิตรกับนักคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ เขาเขียนเพิ่มลงไปอีกนิด และแม้แต่แสดงความคาดหวังต่อนักคณิตศาสตร์รุ่นใหม่ ‘…การประยุกต์ใช้ทฤษฎีกรุปในวิทยานิพนธ์นั้นน่าตกใจ ฉันคาดหวังกับความสำเร็จในอนาคตของคุณ เกี่ยวกับความเห็นของเพื่อนร่วมงานของฉันในความคิดของฉัน คุณพิสูจน์ปัญหานี้ได้สำเร็จแล้ว’
มุมมองของเฮลฟ์ก็อตคล้ายกับนักวิชาการอีกคนจากเอกอล นอร์มาล ซูเพริเยอ ทั้งสองอาจแลกเปลี่ยนความคิดกัน และทั้งสองก็ประเมินวิธีสร้างองค์ประกอบกรุปไว้สูง
ลู่โจวเปลี่ยนหน้าแล้วอ่านความเห็นสุดท้าย
จากนั้นเขาก็หันไปมองอีแวนส์
อีแวนส์ยิ้มและยื่นมือออกมา
“ขอแสดงความยินดีด้วย ศาสตราจารย์ลู่ วิทยานิพนธ์ของคุณจะถูกตีพิมพ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีฉบับถัดไป!”
…
ในออฟฟิศบรรณาธิการของวอชิงตันไทม์ คีน ลาเตอร์นั่งอยู่ในออฟฟิศ เขาเลื่อนเมาส์อ่านข่าวบนคอมพิวเตอร์
ทันใดนั้นเองเขาก็สะดุดกับข่าวหนึ่งและรู้สึกประหลาดใจ เขาเดาะลิ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“โอ้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ลิงพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้?”
เป็นที่พูดกันว่า อเมริกาอ่อนไหวต่อการเหยียดสีผิวมาก มันเป็นที่ยอมรับไม่ได้ที่จะเหยียดเชื้อชาติในที่สาธารณะ อย่างไรก็ตามฝ่ายบรรณาธิการของวอชิงตันไทม์นั้นต่างกัน เพราะพวกเขาไม่ได้จ้างพนักงานจีน
อย่างมาก พนักงานเกาหลีก็แค่หัวเราะหึๆออกมา
เป็นที่ควรรู้ว่าวอชิงตันไทม์นั้นต่างจากวอชิงตันโพส อย่างหลังเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในอเมริกา ส่วนอย่างแรก วอชิงตันไทม์ ถูกก่อตั้งในปี 1982 โดยชาวเกาหลี ซุน เมียง มุน
แถมมันยังน่าสนใจ เพราะแม้ว่าหนังสือพิมพ์นี้จะเปิดมากว่าสามสิบปี แต่มันก็ไม่ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ของเกาหลี-อเมริกา จุดประสงค์หลักของหนังสือพิมพ์คือโจมตีและดิสเครดิตจีน
อย่างไรก็ตามเพราะสถานะทางการเมืองของหนังสือพิมพ์นี้สุดโต่งเกินไป หนังสือพิมพ์จึงขาดทุนมากว่ายี่สิบปี มันต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจาก’เงินทุนส่วนตัว’ของซุน เมียง มุนเพื่อต่อลมหายใจ
หนังสือพิมพ์นี้เล่นเนื้อหาเหยียดสีผิว รวมถึงวิจารณ์และพูดถึงทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับบารัค โอบามา
บ๊อบที่นั่งอยู่ใกล้ๆโน้มตัวเข้าใกล้จอคอมแล้วกล่าว “ข่าวใหญ่…เราต้องสัมภาษณ์เขา”
“ไม่ใช่แค่สัมภาษณ์เท่านั้น แต่เราต้องช่วยคนจีนคนนี้โฆษณาด้วย” ลาเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก จากนั้นเขาก็ปิดเว็บไซต์ เมื่อเขาเปิดเอกสารแล้วพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ด เขาก็ถาม “ลองคิดดู เราควรเขียนข่าวว่าไง? ลิงแก้ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้?”
บ๊อบลังเลชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เราถูกฟ้องได้นะ”
แม้ว่าเจ้านายของพวกเขา ซุน เมียง มุน จะไม่ชอบจีน แต่เขาจะเหยียดเชื้อชาติไม่ได้เช่นกัน
“ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ในกฎหมาย อะไรอยู่นอกเหนือกฎหมาย…” ลาเตอร์กล่าว “ตอนนี้ฉันต้องการแรงบันดาลใจ”
ผู้ช่วยสาว เปเรย์รา กำลังนั่งจ้องหน้าคอมอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จู่ๆเธอก็เอ่ยขึ้นมา “จำสิ้นปี 2015 ได้ไหม? ศาสตราจารย์โอปิเยมจากไนจีเรียคิดว่าตัวเองแก้ข้อคาดการณ์ของรีมันน์ได้ เขาเขียนจดหมายถึงสถาบันเคลย์ แต่ทุกวันนี้สถาบันเคลย์ยังไม่ตอบกลับมาเลย”
เธอจบการศึกษาจากสาขาวารสารศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตัน ดังนั้นระดับการศึกษาของเธอจึงสูงกว่าหัวหน้าเธอเสียอีก หัวหน้าของเธอถูกรับเข้ามาฝ่ายบรรณาธิการก็เพราะท่าทีทางการเมือง
ดังนั้นลาเตอร์จึงเคารพความเห็นเธอ
“ฉันจำได้” บ๊อบกล่าว “ฉันจำได้ว่าเดลิเมลเป็นสำนักข่าวแรกที่สัมภาษณ์เขา แต่ก็ไม่มีติดตามผล”
ลาเตอร์หมุนเก้าอี้ เขาเอามือท้าวคาง “งั้นเหรอ?”
“ฉันพึ่งตรวจสอบบนวิกิพีเดีย ข้อคาดการณ์ของรีมันน์คือการคาดเดาว่าทุกจำนวนเฉพาะเขียนอยู่ในรูปแบบของฟังก์ชันได้” เปเรย์รากล่าว เธอควงปากกาแล้วกล่าว “วิกิพิเดียก็บอกว่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคก็เกี่ยวข้องกับจำนวนเฉพาะเช่นกัน ดังนั้น…สองอย่างนี้เชื่อมโยงกันไหม?”
เธอไม่ค่อยมีความรู้ด้านคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ แต่เธอมีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ดังนั้นอย่างน้อยเธอจึงรู้วิธีใช้กูเกิล
จู่ๆแววตาของลาเตอร์ก็เปล่งประกาย
เธอพูดมีเหตุผล…
บ๊อบกล่าว “ฉันจำได้ว่าข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคคือ 1+1=2 ใช่ไหม?”
“โอ้ บ๊อบ คุณนี่ไม่มีวัฒนธรรมเลย แม้แต่ฉันก็รู้ว่า 1+1=2 เป็นสัจพจน์ของเพอาโน ส่วนข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค…สั้นๆก็คือ มันเป็นปัญหาจำนวนเฉพาะ” ลาเตอร์กล่าวพลางหัวเราะไปด้วย จากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้ “ฉันจะบินไปไนจีเรียเดี๋ยวนี้ พวกคุณเริ่มเขียนข่าวได้เลย เขียนแค่ว่า…ศาสตราจารย์ชาวไนจีเรียได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะสีผิว เกียรติยศข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคควรเป็นส่วนหนึ่งของเขา แต่การเหยียดสีผิวของนักวิชาการอเมริกาทำให้เขาหนาวเหน็บอยู่ในความมืด”
ในอเมริกาข่าวแบบไหนที่น่าดึงดูดที่สุด?
ข่าวที่เกี่ยวข้องกับคนผิวดำ
ชาวอเมริกาชอบเล่นการเมืองเชิงอัตลักษณ์
บ๊อบขมวดคิ้วแล้วกล่าว “แต่ลู่โจวไม่ใช่ชาวผิวขาว คนผิวเหลืองกับคนผิวดำเป็นชนกลุ่มน้อยในอเมริกา คุณเหยียดสีผิวกันเองระหว่างชนกลุ่มน้อยได้ด้วยเหรอ?”
ถ้าผู้พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคเป็นชาวผิวขาว และคนดำถูกละเลย งั้นข่าวนี้คงน่าตื่นเต้น ถ้าสถาบันเคลย์ไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลล่ะก็…
ต่อให้พวกเขาอธิบาย มันก็จะถูกมองว่าเป็นการ’แก้ตัว’
สุดท้ายผู้คนก็จะตำหนิพวกเขา เพราะใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจคณิตศาสตร์
แน่นอนในอเมริกา นักวิชาการผิวดำถือเป็น’กลุ่มที่อ่อนแอ’
ปัญหาคือตัวตนของลู่โจวแปลกเล็กน้อย เพราะเขาถือเป็นชนกลุ่มน้อยในอเมริกาเช่นกัน…แม้ว่าชุมชนวิชาการอเมริกาจะไม่สนใจคนผิวดำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้อภิสิทธิ์กับคนผิวขาว
เรื่องนี้ไม่พอที่จะเอามาเขียนข่าว
ฝ่ายบรรณาธิการเงียบเสียงลง
แม้แต่ลาเตอร์ที่พึงพอใจกับข่าวที่มีศักยภาพก็คิดหนัก
ทันใดนั้นเปเรย์ราที่กำลังค้นหาข้อมูลก็แหกปากด้วยความตื่นเต้น
“รู้แล้ว!”
เธอคิดถึงความคิดที่ยอดเยี่ยม
มันเป็นวิธีสร้างข่าวใหญ่!
………………………………