Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 248 สายจากสต็อกโฮล์ม
ลาเตอร์ได้สมใจหวัง เขาได้ข่าวใหญ่ที่เขาต้องการ
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เกี่ยวกับลู่โจว
มันเป็นเรื่องของเขา และเรื่องอื้อฉาวของเขากับวอชิงตันไทม์
สองวันต่อมา ขณะที่เขาพยายามหาตัวศาสตราจารย์อีนอช ก็มีคลิปเสียงโพสต์บนอินเทอร์เน็ต
พูดให้แม่นยำกว่านั้นก็คือ คลิปเสียงสองคลิป
คลิปเสียงแรกเป็นในออฟฟิศ มันเป็นเรื่องของเขากับเพื่อนร่วมงานที่กำลังพูดถึงการสร้างข่าวใหญ่และการกระตุ้นองค์กรคุ้มครองสิทธิ์ชาวผิวดำต่างๆ มันมีคำเหยียดสีผิวจำนวนมาก และมีการเยาะเย้ยองค์กรคุ้มครองสิทธิ์เป็นพวกคนโง่
ส่วนคลิปเสียงที่สอง มันเป็นตอนที่อยู่ในออฟฟิศศาสตราจารย์อีนอชในไนจีเรีย
[
“มากสุดสามวัน”
“เป็นไปไม่ได้!”
“หมื่นเหรียญ”
“ดีล!”
]
คลิปเสียงแรกทำให้ลาเตอร์โกรธ แต่หลังจากเขาฟังคลิปเสียงที่สอง เขาก็หลั่งเหงื่อเย็นเหยียบ
ไม่ใช่แค่เพราะอาชีพของเขาอยู่ในอันตรายเท่านั้น
ปัญหาหลักคือคลิปเสียงนี้หลุดไปได้ยังไง
คลิปเสียงแรกอาจหลุดเพราะสายในออฟฟิศ แต่เขาไม่เข้าใจว่าคลิปเสียงที่สองหลุดไปได้ยังไง
เขาอยู่แอฟริกานะ!
อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก!
เพื่อรักษาความลับ เขาจึงเดินทางไปทำธุรกิจคนเดียวเสมอ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนไปติดเครื่องดักฟังที่ออฟฟิศศาสตราจารย์อีนอชล่วงหน้า และเป็นไปไม่ได้ที่จะติดเครื่องดักฟังที่ตัวลาเตอร์เช่นกัน เขาผ่านจุดตรวจสนามบินและไปอาบน้ำก่อนไปพบกับอีนอช…
หรือบางที…
อาจมีคนสะกดรอยเขามาตลอดทาง
นี่เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด
เมื่อบ๊อบเห็นลาเตอร์หน้าซีดเผือด เขาก็กำลังจะปลอบ แต่จู่ๆลาเตอร์ก็พุ่งพรวดจากเก้าอี้
“อย่าจับฉัน!”
บ๊อบมองเข้าไปในดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวของลาเตอร์แล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่มีใครในออฟฟิศบรรณาธิการพูดอะไร เพราะทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง
ลาเตอร์มองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก สายตาของเขากวาดผ่านใบหน้าของพนักงาน พยายามหาคนที่จ้องมองเขา
บ๊อบอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นสภาพของลาเตอร์ เขาจึงพูดอะไรไม่ออก
ลาเตอร์เมินบ๊อบ เขากระชากลิ้นชักออกมาอย่างรุนแรง เขาหยิบเอกสารออกมาทั้งหมดแล้ววางไว้บนโต๊ะ สองมือของเขากำลังค้นหาสิ่งที่คล้ายกับเครื่องดักฟัง
การค้นหาเครื่องดักฟังอย่างน้อยก็ทำให้เขาสบายใจ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะหาเท่าไหร่ เขาก็หาที่มาของคลิปเสียงไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ความกลัวที่อยู่ในใจจึงมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลบอกกับเขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นักวิชาการธรรมดาจะมีความสามารถแบบนี้ มันต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลัง
เขาคิดถึงอิทธิพลทางการเมืองจากข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค และประเทศเพื่อนบ้านที่แสดงความไม่พอใจต่อข่าวที่พวกเขาเขียนขึ้น
ลาเตอร์ยอมแพ้ สีหน้าเขาซีดขึ้นเรื่อยๆ
บางที…
เขาตกเป็นเป้ามาก่อนแล้ว?
…
ลู่โจวไม่ได้ติดตามเรื่องอื้อฉาวของวอชิงตันไทม์ เขาแค่ฟังมาจากหลัวเหวินเซวียนว่าวอชิงตันไทม์จะถูกปิดชั่วคราว และลาเตอร์ลาออกจากตำแหน่ง
แม้ว่าการสร้างข่าวเกินจริงเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมีการติดสินบนถูกเปิดโปง นั่นก็เป็นอีกเรื่อง
เรื่องอื้อฉาวนี้จะติดตัวลาเตอร์ไปตลอดชีวิต ทำให้เป็นรอยด่างพร้อยในอาชีพการงาน
เขาลืมเรื่องการเป็นนักข่าวอีกครั้งไปได้เลย
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภา ปัญหาข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคก็ถูกตัดสินในที่สุด เมื่อวารสารคณิตศาสตร์ประจำปีฉบับล่าสุดถูกปล่อยออกมา หอคอยที่สร้างมากว่าสองศตวรรษครึ่งก็เสร็จสิ้น
ลู่โจวไม่รู้ว่าวิทยานิพนธ์ที่กำลังทำและความฝันมากเท่าไหร่ที่ถูกเขาทำลายไป แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้สำคัญต่อเขา
ณ สถาบันขั้นสูง โรงอาหารชั้นแรก
เพื่อประหยัดเวลา ลู่โจวจึงทานข้าวที่นี่เกือบทุกวัน
“คุณทำเรื่องไม่ดีแล้ว” เอ็ดเวิร์ด วิตเตนกล่าวขณะนั่งอยู่ตรงข้ามลู่โจวด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่รู้หรอกว่ามีคนมากแค่ไหนที่สูญเสียโอกาสในการส่งวิทยานิพนธ์ขยะ”
“ใช่ เรื่องไม่ดี” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนเขาทำ’เรื่องไม่ดี’ไม่มากเท่าตาเฒ่าวิตเตน
ในปี 1980 ทฤษฎีเงื่อนเป็นที่นิยมมาก มันมีประเภทการไหลที่ต่างกันสามแบบ มีบรรทัดฐานกรุปที่ต่างกันมากมาย…สุดท้าย วิตเตนก็คิดวิธีทอพอโลยีประเภทไหลเฉือนขึ้นมา ทำให้ตระกูลทฤษฎีเงื่อนทั้งหมดถูกแก้ไข
แน่นอนการอธิบายว่ามันเป็น’เรื่องไม่ดี’นั้นเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ชายชราก็ทำ’เรื่องดี’มากมายเช่นกัน อย่างการสร้างทฤษฎี M ซึ่งช่วยร่นเวลาวิจัยฟิสิกส์เชิงทฤษฎีไปนับสิบปี
เอ็ดเวิร์ด วิตเตนถาม “ฉันรู้ว่าคุณจะไม่พัก แล้วถัดไปคืออะไร? คุณวางแผนจะวิจัยหัวข้อที่น่าสนใจอันไหน?”
ลู่โจวคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบ “วัสดุศาสตร์”
วิตเตนอึ้ง จากนั้นเขาก็ถาม “วัสดุศาสตร์? วัสดุศาสตร์อะไร?”
“พูดให้ถูกก็คือ วัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ” ลู่โจวกล่าว เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “ขณะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง ผมได้เข้าร่วมโปรเจกต์วิจัย ผมคิดว่าวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณมีศักยภาพมาก และผมก็คิดว่าผมทำอะไรบางอย่างได้”
วิตเตนยกนิ้วโป้งและยิ้มให้ “เข้าใจแล้ว คุณวางแผนจะสร้างวิชาให้ตัวเอง? นี่เป็นความคิดที่ท้าทายมาก”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ที่จริงมันไม่ใช่การสร้างวิชาใหม่ ผมแค่พัฒนาช่วงต้นของวิชานี้ ตามความเข้าใจของผม ผมอาจพัฒนาผลกระทบของวิชานี้ได้…บางทีมันอาจเป็นแค่การผลักดันหรืออุปสรรค หรือบางทีผมอาจทำ’เรื่องไม่ดี’มากขึ้น
ทั้งสองมองหน้ากันเองแล้วหัวเราะ
วิตเตนกระแอมแล้วกล่าว “ฉันไม่ค่อยสันทัดวัสดุศาสตร์ แต่ถ้าคุณสนใจวัสดุศาสตร์ออร์แกนิค ฉันขอแนะนำศาสตราจารย์พอล เจ ชีริค เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานี้”
ลู่โจวพยักหน้า “ขอบคุณครับ ผมจะเก็บเอาคำแนะนำของคุณไปพิจารณา อย่างไรก็ตามผมอาจรอกลับจากจีนก่อนค่อยคิด ผมทำงานหนักมานานแล้ว ผมอยากพัก”
วิตเตนกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ใช่ คุณจำเป็นต้องพักจริงๆ”
ลู่โจววางแผนไว้แล้วว่าจะใช้วิทยานิพนธ์ไหนทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ
เขาคาดการณ์ไว้ว่าตัวแทนสิทธิ์บัตรของเขาควรได้เรื่องแล้ว
ครั้งนี้ หลังกลับไปประเทศจีนและจัดการเรื่องปริญญาเสร็จ เขาจะมาจัดการกับเรื่องนี้
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
ลู่โจวหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเห็นว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก
“ผมขอรับสายนะ”
วิตเตนยิ้ม “เชิญเลย”
ลู่โจวรับสายและได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหู
“ฮัลโหล ลู่โจว เราโทรจากราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน”
ลู่โจวได้ยินชื่อนี้แล้วเงียบไปชั่วครู่ เขาสบสายตาที่สับสนกับวิตเตน
จากนั้น…
เขาก็ตะลึง
ราชบัณฑิตสภาด้านวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน?
เชี่ย!
บางที…
นี่คือตำนาน…
สายจากรางวัลโนเบล?!
………………………..