Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 25
ตอนที่ 25 ผมโกรธมาก
“…” ลู่โจวไม่ได้ตอบ
“อาจารย์เข้าใจ เธอต้องมีความคิดของเธอเอง” ศาสตราจารย์หลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวเสริม “มันก็เหมือนกับชุมชนวิจัยของอาจารย์ ทุกๆทีมจะมีเพื่อนร่วมทีมที่ไร้ประโยชน์อยู่เสมอ พวกเขาไม่สนใจเรื่องของโปรเจ็คเลย คนเหล่านี้มีอยู่ทุกที่”
“ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์มีทัศนคติดีมาก” หลินฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ทัศนคติอาจารย์ดี” ศาสตราจารย์หลิวกล่าว เขาโบกมือแล้วยิ้ม “อาจารย์แค่ชินแล้ว”
เขาตบบ่าลู่โจวแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอต้องเข้าใจว่าอันดับหนึ่งคือเป้าหมายเดียวของเรา มันอาจดูไม่ยุติธรรมที่ต้องทำงานมากขึ้น แต่นี่เป็นเพียงเส้นทางแห่งการเรียนรู้”
ลู่โจวคิดสักพักแล้วพยักหน้า “ตกลงครับ ผมเข้าใจ ผมจะรับผิดชอบในการเขียนแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และเขียนวิทยานิพนธ์ แต่ผมมีเงื่อนไขนึง”
“พูดมาเลย” ศาสตราจารย์หลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมอยากลดจำนวนฝึกกลุ่มแล้วเปลี่ยนเป็นฝึกเดี่ยว เราไว้เน้นฝึกกลุ่มตอนใกล้แข่งเอา” ลู่โจวกล่าว เขาหยุดสักครู่ก่อนจะกล่าว “ด้วยวิธีนี้ ตารางการฝึกผมจะยืดหยุ่นได้มากขึ้น”
การให้ทุกคนมาฝึกร่วมกันมันจะเสียเวลามากเกินไป
ลู่โจวยังต้องทำงานตัวเองอีก
“ไม่มีปัญหา แผนเดิมของอาจารย์ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน” หลิวเซี่ยงผิงตอบด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนเดินกลับเข้าห้องคอมพิวเตอร์
สุดท้ายลู่โจวก็เป็นคนเขียนวิทยานิพนธ์
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มีประสบการณ์จากการส่งวิทยานิพนธ์SCIและเขาก็ค้นคว้าเสร็จไปมากเนื่องจากภารกิจของระบบ เมื่อพูดถึงการเขียนวิทยานิพนธ์คนเดียว ไม่ต้องพูดถึงคนไร้ประโยชน์อย่างหลินอวี่เซียง แม้แต่นักศึกษาปีสองหวังเสี่ยวตงก็เทียบเขาไม่ได้
แน่นอนวันนี้เป็นแค่การฝึก มันไม่จำเป็นต้องทำวิทยานิพนธ์ให้สวยเลิศให้ตรงกับมาตรฐานของการแข่งขัน เค้าโครงจำเป็นต้องมีสิบถึงยี่สิบหน้า มันไม่อาจเสร็จในวันเดียว
ลู่โจวเขียนส่วนสำคัญของ’สมมติฐานแบบจำลอง’และ’วิเคราะห์โจทย์’ตามรูปแบบของวิทยานิพนธ์การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ส่วนหัวข้อที่ไม่สำคัญ เขาเขียนแค่หัวข้อแล้วข้ามไป
หลิวอวี่เซียงมองวิทยาพนธ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วกล่าวขอบคุณลู่โจวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอกล่าวอย่างน่าสงสารว่าวันนี้เธอเสียใจมากที่เป็นตัวถ่วงของทุกคนและเธอจะพยายามตามทุกคนให้ทัน
ลู่โจวไม่ได้ตอบ แต่ในใจเขา เขาถอนหายใจ
สู้ๆละกัน!
หลังจากแยกย้ายกัน ลู่โจวก็ปฏิเสธการเลี้ยงข้าวของหลินอวี่เซียง
เขาถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คแล้วเดินไปห้องสมุด จากนั้นก็เริ่มเขียนวิทยานิพนธ์อย่างบ้าคลั่ง
เฉินยู่ซานนั่งข้างเขา นอกจากเธอจะถามโจทย์เขาข้อสองข้อเป็นครั้งคราว เธอก็ตั้งใจแก้โจทย์ของตนเองเช่นกัน แม้ว่าเธอจะสงสัยมากว่าทำไมเอกคณิตอย่างเขาต้องมาเขียนวิทยานิพนธ์วิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เธอก็ไม่ได้ถามว่าทำไม
เขาเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วบิดขี้เกียจ ลู่โจวกำลังจะไปห้องน้ำ แต่แล้วจู่ๆโทรศัพท์บนโต๊ะก็สั่น
ลู่โจวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของเจ้าอ้วนอู๋ เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเดินไปห้องน้ำของห้องสมุด
เขารับสายแล้วเอนตัวพิงหน้าต่าง
“ว่าไง?”
“ฉันเอง อู๋ต้าไห่ อาทิตย์นี้นายว่างไหม?”
น้ำเสียงจริงใจของเจ้าอ้วนอู๋ดังมาจากโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาคนไปทำงาน
เขาเป็นนักศึกษาปีสาม แต่เขาไม่ได้สนใจการสอบเข้าปริญญาโทเลย เขาไม่หางานด้วยเช่นกัน เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการทำงานและไม่เคยมามหาลัย ถ้าเขาไม่มีบัตรนักศึกษา ลู่โจวคงสงสัยว่าเขาเป็นนักศึกษามหาลัยจินหลิงจริงไหม
“งานแบบไหน?” ลู่โจวถาม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยุ่งมาก แต่ถ้าค่าตอบแทนสูง เขาก็ยังเก็บไปพิจารณาอยู่
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก
“จินหลิงเปิดตัวอพาร์ทเม้นท์ใหม่และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องการคนแจกใบปลิว ยี่สิบหยวนต่อชั่วโมง พวกเขาต้องการคนทั้งอาทิตย์ นายมาไหม?” อู๋ต้าไห่ถาม
“…ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง ฉันคงไปไม่ได้” ลู่โจวกล่าวเสียงแผ่ว แม้ว่าลู่โจวจะตื่นเต้นเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องนึกถึงวิทยานิพนธ์อีกเก้าฉบับที่เขาต้องเขียน
“ไม่เป็นไร งั้นฉันจะไปหาคนอื่น” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว เขาไม่สนใจนัก “ไปทำธุระของนายเถอะ”
ลู่โจววางสายแล้วทำธุระส่วนตัว จากนั้นเขาก็กลับเข้าห้องสมุด
เมื่อเขากลับมาที่เก้าอี้ เขาก็เห็นกระดาษทดอยู่ใต้คีย์บอร์ดแล้วเฉินยู่ซานก็กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เธอตั้งหน้าตั้งตารอเขาอยู่ เมื่อเขาเห็นสีหน้าของเธอ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาหยิบปากกาขึ้นมาแก้โจทย์
การหาผลเฉลยทั่วไปของโจทย์สมการเชิงอนุพันธ์ค่าสัมประสิทธิ์คงที่กำลังสองเป็นหัวข้อที่ค่อนข้างยากในพีชคณิตขั้นสูง เมื่อรวมคะแนนหลายหมวดอย่างฟังก์ชั่นตรีโกณมิติ อินทิกรัล อนุพันธ์ ปกติมันจะถูกใช้เป็นคำถามใหญ่สองข้อสุดท้ายหรือข้อสุดท้ายในการสอบ
อย่างไรก็ตามสำหรับลู่โจวมันไม่ได้ท้าทายอะไรเลย
เขาไม่ได้คุยโว ไม่มีโจทย์คณิตศาสตร์ระดับสูงข้อไหนที่เขาแก้ไม่ได้
เฉินยู่ซานมองลู่โจวแก้โจทย์แล้วถามเสียงเบา “เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ?”
“รุ่นพี่ เขามาให้งานผม” ลู่โจวตอบอย่างรวดเร็ว
“นายยังทำงานอยู่?” เฉินยู่ซานถามด้วยแววตาเบิกกว้าง เธอถามเสียงเบา “แต่ฉันเห็นนายอยู่ห้องสมุดทั้งวัน…”
“ช่วงนี้ผมทำงานน้อยลง ครั้งก่อนผมทำงานตอนกลางคืน…” ลู่โจวกล่าว เขาหยุดปากกาแล้วกล่าวเสริม “มันเป็นงานแยกพัสดุ”
“ทำไมนายต้องเสริมด้วย?” เฉินยู่ซานถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีเหตุผล…ผมแก้เสร็จแล้ว”
ลู่โจวกล่าวและส่งกระดาษทดคืนให้เธอ เขาใช้เวลาน้อยกว่าสามนาทีเพื่อแก้โจทย์นี้ มันเร็วมาก นักศึกษาปกติอาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงเพื่อแก้โจทย์ระดับนี้
“อ๊ะ ขอบคุณ…ฉันหวังว่านายจะไม่ว่าที่ฉันถาม แต่นายมีเบี้ยเลี้ยงไม่พอเหรอ?” เฉินยู่ซานถามและรับกระดาษทดคืนมา
“…คุณจะว่าแบบนั้นก็ได้” ลู่โจวตอบ
ฉันไม่เคยมีเบี้ยเลี้ยงด้วยซ้ำ
เฉินยู่ซานพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจ จากนั้นเธอก็พูด “งั้น…ฉันมีงานให้นาย มันง่ายกว่าการแยกพัสดุ นายอยากทำไหม?”
ลู่โจวกำลังพิมพ์ แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดชะงักแล้วหันไปมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ “ไม่ใช่สอนคณิตให้คุณหรอกใช่ไหม?”
“คณิตฉัน…ความคิดดี!” เฉินยู่ซานกล่าว เธอเกือบพูดเสียงดังแล้ว แต่เธอก็จำได้ว่าเธอกำลังอยู่ในห้องสมุด เธอใจเย็นลงแล้วกล่าวเสียงเบา “เป็นงานสอนคณิต แต่ไม่ใช่สอนฉัน ฉันมีลูกพี่ลูกน้องที่ยังเรียนมัธยมปลาย เธออยู่ในเมืองจินหลิง อยู่ใกล้มหาลัยของเรา เธอจะขึ้นม.5แล้ว แต่ผลการเรียนของเธอย่ำแย่ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ ป้าฉันเป็นห่วงการเรียนของเธอมาก ดังนั้นเธอจึงขอให้ฉันหาติวเตอร์ให้ โดยเฉพาะติวเตอร์ที่เก่งคณิต…”
เฉินยู่ซานมองลู่โจวเชิงขอโทษ “ตอนแรกฉันตั้งใจจะชวนเพื่อนร่วมชั้น แต่เธอเตรียมสอบเข้าปริญญาเอก เธอจึงไม่มีเวลา นอกจากนี้มันก็ผ่านมานานมากแล้ว เธอจึงลืมความรู้ม.ปลายไปหมดแล้ว ฉันคิดว่า…นายดูไม่ค่อยมีพิษมีภัย ดังนั้นฉันจึงมาถามนายว่าช่วงวันหยุดฤดูร้อนนายว่างไหม…”
ลู่โจว “???”
ไม่เป็นพิษเป็นภัยคืออะไรเนี่ย? เธอกำลังบอกว่าฉันหล่อใช่ไหม?
หลังจากนั้นสักพัก ลู่โจวก็ไม่ได้ทำอะไร เฉินยู่ซานกล่าวเสียงเบา “ไม่มีเวลา? ฉันจะไปถามคนอื่น…”
“ค่าจ้างเท่าไหร่?” ลู่โจวถาม เขาอยากทราบค่าแรงก่อนตอบเธอ
ตอนแรกเขาวางแผนทำงานตลอดช่วงวันหยุด ทำงานให้เจ้าอ้วนอู๋หรือผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน
เฉินยู่ซานคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “200หยวนต่อชั่วโมง มีค่ารถให้ ตั้งแต่เดือนกรกฏา ไปทุกวันเสาร์”
“เท่าไหร่นะ???”
“200หยวน…อะไรนะ?”
ลู่โจวได้ยินแบบนั้น เขาก็วางมือไว้บนคีย์บอร์ดแล้วเงียบ
“มันน้อยเกินไป?” เฉินยู่ซานถาม เมื่อเธอเห็นว่าเขาเงียบไปสักพัก เธอก็คิดว่ามันน้อยเกินไป เธอกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “ฉันอาจขอป้าฉัน…”
“ไม่จำเป็น” ลู่โจวกล่าว เขาจับมือเธอ “ตกลง”
“แล้วทำไมนายถึงทำหน้าจริงจังล่ะ? ฉันคิดว่ามันน้อยเกินไปซะอีก” เฉินยู่ซานกล่าว เธอโล่งใจและกลอกตามองลู่โจว
“ไม่มีอะไร ผมแค่รู้สึกว่า…” ลู่โจวกล่าว เขามองเพดานแล้วถอนหายใจเบาๆ “ผมโกรธมาก”