Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 26
ตอนที่ 26 ฉันเป็นใคร? ฉันอยู่ไหน? ฉันกำลังเขียนอะไร?
“…แม่ ฤดูร้อนปีนี้ผมไม่กลับนะ”
“ครับ…เรื่องเป็นแบบนี้ ศาสตราจารย์แนะนำให้ผมเข้าร่วมการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ระดับประเทศ มหาลัยมีฝึกช่วงฤดูร้อน…ไม่ต้องครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย มหาลัยจ่ายให้แล้ว! ช่วงปีใหม่ผมจะกลับบ้าน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมแข็งแรงมาก ไม่ต้องห่วง!”
“…แม่ไม่ต้องให้เงินผม ผมยังมีเงินจากทุนเทอมที่แล้ว แถมตอนว่างๆผมยังทำงานพาร์ทไทม์ด้วย พ่อกับแม่เก็บเงินให้ถงถงเถอะ ถ้าน้องเข้ามหาลัย แม่ต้องหมดเงินอีกเยอะ”
“…ครับ แค่นี้แหละครับ”
ลู่โจวหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขาเอนตัวพิงราวระเบียงในหอพักแล้ววางสาย
ทุกคืนวันอาทิตย์เขาจะโทรหาที่บ้าน
จะว่าไปแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วมาก
ลู่โจวรำพึงรำพันขณะมองดูดวงดารานอกหน้าต่าง
เขาเกือบจบปีหนึ่งแล้ว น้องสาวเขากำลังเข้าม.ห้า ซึ่งมันเป็นระดับชั้นที่สำคัญที่สุดในช่วงมัธยมปลาย
ไม่เหมือนกับเขา น้องสาวเขาเรียนศิลปศาสตร์
ข้างระเบียงเป็นห้องน้ำ หวงกวงหมิงกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน แต่แล้วเขาก็กล่าวขึ้นมา “พี่ชายภรรยา โทรหาที่บ้านเหรอ?”
ลู่โจวช็อคไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็กล่าว “นายอยากออกมารึเปล่า? รอเดี๋ยว ฉันจะเอาไม้กวาดมาล็อคประตูไว้”
“เชี่ย ฉิบหาย พี่ใหญ่โจว โปรดเมตตาด้วย ฉันผิดไปแล้ว อ้ากกก~ ถ้านายไม่ปล่อยฉัน ฉันจะเริ่มร้องเพลงในห้องน้ำแล้ว”
หวงกวงหมิงอ้าปากกว้างแล้วเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงร้องโหยหวน
“ว้ากกกก ห้าวง เธอเป็นหนึ่งวงที่มากกว่าสี่~~”
(ผู้แปล : คิดซะว่ามันเป็นเพลง)
เชี่ย!
มันเป็นเสียงราวกับไก่กำลังถูกเชือด ลู่โจวขนลุกทั่วร่าง เขาหันหลังกลับแล้วปิดประตูระเบียงก่อนจะตรงเข้าไปในหอพัก
อย่างไรก็ตามกำแพงห้องน้ำกันเสียงไม่ค่อยดี มันจึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ทั้งสองคนที่อยู่ในหอพักได้ยินเสียงร้องเพลงก็โมโหทันที โดยเฉพาะหลิวรุ่ยที่ชอบพูดเกินจริง เขาทิ้งตัวบนโต๊ะจับกรามค้างไว้แล้วตะโกน “บัดซบ! แกร้องเพลงเพื่อ? อ้ากปวดฟัน!”
ในช่วงวิกฤตและตื่นตระหนก สือช่างก็ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วขึ้นไปยืน เขาตะโกน “สหายอย่าตื่นตระหนก! ฉันจะไปหยุดเจ้าชั่วนั่นเอง!”
“ไสหัวไปเลย!”
เป็นไปตามคาด เขาหมดคำพูด
ลู่โจวรำคาญมาก เขากำลังจะลากเจ้าหมอนี่เข้าห้องน้ำแล้วกระทืบเขาพร้อมกับหวงกวงหมิง
ทำไมฉันถึงเป็นคนปกติคนเดียวที่อยู่ในหอพักนี้นะ?
อ้า น่าอึดอัดจริงๆ!
…..
ในช่วงสองสัปดาห์นี้ ลู่โจวนั่งเขียนวิทยานิพนธ์อยู่ที่ห้องสมุด ไม่ก็อยู่ระหว่างทางห้องสมุดหรือนั่งอยู่ในห้องสอบ
ระหว่างช่วงอาทิตย์สุดท้ายในการสอบ ไม่มีใครมีความมั่นใจเท่าเขา
ไม่เหมือนพวกเขา เขามีความสามารถพอที่จะมั่นใจ
อย่างที่เขาประเมิณไว้ เขาผ่านภาษาอังกฤษอย่างไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ภาษา C ก็เหมือนกัน นอกจากคําถามเชิงสร้างสรรค์ มันก็แทบไม่มีความยากเลย มันเหมือนกับว่าความรู้ที่ได้มาจากภารกิจถูกสลักไว้ในสมองและเขาจะไม่มีวันลืม
อย่างไรก็ตามระหว่างสอบประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ลู่โจวก็แข็งค้างโดยสมบูรณ์
เขาเปิดกระดาษสอบแล้วจ้องมองคำถามแรก
ฉันคือใคร?
ฉันอยู่ไหน?
ฉันกำลังเขียนอะไร?
เขาพยายามถามระบบ แต่ระบบก็ไม่ตอบสนอง ไม่ว่าเขาจะให้แต้มทั่วไปมากเท่าไหร่ แต่คำถามสังคมศาสตร์ประเภทนี้ไม่มีอยู่ในฐานความรู้ของระบบ
โชคดีที่ลู่โจวรู้เรื่องประวัติศาสตร์เล็กน้อย เขาแค่ต้องหาทิศทางไป มันไม่สำคัญว่าเขาจะเชื่อว่าที่เขาตอบไปจะถูกไหม แต่ตราบใดที่เขาตอบคำถามก็พอแล้ว
ส่วนคำตอบจะถูกไหมนั้น มันขึ้นอยู่กับปลายปากกาของอาจารย์
สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่พยายามให้ดีที่สุด!
สามวันหลังสอบประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ในที่สุดลู่โจวก็ส่งวิทยานิพนธ์ฉบับสุดท้าย
เขาทำงานอย่างบ้าคลั่งในช่วงสามสัปดาห์นี้จนถึงขั้นตัวซูบผอม แต่เมื่อเขาดูผลงานของตน เขาก็รู้สึกค่อนข้างสำเร็จ
วิทยานิพนธ์SCIสามฉบับต่อหนึ่งอาทิตย์ วิทยานิพนธ์SCIสิบฉบับใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ!
ฉันอยากถามว่าใครจะทำเช่นนี้ได้บ้าง?
ห๊ะ?
หลังจากรอมาสามวันอย่างร้อนรน วิทยานิพนธ์อันสุดท้ายก็ผ่านขั้นตอนตรวจสอบจนได้
เมื่อลู่โจวได้รับอีเมลล์ตอบกลับ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะไม่มีปัญหาจริงๆหรือที่ส่งวิทยานิพนธ์ต่ำกว่ามาตรฐานจำนวนมากขนาดนี้ นอกจากนี้วิทยานิพนธ์ทั้งหมดยังมีชื่อคนเขียนเหมือนกัน จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ใช่ไหม?
บางทีระบบอาจช่วยเขาแจกจ่ายต้นฉบับไปยังผู้ประเมิณที่แตกต่างกัน
ลู่โจวรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเข้าสู่มิติขาวบริสุทธิ์ของระบบ เขารีบเดินไปที่หน้าจอข้อมูลกึ่งโปร่งใส
[โฮสต์ขอแสดงความยินดีที่ทำภารกิจสำเร็จ]
[รายละเอียดภารกิจที่สำเร็จ : โฮสต์ประสบความสำเร็จในการส่งวิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์ 1 ฉบับ วิทยานิพนธ์วิทยาการสารสนเทศ 9 ฉบับ เหลือเวลาอีก 39 วัน ผลประเมิณ : S+ มอบ’ภารกิจรางวัล’ให้เพิ่มเติม]
เขาได้แรงค์ S+ จริงๆด้วย
รางวัลเพิ่มเติม…จริงๆแล้วมันเป็นภารกิจรางวัล!
ลู่โจวมองไปที่ตัว S+ และรางวัลพิเศษบนหน้าจอข้อมูลด้วยความตื่นเต้น เขาตื่นเต้นมากจนลืมเรื่องอื่นไปหมด
แม้เขาจะไม่รู้ว่าภารกิจรางวัลคืออะไร แต่เขารู้ว่าถ้าจะซื้อเขาต้องจ่ายถึง 1000 แต้มทั่วไป!
[รางวัลภารกิจ : แต้มประสบการณ์คณิตศาสตร์ 100 แต้ม แต้มประสบการณ์วิทยาการสารสนเทศ 900 แต้ม แต้มทั่วไป 800 แต้ม ตั๋วเสี่ยงโชค 1 ใบ(ขยะ90% ตัวอย่าง9% พิมพ์เขียว1%)]
[การแจ้งเตือน : คณิตศาสตร์ ระดับ 0 → ระดับ 1 วิทยาการสารสนเทศ ระดับ 0 → ระดับ1]
ในที่สุดเขาก็เพิ่มระดับสาขาคณิตศาสตร์บัดซบนี่ได้!
หัวใจของลู่โจวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันไม่ใช่เพราะเขาเพิ่มระดับเท่านั้น แต่เพราะในที่สุดเขาก็ก้าวข้ามเพดานคณิตศาสตร์ นี่หมายความว่าในที่สุดเขาก็ออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นและขีดจำกัดของสาขาอื่นๆจะปลดล็อคระดับ 1 แล้ว
เพียงแต่…
เมื่อเขาระดับเพิ่มขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมเลย เขาคิดว่ามันจะคล้ายกับการใช้แต้มทั่วไปแลกเปลี่ยนเป็นความรู้ของวิทยานิพนธ์ ซึ่งระบบจะเทความรู้ลงในสมองเขา อย่างไรก็ตามมันแตกต่างกัน
เขาไม่ได้รู้สึกเลยว่าสมองเขามีความรู้ที่เขาไม่เคยเห็น
“ดูเหมือนว่าระดับสาขาวิชาของระบบจะไม่ได้หมายถึงความเชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ แต่ฉันแค่มีอำนาจในการเปิดฐานข้อมูลความรู้เพิ่มขึ้น? แถมฉันยังต้องใช้คะแนนทั่วไปในการเข้าถึง’ฐานข้อมูล’นี้? ฉันสงสัยว่ามันจะมีส่วนลดให้คำถามระดับต่ำๆไหม”
ลู่โจวลูบคางแล้วนึกถึงรายละเอียดข้อคาดการณ์ของรีมันน์ในใจอย่างเงียบๆ เขาสั่งระบบให้ประเมิณราคา
อย่างไรก็ตามเป็นเหมือนทุกที ระบบไม่ตอบสนอง
“ฉันคิดว่าคณิตศาสตร์ระดับ 1 ยังไม่สูงพอที่จะแก้ข้อคาดการณ์ของรีมันน์”
ลู่โจวคิดอยู่ชั่วครู่แล้วกล่าว “แล้วข้อคาดการณ์ของบีลล่ะ?”
ข้อคาดการณ์ของบีลคือทฤษฏีทั่วไปของทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา ว่ากันว่ารางวัลในการแก้ข้อคาดการณ์ของบีลคือหนึ่งล้านเหรียญ ครั้งก่อนเขาพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยพลังของระบบ แต่ระบบก็ไม่ตอบสนอง
[คะแนนทั่วไปที่ต้องการ : 5000 ระดับคณิตศาสตร์ที่ต้องการ : ระดับ 2]
ลู่โจวเห็นตัวเลขนี้แล้วหัวเราะ เขายกเลิกความคิดนี้ทันที
ทำไมมันถึงแพงแบบนี้?
อย่างน้อยครั้งนี้ระบบก็ให้ราคา ดูเหมือนว่าที่เขาคิดไว้จะถูกต้อง การเพิ่มระดับสาขาวิชามันแค่การปลดล็อคฐานข้อมูลของระบบไฮเทคจริงๆ อย่างไรก็ตามถ้าคุณอยากดูฐานข้อมูล คุณก็ยังต้องใช้แต้มทั่วไป