Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 261 เริ่มการเป็นศาสตราจารย์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 261 เริ่มการเป็นศาสตราจารย์
บรรณาธิการสองท่านในฝ่ายบรรณาธิการของเนเจอร์เคมิสทรีกำลังทำต้นฉบับที่ได้รับมาใหม่
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นหนึ่งในวารสารชั้นนำของโลก ทุกต้นฉบับที่พวกเขาได้รับต้องผ่านการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน
แม้ว่าจุดหมายของวิทยานิพนธ์ส่วนใหญ่จะเป็นถังขยะ แต่ก็มีวิทยานิพนธ์บางฉบับที่ยอดเยี่ยม
ทันใดนั้นเอง เควิน ที่กำลังอ่านต้นฉบับอยู่ก็ร้องตะโกน
“ไม่น่าเชื่อ…มีคนแก้ลิเธียมเดนไดรต์ได้?!”
เสียงของเควินดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมงาน
เคอรี่แมนที่กำลังถือถ้วยกาแฟอยู่ลุกขึ้นยืนและเดินมาข้างโต๊ะคอมของเควิน เขาดันกรอบแว่นและมองบนหน้าจอคอม “ไม่อยากจะเชื่อเลย…ถ้ามันเป็นความจริง อุตสาหกรรมแบตเตอรี่จะผ่านการปฏิวัติทางเทคโนโลยี”
คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงเลย
ตอนนี้ปัญหาคอขวดที่จำกัดแบตเตอรี่ลิเธียมก็คือปัญหาลิเธียมเดนไดรต์ สิ่งนี้ประยุกต์ได้ทั้งระเบิดแบบพกพาหรือแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ปัญหาคือใครที่สามารถแก้’ส้อมเงิน’ที่เจาะไดอะแฟรมได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงวัสดุอิเล็กโทรดขั้วลบเล็กๆ แต่มันก็ประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง
แน่นอนหลักฐานก็คือวิทยานิพนธ์นี้เป็นจริง
บรรณาธิการทั้งสองจ้องมองวิทยานิพนธ์ฉบับนี้อยู่พักใหญ่ๆ ไม่มีใครตัดสินใจได้
รูปแบบของวิทยานิพนธ์ไม่มีปัญหาเลย การเขียนก็ไม่มีข้อผิดพลาดเช่นกัน ประเภทของการทดลองก็สอดคล้องกับ’เนเจอร์’ แต่ปัญหาก็คือการทดลองนี้เกือบ’ไฮเทคเกินไป’ ทุกคนกำลังศึกษาวิธียับยั้งการเติบโตของลิเธียมเดนไดรต์ แต่ชายคนนี้แก้ได้แล้ว?
ดังนั้นบรรณาธิการทั้งสองจึงลังเล
เคอรี่แมนยืนอยู่ข้างหลังเควิน “คุณคิดยังไง?”
เควินขมวดคิ้ว “ฉันไม่รู้ ตัววิทยานิพนธ์เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แน่นอนว่ามันเป็นความก้าวหน้าของการวิจัยลิเธียมเดนไดรต์ แต่…อ้างอิงจากวิทยานิพนธ์ ฉันยังสรุปอะไรไม่ได้”
เคอรี่แมนกล่าว “ผู้เขียนมาจากพรินซ์ตัน”
เควินถอนหายใจ “ฉันเข้าใจ เขาเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ ไม่นานมานี้เขาพึ่งชนะรางวัลครอว์ฟอร์ด อย่างไรก็ตามฉันได้ค้นคว้าและพบวิทยานิพนธ์วัสดุศาสตร์ฉบับเดียวที่เขาเขียน”
เคอรี่แมนหยุดชั่วครู่ “ชื่อเสียงทางวิชาการของศาสตราจารย์ลู่โจวสูงมาก ดังนั้นฉันคิดว่าเขาคงไม่ทำพลาดหรอก”
เควิน “งั้นคำแนะนำของคุณคือ?”
เคอรี่แมนกล่าว “คำแนะนำของฉันคือถ้าวิทยานิพนธ์ไม่มีปัญหา และตรงตามข้อกำหนดของวารสาร งั้นเราควรโยนไปให้ผู้เชี่ยวชาญต่อ ถ้าผู้เชี่ยวชาญคิดว่ามันไม่มีปัญหา งั้นเราก็น่าจะไม่เป็นไร”
มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของวารสาร
เควินกล่าว “งั้นคุณคิดว่าใครเหมาะสม?”
“ศาสตราจารย์ MIT มองกิ จี บาเวนดิ เขาเชี่ยวชาญด้านการวิจัยแบตเตอรี่ ฉันคิดว่าเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม” เคอรี่แมนกล่าว เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “เนื่องจากเขาตรวจสอบวิทยานิพนธ์วัสดุศาสตร์ชิ้นก่อนของลู่โจว ฉันคิดว่าความเห็นของเขาสำคัญ”
เควินคิดชั่วครู่ เขาคิดไอเดียที่ดีกว่านี้ไม่ออก
“งั้น…เราจะทำตามคำแนะนำของคุณ”
…
หนึ่งสัปดาห์หลังส่งวิทยานิพนธ์ก็มีข่าวดีมาจากเนเจอร์ วิทยานิพนธ์ของลู่โจวผ่านการตรวจสอบจากบรรณาธิการเฉพาะทางและเข้าสู้ขั้นตอนพิชญพิจารณ์
เมื่อได้ข่าวนี้ ลู่โจวก็โล่งอก
อย่างน้อยวิทยานิพนธ์ของเขาก็ไม่เหมือนวิทยานิพนธ์เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่โดนปฏิเสธ เพราะ’ไม่สอดคล้องกับความสนใจของผู้อ่าน’หรือ’งานวิจัยไม่สร้างสรรค์มากพอ’
แม้เนเจอร์จะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็มีวารสารเคมีอินทรีย์มากมายที่ลู่โจวเก็บไปพิจารณา อย่างไรก็ตามเป้าหมายของลู่โจวคือส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่ของตน ดังนั้นมันจึงไม่มีวารสารอื่นแล้วที่มีระดับปัจจัยกระทบเท่าเนเจอร์
ตอนนี้วิทยานิพนธ์ของเขาอยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญแล้ว มันน่าจะง่ายขึ้นมาก ลู่โจวเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญจะประเมินวิทยานิพนธ์ของเขาอย่างเป็นธรรม
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็มาถึงวันที่สิบห้ากรกฎาคม
ตามคำขอของลู่โจว นักศึกษาปริญญาโททั้งสามของเขาคงมาถึงพรินซ์ตันแล้ว
นักศึกษาทั้งสามมีเวร่าจากเบิร์กลีย์ ฉินเยว่จากจีน และฮาร์ดี้ ไคลฟ์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ลู่โจวมีความประทับใจที่ดีต่อเวร่า และเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากจากตอนที่เขาพบในเบิร์กลีย์ เธอยังเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่แข็งแกร่ง
ฉินเยว่ก็เหมือนกัน เขาสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมและสุภาพมาก แต่ไม่ค่อยเข้าสังคมนัก อย่างไรก็ตามลู่โจวก็ได้ยอมรับความสามารถทางคณิตศาสตร์ของอีกฝ่าย
ส่วนคนบราซิล ฮาร์ดี้ ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขาไม่เท่าเวร่ากับฉินเยว่ แต่เขาก็ยังมีพรสวรรค์
ลู่โจวอยากพัฒนาข้อกำหนดและแผนฝึกอบรมที่แตกต่างกันให้แต่ละคน
มีอาจารย์ที่ปรึกษาไม่มากนักที่มีความรับผิดชอบเท่าเขา
ลู่โจวใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายช่วยนักศึกษาทั้งสามจัดการที่พักและลงทะเบียน จากนั้นเขาก็พาทุกคนไปออฟฟิศแล้วเริ่มวางแผนทำงานเดือนหน้า
“คุณมีพรสวรรค์และความสามารถไม่เลว แต่พวกคุณยังอยู่ไกลกว่าที่ผมต้องการ”
ลู่โจวให้ความสนใจอย่างระมัดระวัง ไม่มีนักศึกษาคนไหนที่มีสีหน้าไม่พอใจ บางคนก็มองเขาด้วยความชื่นชม…
เขากระแอมแล้วพูดต่อ “…ก่อนเดือนกันยายน ฉันจะไม่ให้พวกคุณแตะต้องโปรเจกต์ฉัน เพราะระดับของพวกคุณ ทำได้อย่างมากก็แค่การชงกาแฟให้ฉัน ฉันจะจัดตารางเรียนให้พวกคุณ ถ้าใครผ่านการสอบเดือนสิงหาคม แล้วฉันจะให้เข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยของฉัน…”
“…โปรเจกต์วิจัยนี้จะติดตามคุณตลอดการศึกษาระดับปริญญาโท ฉันไม่ขอให้คุณทำให้เสร็จ แต่คุณต้องแสดงผลลัพธ์ให้เห็น อย่างน้อยผลลัพธ์ของคุณต้องคู่ควรกับคณิตศาสตร์ประจำปี แน่นอนฉันจะช่วยและวิจัยไปกับพวกคุณ แต่งานส่วนใหญ่พวกคุณต้องทำกันเอง ฉันจะให้คำแนะนำและแนวคิดเท่านั้น”
ลู่โจวเรียนรู้คำพูดพวกนี้มาจากศาสตราจารย์หรู
อย่างไรก็ตามพรินซ์ตันก็มีมาตรฐานของพรินซ์ตัน
ระหว่างการสัมภาษณ์ ลู่โจวเตือนพวกเขาแล้วว่า เขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขาผ่านปริญญาโทง่ายๆ ทุกวันจะเต็มไปด้วยสาระ
ฉินเยว่ถาม “แล้วถ้าเกิดมีคนไม่ผ่านการสอบล่ะครับ?”
“ถ้าคุณอยากเข้าร่วมโปรเจกต์ คุณก็ต้องผ่านการสอบ ถ้าคุณไม่ผ่าน แปลว่าคุณไม่จบการศึกษา?”
การเรียนต่างประเทศเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ดังนั้นฉินเยว่ย่อมกังวลกับปัญหานี้
ลู่โจว “งั้นคุณก็ต้องเรียนและมาชงกาแฟให้ฉันจนกว่าจะผ่านการสอบ แต่ฉันคิดว่าคุณควรมั่นใจกว่านี้หน่อย เหตุผลที่ฉันเลือกพวกคุณก็เพราะฉันคิดว่าพวกคุณทำตามข้อกำหนดของฉันได้”
เมื่อเทียบกับฉินเยว่ ฮาร์ดี้ทะนงเล็กน้อย เขาไม่กังวลเรื่องสอบด้วยซ้ำ กลับกันเขาเอ่ยถามแทน “ศาสตราจารย์ โปรเจกต์เกี่ยวกับอะไร?”
แน่นอนลู่โจวไม่เปิดเผยโปรเจกต์โดยตรง เขาแค่ยิ้ม
“มันเกี่ยวกับลูกเห็บ”
…………………………………..