Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 บางที นี่คือพรสวรรค์?
“โจว หลิวรุ่ย เราจะไปแล้ว พวกนายดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“เจอกันสองเดือนหน้า”
สือช่างกับหวงกวงหมิงถือกระเป๋าเดินทางและโบกมือลา พวกเขาจากไป มีเพียงหลิวรุ่ยกับลู่โจวเท่านั้นที่อยู่ในหอพักอันกว้างขวาง
วันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น
ภายในหนึ่งสัปดาห์ มันก็กลายเป็นมหาลัยร้าง จนกว่าจะถึงสิ้นเดือนสิงหาผู้คนถึงจะเริ่มกลับมามหาลัย มีแต่ตอนนั้นเท่านั้นมหาลัยถึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่นักศึกษาจะกลับมาเท่านั้น แต่นักศึกษาใหม่ก็มาถึงด้วยเช่นกัน
ลู่โจวลงสมัครเรียนซัมเมอร์ เขาบอกลาหลิวรุ่ยแล้วออกจากหอพักพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค ก่อนอื่นเขาไปยื่นใบสมัครที่ศูนย์หอพักก่อนจะตรงไปห้องสมุด
รูปแบบการเรียนของมหาลัยจินหลิงนั้นเข้มข้นมาก แม้ว่าจะมีนักศึกษาจำนวนมากกลับบ้าน แต่ห้องสมุดก็ยังเต็มไปด้วยนักศึกษาที่กำลังเรียนเพื่อสอบเข้าปริญญาโท กองหนังสือที่ถูกกองอยู่บนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าก็เพื่อป้องกันไม่ให้ที่นั่งถูกแย่งไป
ลู่โจวอดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้ทำอะไรอยู่ หนังสือเริ่มฝุ่นเกาะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกลับมานั่ง
ลู่โจวเห็นว่าที่นั่งประจำเขาถูกหนังสือยึดไปแล้ว เขาจึงจะไปหาที่นั่งใหม่ แต่แล้วเขาก็เห็นเฉินยู่ซานนั่งอยู่ข้างๆเก้าอี้ตัวนั้น เธอรีบหยิบหนังสือเหล่านั้นออกแล้วโบกมือให้เขา
ลู่โจวตระหนักว่าเธอจองที่ไว้ให้เขา
เขารับข้อเสนอเธอแล้วเดินเข้าไป
ลู่โจววางโน๊ตบุ๊คลงบนโต๊ะ เขาไม่ได้นั่งลงทันที กลับกันเขาไปที่ชั้นหนังสือแทน
เขาจำเนื้อหาของหนังสือในรายชื่อได้ หลังจากลังเลเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็หยิบหนังสือ[พีชคณิตเชิงเส้น(ฉบับตีพิมพ์ในประเทศ)]
ระบบเน้นย้ำตำแหน่งของหนังสือโดยใช้ภาพโฮโลแกรมที่มีแต่เขาเท่านั้นที่เห็น น่าเสียดายที่ระบบไม่ได้บอกคะแนนคุณค่าของหนังสือ เขาแค่ใช้ดุลพินิจของตนเองเพื่อกำหนดลำดับการอ่าน
ลำดับการอ่านมีความสำคัญเพราะเนื้อหาความรู้ที่แตกต่างกันมันมีความสัมพันธ์กัน แม้แต่สาขาวิชาที่ต่างกันก็อาจมีอิทธิพลต่อกัน
ถ้าไม่อ่าน[เซมิคอนดัคเตอร์ฟิสิกส์]และ[การออกแบบวงจรพื้นฐาน] มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจหัวข้อ[ไมโครอิเล็กทรอนิกส์] ถ้าไม่มีพื้นฐานไมโครอิเล็กทรอนิกส์ การเรียน[การออกแบบวงจรรวม]นั้นก็เหมือนการพยายามเรียนรู้เวทมนตร์
การเรียนคณิตศาสตร์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยอย่างไม่ต้องสงสัย
ปกติแล้วทักษะทางคณิตศาสตร์มักถูกนำไปประยุกต์ใช้ในสาขาวิทยาศาสตร์อื่นๆ แต่สาขาวิทยาศาสตร์ไม่ค่อยมีผลต่อคณิตศาสตร์นัก โชคดีของลู่โจว คณิตศาสตร์เป็นจุดแข็งของเขา แม้ว่าเนื้อหาสาขาวิชาอื่นจะยังใหม่สำหรับลู่โจว แต่ด้วยพื้นฐานคณิตศาสตร์ มันคงไม่ยากนักถ้าเขาจะเรียนรู้
แต่ความรู้ทางคณิตศาสตร์ของเขายังมีช่องว่างอยู่ ดังนั้นความเข้าใจส่วนใหญ่ของเขาจึงตื้นเขินไป
ยกตัวอย่างเหตุผลที่เขาเขียนวิทยานิพนธ์ฉบับแรกได้เป็นเพราะความเข้าใจที่ลึกซึ้งของการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชั่นค่าจริงและฟังก์ชั่นเชิงซ้อน เขาจะทำอะไรไม่ได้เลยในหัวข้ออื่นๆที่วิทยานิพนธ์ไม่ครอบคลุม
ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีใครว่างพอจนมาทดสอบเขาด้วยหนังสือเรียน ไม่งั้นเขาคงตอบไม่ได้แน่นอน
ถ้ามีคนพบว่าเขายังเรียนหนังสือการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชั่นไม่จบ แต่ดันส่งวิทยานิพนธ์’ทฤษฏีอินเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวดำเนินการเชิงเส้นและฟังก์ชั่นเชิงเส้น’ เขาคงจะถูกหัวเราะเยาะ
ลู่โจวยืนอยู่หลังชั้นหนังสือแล้วหยิบเอาขวดยาสีขาวออกจากกระเป๋า ‘ถ้าฉันมีน้ำก็ดีสิ’ ลู่โจวคิด เขามองดูแก้วน้ำของเฉินยู่ซานบนโต๊ะ สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดอาจหาญนั้นไป
ลู่โจวหยิบยาออกมา เขาหลับตาแล้วโยนแคปซูลเข้าปาก เขาฝืนกลืนยาลงไปด้วยน้ำลาย
เขารอสักครู่แล้วไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นเองความรู้สึกเสียวซ่าเล็กน้อยก็แผ่กระจายจากหลังหัว มันค่อยๆแล่นผ่านไปทางดวงตาจนหว่างคิ้ว
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันเหมือนกับมีมดที่มองไม่เห็นวิ่งอยู่ในหัวเขา
หุนยนต์นาโน?
หรือฮอร์โมนพิเศษ?
ลู่โจวไม่แน่ใจ เทคโนโลยีที่รับบมอบให้อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ที่มีอยู่ ความรู้สึกเดียวที่เขารู้สึกก็คือสมองเขามีสมาธิและความคิดก็ละเอียดขึ้นมาก มันแทบเป็นเหมือนนิวตันหรือไอน์สไตน์
นอกจากนี้ความรู้สึกที่รุนแรงนี้เป็นเหมือนการเคี้ยวหมากฝรั่ง Stride gum มันหยุดไม่ได้
ลู่โจวตระหนักว่ามันเป็นผลของยา
โดยไม่ลังเล เขาหยิบหนังสือแล้วกลับไปนั่ง เขาพลิกหนังสือหน้าแรกอย่างระมัดระวัง
ผลของแคปซูลสมาธิแตกต่างจากประสบการณ์ห้วงภวังค์ของการอ่านจากภารกิจก่อนหน้านี้
ห้วงภวังค์ของการอ่านจากครั้งก่อนมันเหมือนกับว่าร่างกายเขาถูกกลืนเข้าไปในท้องปลาวาฬ
ส่วนความรู้สึกของแคปซูลสมาธิมันเหมือนกับมันไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมอง เขากำลังรับความรู้มา แต่เขาก็ทำความเข้าใจไปด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็หกโมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าข้างนอกกลายเป็นสีส้มสวยงาม
เฉินยู่ซานบิดขี้เกียจแล้วมองลู่โจว เธอเห็นว่าเขายังอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อชั่วโมงก่อนแล้วอดนับถือไม่ได้
พรสวรรค์อะไรแบบนี้!
ฉันเดาว่าอัจฉริยะเกิดขึ้นได้เพราะแบบนี้แหละ!
แต่เขานั่งอ่านแบบนี้เขาไม่ปวดคอบ้างเหรอ?
เฉินยู่ซานสะกิดแขนลู่โจวแล้วถามเสียงเบา “เฮ้รุ่นน้อง นายจะไปโรงอาหารไหม?”
ลู่โจวส่ายหน้าแล้วตอบ “คุณไปก่อนเลย ผมยังไม่หิว”
ห้าชั่วโมงผ่านไป ผลของยาเริ่มลดลงแล้ว แต่มันยังมีผลหลงเหลืออยู่บ้าง
เขาสงสัย ‘ผลของยาจะอยู่อีกนานแค่ไหน?’
“งั้นฉันขอตัวก่อน…” เฉินยู่ซานตอบ จู่ๆเธอก็นึกเรื่องบางอย่างได้ เธอถามเสียงเบา “เอ่อ นายยังจำเรื่องงานที่ฉันพูดถึงได้ไหม?”
ลู่โจวถาม “จำได้ ผมจะเริ่มเมื่อไหร่?”
เฉินยู่ซานแนะนำ “พรุ่งนี้วันเสาร์ เราไปพบกันตอนเช้าไหม? ฉันจะได้พานายไปพบกับป้าฉัน”
ลู่โจวคิดแล้วพยักหน้า “…”
ยังไงพรุ่งนี้เขาก็ว่าง แถมยายังทานซ้ำไม่ได้ใน 24 ชั่วโมง
200 หยวนต่อชั่วโมง ถ้าเขาแค่ทำงานไม่กี่ครั้ง เขาก็มีตังจ่ายค่าเทอมปีหน้าแล้ว
หลังจากทั้งสองตกลงพบกันที่นอกมหาลัยตอนเก้าโมง เฉินยู่ซานก็เก็บข้าวของแล้วออกจากโรงอาหาร
หลังจากเฉินยู่ซานจากไป ลู่โจวก็กลับมาสนใจหนังสือต่อ
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับสมาธิของเขาลดลงกลับมาเป็นปกติ
หัวข้อที่เขาทำความเข้าใจได้ในการอ่านครั้งเดียว ตอนนี้เขาจำเป็นต้องอ่านสองสามครั้ง
ส่วนที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือถ้าไม่มีผลของยา เขาจะใจลอยอยู่ตลอด มันมากกว่าปกติเสียอีก
ลู่โจวมองดูสมุดของตน เขาถอนหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา
มันทุ่มครึ่งแล้ว
เขาหิวแล้ว
“ผลของยามีห้าชั่วโมง หลังจากนั้นประสิทธิภาพมันจะค่อยๆลดลงในเวลาหนึ่งชั่วโมงจนหมดประสิทธิภาพไป”
“ฉันเรียนไม่ได้เลยถ้าไม่มียา ไม่ดีแล้ว…”
ลู่โจวหยิบหนังสือแล้วไปหาบรรณารักษ์ เขาหยิบบัตรห้องสมุดออกมาเพื่อขอยืมหนังสือ จากนั้นเขาก็เก็บข้าวของแล้วออกจากห้องสมุด
เขาเดินไปโรงอาหารระหว่างทางกลับหอพักแล้วทานบะหมี่เป็นมื้อค่ำ
จากนั้นเขาก็กลับหอพัก นั่งลงแล้วอ่านหนังสือต่อ
เขาไม่สนใจว่าความเร็วการดูดซับความรู้ของเขามันช้าแค่ไหน เขาอ่านไปเรื่อยๆ
แม้ว่าภายใต้สถานการณ์ปกติความเร็วการเรียนของเขาจะช้ามาก แต่มันก็ไม่ได้ป้องกันไม่ให้เขาจำหัวข้อที่เขาได้เรียนรู้ไปแล้ว เขายังสามารถเพิ่มพูนความรู้ในปัจจุบันของตน
แน่นอนสิ่งสำคัญคือเขาต้องไม่พึ่งพาแคปซูลสมาธิมากเกินไป
เพราะยังไงเสียในขวดมันก็มีเพียง 40 แคปซูลเท่านั้น มันจะหมดในไม่ช้า แถมเขาจะได้รับอีกครั้งก็คงยาก ความเป็นไปไม่ได้มันต่ำ
ประมาณสามทุ่ม หลิวรุ่ยก็กลับมาจากการประชุมฝึกฝนการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์
เขาเหลือบมองลู่โจวที่กำลังอ่านหนังสืออยู่แล้ววางกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปหา
“โจว สอบเสร็จแล้ว แต่นายยังเรียนอยู่เหรอ?”
“ฉันว่าง ฉันไม่มีอะไรทำนัก” ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้ม
หลิวรุ่ยมองเนื้อหาในหนังสือที่ลู่โจวกำลังอ่านแล้วไม่ได้พูดอะไร
เขาพบว่าจิตใจเขาสงบมากขึ้นเมื่อเขายอมรับสถานการณ์นี้ได้
ถ้าพวกเขามีระดับใกล้เคียงกัน เขาก็ยังมีความหวังที่จะตามทัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่าง 90 คะแนนกับคะแนนเต็มนั้นใหญ่เกินไป เขาไม่มีแรงจูงใจที่จะลองด้วยซ้ำ
พอคิดถึงเขาก็รู้สึกปวดใจ
หนึ่งเดือนก่อนสอบ เขาเริ่มเรียนตั้งแต่ตื่นยันหลับ ส่วนลู่โจวยังทำงานพาร์ทไทม์อยู่เลย แต่แล้วก่อนสอบเขาก็’ตื่นรู้’ เขาพยายามเล็กน้อยแล้วก้าวข้ามเขากับหลัวรุ่นตงได้อย่างงายดาย
หลิวรุ่ยไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของลู่โจว เขาจึงน่าทึ่งแบบนี้
สุดท้ายเขาก็อดถามเพื่อคลายความสับสนไม่ได้
“โจว นายมีเทคนิคยังไงในการเรียนคณิตศาสตร์? นายสอนฉันได้ไหม?”
หลิวรุ่ยหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อพูดแบบนี้
ก่อนหน้านี้ต่อให้เพื่อนมาขอยืมดูสมุดเขา เขาก็ไม่มีทางช่วยเหลือ
ลู่โจวชะงักแล้วคิดอย่างจริงจังเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน…บางทีมันอาจเป็นพรสวรรค์?”
“…”
หลิวรุ่ยได้ยินคำพูดเขาแล้วแทบกระอักเลือด
เลิกปลอมได้แล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นนักศึกษาที่ไม่ได้เรื่อง แต่นายก็ควรเคารพฉันสักหน่อย!
ลู่โจวมองหลิวรุ่ยจากด้านหลัง เขาแอบถอนหายใจ เขารู้ว่าเพื่อนเขาต้องโกรธแน่
แต่เขาจะทำอะไรได้?
เขาก็หมดหวังเหมือนกัน
ฉันบอกใครไม่ได้ว่าฉันมีระบบอยู่ในหัวใช่ไหมล่ะ?