Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 304 ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 304 ผมจะพิสูจน์ให้คุณดู
พวกเขาย่อมมีกระดานดำ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มี ก็มีคนหามาให้ลู่โจวอยู่ดี
เฒ่าหลี่ว์ได้ยินคำขอของลู่โจว เขาจึงบอกผู้ช่วย
ภายในสองนาที เจ้าหน้าที่งานประชุมก็ลากเอากระดานดำมาจากห้องเรียน
ลู่โจวเดินไปหน้ากระดานดำ เขาหยิบชอล์กขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนบนกระดาน
ที่จริงเขาศึกษาปัญหานี้มาแล้วในตอนที่เขาวิจัยการแปลงทอพอโลยีของพื้นผิวทรงกลมที่พรินซ์ตัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติทางไฟฟ้าเคมีและคุณสมบัติเชิงกลของคาร์บอนทรงกลมแบบกลวง เขาได้ทำการวิเคราะห์และทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการนำเสนอการวิจัยของเขา
เรื่องนี้สำหรับลู่โจวมันไม่ใช่เรื่องยาก
ห้องประชุมเงียบเสียงลง
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น พวกเขาต่างกำลังเฝ้าดูลู่โจว
ศาสตราจารย์ซุนจ้องมองกระดานดำตาปริบๆ เขาไม่คิดว่าลู่โจวจะเริ่มเขียนบนกระดานอย่างจริงจัง
อันที่จริงถ้าศาสตราจารย์ซุนคุ้นเคยกับแวดวงคณิตศาสตร์ เขาคงจะรู้ว่านักคณิตศาสตร์ทุกคนจะพิสูจน์ความคิดของตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลู่โจว
ท้ายที่สุดแล้วคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากระดานดำก็เคยพิสูจน์ข้อคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่แฝดแบบสดๆ ทิ้งตำนานไว้ที่พรินซ์ตันด้วย
ในทางตรงกันข้ามการพิสูจน์ทฤษฎีที่มีอยู่แล้วมันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น
ลู่โจวเขียนสมการบรรทัดสุดท้ายแล้วหยุดมือ เขามองกลับไปหาศาสตราจารย์คนอื่นในห้องประชุม
“จากการคำนวณของผม คาร์บอนนาโนสเฟียร์แบบกลวงมีพื้นผิวจำเพาะในช่วง [2326m2g-1, 3762m2g-1] และเส้นผ่านศูนย์กลาง [60nm-70nm] ในทางทฤษฎีสามารถชะลอการแพร่กระจายของสารประกอบพอลิซัลไฟต์และยับยั้งชัตเติลเอฟเฟค”
“แน่นอนนี่เป็นแค่ทฤษฎี สูตรทางเคมีเฉพาะทาง รูปแบบโมเลกุล และข้อสรุปเพิ่มเติมต้องได้รับการตรวจสอบผ่านการทดลองซ้ำ ผมแค่แสดงถึงความเป็นไปได้เท่านั้น”
“สถานการณ์พื้นฐานก็เป็นแบบนี้แหละ ใครมีคำถามอะไรไหม?”
นี่…
ฉันไม่มีคำถามเลยสักนิด
เหล่าศาสตราจารย์ดูกระดานดำอย่างจริงจัง แต่พวกเขาก็รู้สึกงงอยู่ในใจ วิศวกรจากบริษัทต่างๆ กำลังจดบันทึก พวกเขาไม่สนใจว่ามันจะมีประโยชน์ไหม แต่สิ่งที่ต้องทำคือจดเอาไว้ก่อน
แววตาของเฒ่าหลี่ว์เปล่งประกาย แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ลู่โจวเขียน แต่เขาก็เห็นความเป็นไปได้ของพลังงานรูปแบบใหม่
ลู่โจววางชอล์กในมือ
ที่งานประชุมเอ็มอาร์เอสไม่มีใครเข้าใจการพิสูจน์ของเขา กลุ่มศาสตราจารย์ลิเธียมไอออนทำได้แค่พยักหน้าให้กับข้อสรุปเขาโดยไม่มีใครถามสักคำ
ที่นี่ก็เป็นเช่นเดียวกัน
…
ที่จริงลู่โจวคิดถึงปัญหานี้ตอนที่กำลังวิจัย ‘เศษซากหมายเลข 1’
มันไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือเทคโนโลยี
พูดอย่างเป็นกลางก็คือ การกำเนิดเทคโนโลยีจะต้องเป็นไปตามกฎบางอย่าง
ยกตัวอย่าง ซิป อารยธรรมของมนุษย์ประดิษฐ์เครื่องแต่งกายเพื่อป้องกันตนเอง และเพื่อให้ใส่ได้สะดวกขึ้น กระดุมจึงถูกสร้างขึ้น จากนั้นในศตวรรษที่สิบเก้าการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมากในเทคโนโลยีการผลิต และซิปจึงถือกำเนิดขึ้น
ด้วยเหตุผลเดียวกัน ลู่โจวเชื่อว่ามันต้องมีสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ก่อนแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์แน่
ในอารยธรรมไฮเทค มันต้องมีสิ่งประดิษฐ์ที่เขาพูดไว้แน่นอน
และมันก็เป็นไปได้สูงว่าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้นคือแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
แม้ว่าคาร์บอนาโนสเฟียร์ในวัสดุแอโนดของเศษซากหมายเลขหนึ่งจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์โดยตรง แต่มันก็ยังสร้างแรงบันดาลใจให้เขา
สิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีไม่ได้สร้างเสร็จในหนึ่งวัน คาร์บอนทรงกลมแบบกลวงก็ต้องถูกสร้างขึ้นก่อนแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์
ลู่โจวจำเนื้อหาของภารกิจได้ทันที สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าคาร์บอนทรงกลมแบบกลวงจะต้องเป็นกุญแจสำคัญของการแก้ปัญหาแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
ดังนั้นเขาจึงถ่ายทอดมุมมองนี้ในห้องประชุม
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อเขาไหม?
งานประชุมจบลงแล้ว และผู้คนก็เริ่มออกจากห้องประชุม
ศาสตราจารย์หวังนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ลุกไปไหน เขามีสีหน้าไม่พอใจ
เขาไม่ได้มีเหตุผลที่ไม่พอใจ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็อยู่ในสาขาวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนซัลเฟอร์ และคาร์บอนทรงกลมแบบกลวงก็เป็นวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนซัลเฟอร์ชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่ทัศนคติที่ลู่โจวมีทำให้เขาไม่พอใจมาก
นักวิจัยอายุยี่สิบสามปีเพิ่งสอนเขางั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่นั้น แต่เขายังคิดอีกเช่นกันว่าเฒ่าหลี่ว์ประเมินลู่โจวสูงเกินไป
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งล้ำลึก แต่ไม่มีเทคนิคพิเศษ วิธีนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทดลองอย่างต่อเนื่อง ทดลองไปหาข้อผิดพลาดไป จากนั้นก็รวบรวมข้อผิดพลาดแล้วใช้ประสบการณ์สร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมา
ในทางทฤษฎีการทดลองก็คือการพนัน
ผู้คนมากมายพยายามเพิ่มพื้นผิววัสดุพอลิเมอร์บนพื้นผิวของแอโนดลิเธียม บริษัท โมลิ ได้ใช้เงินหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐไปกับหัวข้อการวิจัยนี้ หลังจากที่พวกเขาล้มละลาย NEC[1] ก็หยิบโปรเจกต์นี้ไป ซึ่งพวกเขาก็ผลาญเงินไปหลายร้อยล้านเหรียญเหรียญเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้อะไรเลย
อย่างไรก็ตามนักคณิตศาสตร์อย่างลู่โจวที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ เขียนคำนวณหลายสิบบรรทัดแล้วอ้างว่าแก้ปัญหาโปรเจกต์หลักพันล้านนี้ได้แล้ว? มันน่าโมโหไหมล่ะ?
หวังไห่เฟิงโกรธมาก
อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับความจริง
วัสดุศาสตร์เชิงคำนวณเคยเป็นวิชาเอกระดับปริญญาโทที่ไม่เป็นที่นิยม นักศึกษาส่วนใหญ่ในสาขาวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณก็จบลงด้วยการทำงานด้านพัฒนาซอร์ฟแวร์ อย่างไรก็ตามหลังวิทยานิพนธ์ของลู่โจวถูกตีพิมพ์ในเนเจอร์ มหาวิทยาลัยมากมายก็เริ่มใคร่ครวญว่าพวกเขาควรเพิ่มคลาสการวิเคราะห์เชิงฟังก์ชันลงในหลักสูตรด้วยไหม
หวังไห่เฟิงมองลู่โจวแล้วพูดกับนักวิชาการอู๋ชื่อกัง “คุณคิดว่าเด็กคนนี้บ้าไหม?”
แม้พวกเขาจะมีมุมมองทางวิชาการที่ต่างกัน แต่ทั้งสองก็อยู่ในสาขาแบตเตอรี่ลิเธียมเหมือนกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาจึงยังดีอยู่ อย่างไรก็ตามลู่โจวที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ก็ได้ทำให้สาขาวัสดุศาสตร์ช็อค
แต่นักวิชาการอู๋กับนักวิชาการหวังไห่เฟิงมีความเห็นที่ต่างกัน
วิศวกรส่วนใหญ่เก่งปฏิบัติมากกว่า ในมุมมองของเขา อายุและตัวตนเป็นเรื่องรอง แม้ว่าเขาจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวลู่โจว แต่มันก็เป็นเพียงเชิงวิชาการ
นอกจากนี้นักวิชาการอู๋มักจะพูดในสิ่งที่คิด
เขาเป็นคนพูดตรงๆ ในงานประชุม และในชีวิตจริงก็เหมือนกัน
อู๋ชื่อกังมองหวังไห่เฟิงแล้วกล่าว “เขาออกทุนวิจัยเองทั้งหมด คุณไปยุ่งอะไรด้วยล่ะ? ทำการวิจัยของตัวเองไปก็พอ”
หลังพูดจบ อู๋ชื่อกังก็เก็บข้าวของแล้วเดินจากไป
หวังไห่เฟิงเพิ่งแพ้ให้กับลู่โจว ตอนนี้เพื่อนเก่าก็ยังโจมตีซ้ำอีก เขารู้สึกเหมือนความดันขึ้นจนสีหน้าเริ่มแดงก่ำ
หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็พึมพำอะไรบางอย่าง “มีอะไรให้น่าภูมิใจ? เขาก็ไม่ได้มีอะไรเลยหนิ”
หวังไห่เฟิงหยิบขวดสุญญากาศแล้วเดินจากไป
…………………………………
[1]NEC – บริษัท เทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติของญี่ปุ่น