Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 321 ผลลัพธ์กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 321 ผลลัพธ์กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
หวังไห่เฟิงคว้าวารสารวิทยาศาสตร์จากหลิวหงมาแล้วจ้องมองตัวหนังสือขนาดเล็ก
อย่างระมัดระวัง
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบลู่โจวเลย แต่เขาต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะ
มีนักวิชาการไม่กี่คนที่สามารถตีพิมพ์ทั้งในวารสารไซเอินหรือเนเจอร์ได้ และการลงวิทยานิพนธ์ทั้งสองในเวลาเดียวกันมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
วิทยานิพนธ์ฉบับแรกเป็นวิทยานิพนธ์เชิงทฤษฎี หวังไห่เฟิงไม่เข้าใจจุดไหนเลยนอกจากข้อสรุป
วิทยานิพนธ์ฉบับที่สองเกี่ยวกับวัสดุ HCS-1 และมันเน้นการใช้งานมากกว่า หวังไห่เฟิงอ่านวิทยานิพนธ์อย่างละเอียด
เมื่อเขาเห็นภาพสแกน คิ้วเขาก็กระตุก
ห้องแล็บของเขาก็มีกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดเหมือนกัน แต่มันเป็นประเภทบิสมัทเฮกซาบอไรด์
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบขั้นสูงกว่าชนิดทังสเตนฟิลาเมนต์ และความละเอียดของภาพอิเล็กตรอนอาจถึง 2 มิลลิเมตร และภาพมีความสว่างมากกว่าแบบทังสเตนฟิลาเมนต์ถึงห้าถึงสิบเท่า อย่างไรก็ตามมันเทียบไม่ได้กับปืนอิเล็กตรอนชนิดฟิลด์อิมิสชัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพในวิทยานิพนธ์ถูกถ่ายด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดชนิดฟิวอิมิชชั่น
เจ้าหมอนี่มันน่ารังเกียจ!
เขาต้องโอ้อวดเรื่องกล้องจุลทรรศน์ของตัวเองแน่!
หวังไห่เฟิงมีประสบการณ์สาขาเคมีมากว่ายี่สิบปี แต่ถึงกระนั้นเขาก็พ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่ม เขาย่อมรับไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขายังคงอ่านวิทยานิพนธ์และรีบสงบจิตใจลง
เมื่อหวังไห่เฟิงอ่านเสร็จ เขาก็กระแทกวารสารลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็โยนมันคืนให้หลิวหง
“มันเป็นแค่ผลลัพธ์ที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ”
หวังไห่เฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถ้าวัสดุ HCS-1 นี้มีค่าเท่าวัสดุพีดีเอ็มเอสดัดแปลง งั้นหวังไห่เฟิงคงยอมรับความพ่ายแพ้ บริษัทเคมียักษ์ใหญ่อื่นก็คงเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าวัสดุ HCS-1 ยังไม่สมบูรณ์
แน่นอนแม้ว่ามันจะเป็นแค่ผลลัพธ์ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่มันก็ยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของวัสดุ HCS-1 ถ้ามีใครแก้ไขขั้นตอนการผลิตได้ มันก็อาจถูกใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แบตเตอรี่ความหนาแน่นสูง
อย่างโดรน…
หลิวหงกล่าว “ถ้าเกิดพวกเขาแค่ตีพิมพ์ผลลัพธ์ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการแล้วไม่ได้ตีพิมพ์ผลลัพธ์ที่สำคัญล่ะ…”
หวังไห่เฟิงกล่าว “เหลวไหล พวกเขาจะทำแบบนั้นทำไม?”
หลิวหงอึ้ง เขายิ้มแล้วกล่าว “…แต่พวกเขาตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เพิ่มไม่ได้เหรอ?”
หวังไห่เฟิงรู้สึกขำลูกศิษย์ของตน เขาหัวเราะและกล่าว “งั้นบอกฉันหน่อย เขาเรียนปริญญาเอกเหรอ? หรือเขาต้องการชื่อเสียงเหรอ? ทำไมเขาต้องตีพิมพ์วิทยานิพนธ์มากขนาดนั้น?”
หลิวหงตระหนักว่าเขาเพิ่งถามคำถามโง่ๆออกไป เขาจึงตัดสินใจนิ่งเงียบ
ศาสตราจารย์พูดถูก นักวิจัยปกติจำเป็นต้องสะสมชื่อเสียงทางวิชาการ
ศาสตราจารย์ปกติก็ต้องตีพิมพ์วิทยานิพนธ์เช่นกันเพื่ออวดความสามารถทางวิชาการของตนเอง สิ่งนี้จะทำให้ศาสตราจารย์ได้รับเงินทุนทางวิชาการมากขึ้น
แต่เห็นได้ชัดว่าลู่โจวไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความสามารถทางวิชาการของตนเอง
ไม่ว่าคนหนึ่งจะทำการวิจัยมากแค่ไหน แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้รับสิทธิบัตร งานของพวกเขาก็จะเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จให้ผู้อื่นก็เท่านั้น ถ้าใครมีโอกาสถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้การวิจัยจะประสบความสำเร็จ พวกเขาก็ยังไม่ตีพิมพ์ผลการวิจัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ดี
เว้นแต่ว่าพวกเขาจะต้องการเงินจริงๆ และต้องการเผยแพร่ผลการวิจัยเพื่อทำให้นักลงทุนพอใจ…หรือเพื่อล่อเหยื่อนักลงทุนคนใหม่และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าพวกเขาทำให้ผลการวิจัยดีกว่านี้ได้
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวไม่ต้องการนักลงทุน
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าวัสดุพีดีเอ็มเอสดัดแปลงมีค่าแค่ไหน แต่หวังไห่เฟิงอยู่ในสาขาวัสดุศาสตร์ เขารู้ว่ายูมิคอร์จ่ายเงิน สี่ร้อยล้านเหรียญเพื่อสิทธิ์ในสิทธิบัตร
งั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…
แววตาของหวังไห่เฟิงเปล่งประกาย “เด็กคนนี้ฉลาดมาก ฉันเกรงว่าเขากำลังวิจัยหัวข้อนี้ก่อนตีพิมพ์วิทยานิพนธ์พีดีเอ็มเอสเสียอีก ทุกคนในการประชุมพูดเรื่องเหลวไหล แต่เขาเป็นคนเดียวที่พูดแนวคิดที่ชัดเจน ฉันเดาว่าเขาได้ผลการวิจัยบ้างแล้ว”
คนส่วนใหญ่เริ่มเขียนวิทยานิพนธ์หลังเลขสิทธิบัตรออกมา เกือบทุกคนจะรอจนกว่าอนุมัติสิทธิบัตรผ่าก่อน การอนุมัติสิทธิบัตรอาจใช้เวลาถึงสิบสองเดือน
จะพูดก็คือ ถ้าวิทยานิพนธ์ตีพิมพ์ในปีสองศูนย์หนึ่งหก ผลการวิจัยจริงอาจเกิดขึ้นในปีสองศูนย์หนึ่งห้า
หวังไห่เฟิงสงสัยว่าเมื่อปีที่แล้ว ลู่โจวคงเริ่มวิจัยคาร์บอนทรงกลมแบบกลวง
หลิวหงคิดถึงความเป็นไปได้ แต่เขาไม่มั่นใจจึงถาม “ศาสตราจารย์หมายถึง?”
“งานวิจัยของเขาอาจมาถึงคอขวด” หวังไห่เฟิงยิ้ม “ชายหนุ่มคนนี้ใจร้อนเกินไป”
เมื่อความคืบหน้าของงานวิจัยหยุดชะงัก การปล่อยงานวิจัยที่กำลังดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นปล่อยงานวิจัยที่เหมือนกันไปก่อนเป็นกลยุทธ์พื้นฐานมาก แม้ว่ามันจะเป็นการเปิดเผยความคืบหน้าการวิจัยของตนเอง แต่มันก็ทำให้ได้รับชื่อเสียงของนักวิจัยด้วยกันเอง
ท้ายที่สุดแล้วยิ่งผลการวิจัยถูกเก็บไว้นานเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในสาขาวิจัยที่เป็นที่นิยม คนอื่นอาจได้ผลการวิจัยที่เหมือนกันในเวลาสองเดือน
เนื่องจากสถาบันวิจัยมากมายกำลังวิจัยคาร์บอนทรงกลมแบบกลวง เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ ถ้าคนอื่นเผยแพร่ผลการวิจัยเดียวกับของคุณก่อน ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของคุณก็อาจไร้ความหมาย
หวังไห่เฟิงคิดว่าลู่โจวคงไม่สามารถรับมือกับแรงกดดันได้
“เราจะทำโปรเจกต์วิจัยนี้ต่อ” หวังไห่เฟิงมองหลิวหงแล้วกล่าว “ในกรณีนี้ ช่วยฉันหาว่าสถาบันวิจัยเชิงคำนวณจินหลิงกำลังทำอะไร และคืบหน้าไปถึงไหน…”
หลิวหงกล่าว “แต่ผมไม่รู้จักใครในมหาลัยจินหลิงเลย ศาสตราจารย์คิดว่าพวกเขาจะบอกผมเหรอ?”
หวังไห่เฟิงกล่าว “คุณโง่รึเปล่า? คิดเองบ้างสิ!”
หลิวหงเงียบเสียงไป
หลังจากนั้นสักครู่หวังไห่เฟิงก็สงบใจลงแล้วกล่าว “นอกจากนี้เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายโปรเจกต์ของเรา”
เมื่อเขาคิดเป้าหมายโปรเจกต์ได้ เขาก็อธิบายคาร์บอนทรงกลมแบบกลวงและวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนซัลเฟอร์ในทิศทางทั่วไป ตอนนี้ลู่โจวปล่อยผลการวิจัยที่กำลังดำเนินการออกมา เขาจึงต้องใช้คำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกตีกลับมาเพราะกฎ ‘ความแปลกใหม่’
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนเป้าหมายโปรเจกต์เป็นเรื่องง่าย
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
…………………………………