Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 326 คลายใจหน่อย
คำสุนทรพจน์จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ
ลู่โจววางชอล์กลงแล้วหันไปมองฝูงชน
คนที่นี่ค่อนข้างเก่งเลย
อย่างน้อยก็ดีกว่างานประชุมเอ็มอาร์เอสมากเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่ามีศาสตราจารย์เคมีและฟิสิกส์บางท่านที่เข้าใจทฤษฎีของลู่โจวอยู่บ้าง
นักวิชาการที่ศึกษาวิทยานิพนธ์ของเขาจะเข้าใจการบรรยายของเขามากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
ลู่โจวมีความสุขกับผลลัพธ์แบบนี้
พิธีมอบรางวัลเคมีอดัมส์จบลงแล้ว
ลู่โจวโยนความคิดอยากฉลองทิ้งไป และตัดสินใจให้ความสำคัญกับด้านวิชาการของงานประชุมเคมีอินทรีย์
แม้ว่าเขาจะอยู่แนวหน้าของการวิจัย แต่ก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เขาต้องเรียนรู้
อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในงานประชุมนั้นแตกต่างจากการเรียนรู้ที่ได้จากห้องเรียน นักวิชาการที่อยากสร้างความรู้จำเป็นต้องพูดคุยกับสหายร่วมอาชีพ อ่านวิทยานิพนธ์และฟังการบรรยาย
และนี่เป็นสิ่งที่งานประชุมเคมีอินทรีย์มอบให้
บ่ายวันถัดมา ลู่โจวที่เพิ่งฟังบรรยายเคมีอินทรีย์ก็ไปชงกาแฟ เขาหาที่นั่งอยู่มุมๆ แล้วจัดเรียงเนื้อหาที่เพิ่งเขียนอยู่เงียบๆ
ช่วงการบรรยายเมื่อสักครู่ นักวิจัยได้เสนอแผงโซล่าเซลล์ที่ไม่ใช่ฟูลเลอรีน กราฟกระแส – แรงดันของแบตเตอรี่แบบฟลูออริเนตไบนารี่ลักษณะหลายรอยต่อ และกราฟประสิทธิภาพการเปลี่ยนรูปโฟโตวอลเทอิกสูงสุด
ข้อมูลบนกราฟสวยงามมาก
แม้ลู่โจวจะไม่ได้วิจัยวัสดุโฟโตวอลเทอิก แต่เขาก็ยังมีความรู้เรื่องวัสดุฟูลเลอรีนอยู่บ้าง สิ่งที่เขาสนใจที่สุดก็คือส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์ ผู้เขียนวิทยานิพนธ์นี้มีพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ดี
ลู่โจววางแผนจะใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้บ้างสักหน่อย
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารองเท้าส้นสูง
สาวสวยผมบลอนด์นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
ลู่โจวเงยหน้ามองสาวสวยแล้วเอ่ยถาม “คุณคือ?”
สาวผมบลอนด์ยิ้ม “ฉันชื่อรอย ยินดีมากที่ได้พบคุณค่ะ”
“ยินดีที่ได้พบครับ” ลู่โจวจับมือกับเธอแล้วกล่าว “คุณเป็นนักศึกษามหาลัยเหรอ?”
“ฉันเป็นนักศึกษาปริญญาโทจากฮาร์วาร์ด แต่ไม่ได้อยู่เอกเคมี”
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้มามอบประวัติให้ฉัน
ลู่โจวถาม “นักข่าวจากแผนกสื่อสารมวลชน?”
รอยกะพริบตาปริบๆ “ก็ไม่เชิง”
ลู่โจวยิ้ม “คุณเป็นนักเขียน?”
“ถูกต้อง!” รอยหักนิ้ว “ฉันเป็นนักเขียนแนววิทยาศาสตร์”
“คุณเป็นนักเขียนจริงๆ หรือ? ฉันคิดว่ามันไม่มีความแตกต่างกันระหว่างงานเขียนนิยายกับงานเขียนแนววิทยาศาสตร์”
ลู่โจวยิ้ม “ฉันไม่คิดเลยว่านักเขียนจะสนใจงานวิจัยของฉัน ฉันสงสัยว่าคุณมาหาฉันทำไม?”
รอย “ที่จริงฉันลงทะเบียนเข้างานประชุมเคมีอินทรีย์เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจมาเขียน ฉันไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอผู้ชนะรางวัลเคมีอดัมส์”
ลู่โจวยิ้ม “ฉันว่าคุณคงไม่เข้าใจการบรรยายของฉัน”
“ฉันไม่เข้าใจ แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันไม่เกิดแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพลังงานและวัสดุ มันทำให้ฉันเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาก” รอยมองลู่โจวด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นเธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ฉันมีสองสามคำถามอยากถามคุณ ฉันขอเวลาคุณสักแป๊บได้ไหม?”
ลู่โจวมองดูไอน้ำที่ลอยมาจากถ้วยกาแฟ เขาคิดถึงตารางงานก่อนจะกล่าว “…คุณมีเวลาจนกว่าฉันจะดื่มกาแฟแก้วนี้หมด”
“ไม่ต้องห่วง ไม่นานหรอก” รอยกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบปากกาสมุดออกมา “งั้น คำถามแรก…”
รอยถามคำถามที่ไม่สลักสำคัญและอยู่ในกระแสหลัก
ลู่โจวพยายามใช้คำพูดง่ายๆ เพื่ออธิบายความคิดของตนเอง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวดื่มกาแฟหมดแล้ว และเนื่องจากรอยถามคำถามหมดแล้ว เธอจึงเก็บสมุดปากกา
“ขอบคุณที่สละเวลามาตอบคำถาม ไว้ฉันจะส่งสำเนางานของฉันให้”
ลู่โจวยิ้ม “มีลายเซ็นด้วยไหม?”
รอยเผยรอยยิ้มออกมา “ถ้าคุณต้องการ ฉันจะเซ็นให้”
จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “นี่เป็นนามบัตรของฉัน ฉันสนใจในตัวคุณ ไว้ครั้งหน้าเรามาคุยกันลงลึกกว่านี้”
สาวสวยผมบลอนด์มองลู่โจวด้วยท่าทางยั่วยวนก่อนจะเดินจากไป
ลู่โจวมองเธอด้วยรอยยิ้ม
คุยกันลงลึกกว่านี้?
ฉันไม่เป็นไร
แม้แต่ศาสตราจารย์จากมหาลัยคอร์เนลยังไม่เข้าใจทฤษฎีของฉันเลย คุยกับคุณมันคงเสียเวลาเปล่า
ทันใดนั้นเองก็มีคนรู้จักที่คาดไม่ถึงเดินเข้ามา
กรินเบิร์กมองรอยเดินไปแล้วกล่าว “รสนิยมของคุณดีมาก”
ลู่โจวถาม “คุณอยากให้ผมขอเบอร์ให้ไหม?”
“ฟังดูน่าสนใจมาก” กรินเบิร์กนั่งลงบนโซฟาแล้วกล่าว “แต่ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะผู้หญิง”
คุณเป็นคนพูดถึงเธอไม่ใช่รึไง?
ลู่โจวมองอีกฝ่ายขณะเก็บนามบัตรของรอย
“สรุป…คุณมาทำไม?”
กรินเบิร์กกล่าว “ไม่มีอะไร ผมแค่อยากบอกข่าวร้ายแก่คุณ”
ลู่โจวถาม “โอ้?”
กรินเบิร์กกล่าวอย่างจริงจัง “บริษัทเคมีโมบิลตั้งใจจะเข้าร่วมในสายผลิตของวัสดุแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ ไม่ใช่แค่นั้น แต่พวกเขามีศาสตราจารย์สแตนลีย์ด้วย!”
แค่นั้น?
ลู่โจวคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเสียอีก
เขาพูดด้วยสีหน้าหน่ายๆ “โอ้ ผมรู้เรื่องนั้นแล้ว”
กรินเบิร์กกล่าว “วู้ดส์บอกคุณเหรอ?”
ลู่โจวพยักหน้าอธิบาย “ใช่ คืนวันมะรืน เขากับสแตนลีย์มาหาผม”
กรินเบิร์กมองรอบๆ “พวกเขาไปถึงไหนแล้ว?”
ลู่โจวถาม “คุณหมายความว่ายังไง?”
กรินเบิร์กกล่าว “ผมกำลังพูดถึงความคืบหน้าการวิจัย… เดี๋ยวนะ คุณไม่ได้ถามอะไรเลยเหรอ?”
ลู่โจวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกๆ “ทำไมผมต้องถามอะไรพวกเขาด้วยล่ะ?”
กรินเบิร์ก “…”
กรินเบิร์กรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ส่วนลู่โจวถอนหายใจแล้วกล่าว “พูดตรงๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องระวังขนาดนี้”
“คุณไม่เข้าใจเหรอว่าตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมมีโอกาสมากแค่ไหน?” กรินเบิร์กกล่าว จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกๆ แล้วข่มความกังวลของตนเอง “ฟังนะ โมบิลกำลังวิจัยวัสดุอิเล็กโทรดขั้วบวกสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์เช่นกัน ทิศทางวิจัยและพัฒนาของพวกเขาคือวัสดุผสมคาร์บอนซัลเฟอร์และคาร์บอนทรงกลมแบบกลวงเช่นกัน! คุณเพิ่งช่วยพวกเขาไป! คุณไม่ควรตีพิมพ์วิทยานิพนธ์สองฉบับนี้เลย!”
กรินเบิร์กคงไม่กลัวถ้านิชิอะนำหน้าเขา
อย่างไรก็ตามเอ็กซอนโมบิลนั้นแตกต่างกัน
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่นี้อยู่ต้นน้ำของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเคมี ดังนั้นพวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบเฉพาะตัวในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ
ถ้าเอ็กซอนโมบิลสนใจวัสดุอิเล็กโทรดขั้วบวกของแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ มันก็คงไม่ได้สร้างความเสียหายต่อยูมิคอร์เท่านั้น มันคงสร้างความเสียหายต่อบริษัทเคมียักษ์ใหญ่ทุกบริษัท
เช่นเดียวกับการมีความเหลื่อมล้ำระหว่างอัจฉริยะ บริษัทยักษ์ใหญ่ก็มีเหลื่อมล้ำเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม…
มันเกี่ยวข้องกับเขายังไง?
ลู่โจวไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของยูมิคอร์สักหน่อย
“ผมไม่เห็นด้วย การถ่ายทอดความรู้จำเป็นต้องสร้างคุณค่าทางวิชาการ” ลู่โจวขมวดคิ้ว “แถมนี่เป็นผลการวิจัยของผม ทำไมผมจะตีพิมพ์ไม่ได้ล่ะ?”
“ไม่ ผมไม่ได้จะสื่อแบบนั้น” กรินเบิร์กสังเกตว่าลู่โจวไม่พอใจ เขาจึงรีบกล่าว “ผมชื่นชมความมั่นใจของคุณ แต่ปัญหาคือเอ็กซอนโมบิลเป็นคู่แข่งของเรา! เพื่อประจันกับเรา พวกเขาลงทุนห้าสิบล้านเหรียญให้กับศาสตราจารย์สแตนลีย์! คุณเข้าใจไหมว่าผมจะสื่อถึงอะไร?”
ลู่โจวมองกรินเบิร์กและไม่รู้จะปลอบอีกฝ่ายอย่างไร
เห็นได้ชัดว่ายูมิคอร์ก็กำลังวิจัยวัสดุอิเล็กโทรดขั้วบวกของแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์เช่นกัน แถมพวกเขายังลงทุนโปรเจกต์นี้ไปมาก ในอีกด้านก็คือ ลู่โจวกำลังแข่งกับยูมิคอร์ในโปรเจกต์แบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ แต่การแข่งขันนี้ไม่รุนแรงเท่ากับการแข่งขันระหว่างยูมิคอร์กับโมบิล
ถ้าลู่โจวคิดค้นนวัตกรรมได้ก่อน ยูมิคอร์ก็จะได้รับผลกำไรบางส่วน ถ้านิชิอะเป็นผู้คิดได้ ยูมิคอร์ก็จะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามถ้าเอ็กซอนโมบิลเป็นผู้นำ งั้นยูมิคอร์จะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
ด้วยเหตุนี้ วิทยานิพนธ์ทั้งสองของลู่โจวจึงทำให้ยูมิคอร์ตื่นตระหนก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากการแข่งขันกับบริษัทเคมีโมบิล ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาอยู่ห่างไกลจากเส้นชัยอีกกี่เมตร วิทยานิพนธ์ทั้งสองเป็นเหมือนระเบิดที่ทำให้กรินเบิร์กนอนไม่หลับ
ลู่โจวตระหนักถึงสิ่งที่เขาทำไป
อย่างไรก็ตามเขาจะทำอีกครั้ง
ลู่โจวหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คลายใจได้ ผมไม่เคยมองว่าคุณเป็นคู่แข่งที่คู่ควร”
กรินเบิร์ก “…”
………………………………….