Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 332 หัวหน้าวิจัยวิทยาศาสตร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 332 หัวหน้าวิจัยวิทยาศาสตร์
หลังลู่โจวรู้ความจริง เขาก็พบว่าเขาไปล่วงเกินคนอื่นอย่างอธิบายไม่ได้
ลู่โจวไม่รู้จะทำยังไงหลังได้ยินข่าวนี้
ถ้าเขาไม่ได้ยินเรื่องหลิวหงจากหยางสวี่ เขาก็คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหวังไห่เฟิงผู้นี้เป็นใคร
พูดตามตรง การมีความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในโลกวิชาการ ท้ายที่สุดแล้วคนเราก็มีความคิดต่างกัน
แต่ลู่โจวสนใจเรื่องของคนพวกนั้นเหรอ?
ลู่โจวใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ และหลับตาครุ่นคิด
อย่าดูแคลนรายงานเปิด รายงานเปิดของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่างจากรายงานเปิดของนักศึกษาปริญญาตรีโดยสิ้นเชิง
ผู้เขียนต้องมีระดับความรู้ทางอาชีพสูงและมีความเข้าใจที่ครอบคลุมเบื้องหลังของงานวิจัย
ท้ายที่สุดแล้วรายงานเปิดก็คือการโน้มน้าวให้ผู้อื่นสนใจในตัวท่าน แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่รายงานควรทำอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ผู้รับผิดชอบรายงานยังต้องรับผิดชอบในการพรีเซนต์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้เขียนรายงานเปิดจึงต้องมีความเชี่ยวชาญมากกว่านักวิจัยทั่วไป
นอกจากนี้ถ้าหยางสวี่ไม่เชื่อว่าหลิวหงมีความสามารถพิเศษ เขาคงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดกับฉัน
ลู่โจวคิดสักพักก่อนจะกล่าว “ถ้าคุณคิดว่าเขาดี งั้นก็จ้างเขา ตราบใดที่เขาไม่ถูกไล่ออกเพราะความไม่สุจริตทางวิชาการ ฉันก็โอเคแล้ว”
ตอนนี้เป็นช่วงแรกของสถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง และพวกเขาก็ต้องการอัจฉริยะ
ถ้าหากปริญญาเอกของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์คิดว่าเขามีค่า งั้นเขาก็สมควรถูกว่าจ้าง
“ผมเข้าใจ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา” หยางสวี่ถอนหายใจ “ผมได้ยินจากเพื่อนร่วมชั้นในจีนว่าหวังไห่เฟิงโด่งดังในโลกวัสดุศาสตร์ในประเทศ เขาอาจกลายเป็นนักวิชาการในอีกไม่กี่ปี การทำให้เขากลายเป็นศัตรูของคุณอาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก”
ลู่โจวกล่าว “มันไม่สำคัญ จากที่ฉันเห็น เรากำลังได้คนมีความสามารถมาช่วยเราวิจัย ฉันคิดว่ามันคุ้มค่า”
พูดเป็นเล่น ฉันเป็นนักวิชาการระดับ ‘รางวัลโนเบล’ ทำไมฉันต้องสนใจ ‘อนาคตนักวิชาการ’ ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยล่ะ?
ไม่ต้องพูดถึง หวังไห่เฟิงมีชื่อเสียงแค่ในประเทศเท่านั้น
ลู่โจวยิ้ม “นอกจากนี้ถ้าฉันไม่จ้างเขา เขาจะมาขอบคุณฉันด้วยตัวเองงั้นเหรอ?”
หยางสวี่ยิ้ม “คุณพูดถูก ผมคิดมากไป”
ลู่โจวกล่าว “โอ้อีกเรื่อง อย่าลืมให้เขาเซ็นสัญญารักษาความลับ”
หยางสวี่พยักหน้า “แน่นอน”
…
หลิวหงนั่งอยู่นอกออฟฟิศของหยางสวี่ เขาดูท่าทางเป็นกังวล
เขาดูเหมือนนักโทษที่นั่งอยู่ในศาล รอการตัดสินชะตากรรมของตน…แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำผิดอะไร
อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่การตัดสินใจง่ายๆ เลย
นี่หมายความว่าความพยายามตลอดสองปีของเขาจะสูญเปล่า เขาต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วยวุฒิปริญญาโท เขาจะล่วงเกินบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกวิชาการอีก
แม้ว่าหวังไห่เฟิงจะเทียบกับลู่โจวไม่ได้ แต่การสร้างศัตรูก็ไม่ใช่เรื่องดี
หลิวหงไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเรื่องดีหรือเลว
หลิวโปยืนอยู่ข้างเขาและถอนหายใจ
เขาไปที่ตู้กดน้ำแล้วเทน้ำมาแก้วหนึ่งก่อนจะพูดกับหลิวหง “สหาย ดื่มน้ำก่อนสิ”
แม้ว่าพวกเขาต้องยอมรับการทำงานนานหลายชั่วโมง และถูกสั่งทำนู่นทำนี่ทั้งวัน แต่นักวิจัยก็ยังมีศักดิ์ศรี การถูกส่งมาทำภารกิจสายลับเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก…
คนส่วนใหญ่มักจะเลือกอดทน แต่บางคนไม่ใช่
หลิวโปรู้สึกเห็นใจที่หลิวหงมีอาจารย์ที่ปรึกษาโหดร้ายแบบนี้
อาจารย์ที่ปรึกษาบังคับให้ศิษย์เก่งๆ อยู่ได้ และใช้งานพวกเขาเป็นแรงงานคุณภาพสูงราคาถูก
หลิวโปตระหนักเรื่องนี้ดี แม้แต่มหาวิทยาลัยจินหลิงก็มีอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างหวังไห่เฟิง มหาวิทยาลัยทุกที่ต่างก็มีทั้งนั้น
ทุกคนจำเป็นต้องเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างระมัดระวัง
หลิวหงส่ายหน้าแล้วพูดอย่างเป็นกังวล “ไม่ครับขอบคุณ…ได้โปรด ผมแค่อยากเริ่มจากการฝึกงาน! ให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองเถอะ!”
หลิวโปกล่าว “พูดกับฉันก็ไม่มีประโยชน์ ฉันไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงบุคคลที่สามร่วมการสนทนา
“ยินดีเริ่มจากตำแหน่งฝึกงาน? ฉันจำได้ว่าคุณบอกแบบนั้น”
หยางสวี่เดินออกมาจากออฟฟิศ
หลิวหงอึ้ง เขารีบลุกจากโซฟาแล้วกล่าว “ครับ ผมจะพิสูจน์ความสามารถของตนเอง!”
ไม่เลว คุณทะเยอทะยานดี” หยางสวี่มองหลิวหงแล้วกล่าว “พรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณจะทำงานที่ฝ่ายวิเคราะห์วัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ หลิวโปจะมอบหมายงานให้คุณ แต่ฉันต้องบอกคุณว่าคุณจะไม่สามารถทำการทดลองอะไรได้ระหว่างการฝึกงาน งานหลักของคุณคือทำความสะอาดอุปกรณ์ จัดสารเคมี เป็นต้น ฟังดูดีไหม?”
เมื่อหลิวหงได้ยินว่าเรซูเม่เขาได้รับการยอมรับ เขาก็กล่าวอย่างตื่นเต้น “ไม่มีปัญหา! ผมยอมรับ!”
“งั้นก็พยายามเข้า เราจะไม่เก็บคนขี้เกียจเอาไว้” หยางสวี่เดินเข้าไปตบหลังหลิวหงเบาๆแล้วกล่าว “เอ้อ ถ้ามีโอกาส คุณก็ลองไปต่อปริญญาเอก มันจะเป็นประโยชน์มาก”
หลิวหงยิ้ม “ครับ!”
หลิวโปเอาศอกสะกิดเฉียนจ้งหมิง “นี่คือโลกของพวกเรา”
เฉียนจ้งหมิงดูปกติเหมือนเดิม
“โลกอะไร?”
“โลกของเจ้านายของเรา” หลิวโปอดพูดไม่ได้ “เจ้านายของเราอยู่ในระดับที่ไม่จำเป็นต้องแย่งตัวใคร จะมีคนยินดีร่วมงานกับเขาเอง”
………………………………….