Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 353 วิทยาศาสตร์ไม่มีที่สิ้นสุด
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 353 วิทยาศาสตร์ไม่มีที่สิ้นสุด
นิตยสารไทม์ก่อตั้งขึ้นในปี 1923 มันเป็นหนึ่งในสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
ไทม์เขียนรายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและสาขาต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เขียนให้ผู้เชี่ยวชาญอ่าน พวกเขาเขียนให้คนธรรมดาที่อยากเข้าใจโลกผ่านหน้าของไทม์
ลู่โจวรับนามบัตรมาจากหญิงสาวแล้วพลิกนามบัตรดู
ภายใต้โลโก้ ‘ไทม์’ อันโดดเด่นมีชื่อเขียนอยู่ว่า จูเลีย เดรก
ลู่โจวคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ผมไม่มีเวลามากนัก”
จูเลียยิ้ม “ไม่ต้องห่วง มันใช้เวลาไม่นาน”
การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จูเลียเปิดเครื่องบันทึกเสียงแล้วถามคำถามแรก
“คนส่วนใหญ่รู้จักคุณจากข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคและรางวัลคลาฟอร์ด และพวกเขาก็คิดว่าคุณเป็นนักคณิตศาสตร์ ฉันขอถามได้ไหมว่าอะไรทำให้คุณสนใจอุตสาหกรรมเคมี?”
คำถามแรกน่าสนใจมาก ลู่โจวคิดอย่างจริงจังอยู่สักครู่ก่อนจะคิดคำตอบได้
“ประชาชนชอบนิยามคนอื่นด้วยความรู้ที่มีจำกัดของตน อันที่จริงการนิยามมักจะลำเอียงและด้านเดียว ยิ่งการวิจัยล้ำหน้ากว่าผู้อื่นเท่าไหร่ มันก็ยากที่จะจำแนกปัญหาเท่านั้น”
“ยกตัวอย่าง งานวิจัยฟิล์มพีดีเอ็มเอสดัดแปลงของผมเป็นปัญหาวัสดุศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันเป็นปัญหาเคมีอินทรีย์เช่นกัน มันเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของวัสดุ ดังนั้นมันจึงเกี่ยวข้องกับฟิสิกส์สสารควบแน่นเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้ว ผมใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ มันจึงถือเป็นปัญหาคณิตศาสตร์ได้เช่นกัน”
จูเลียถาม “แล้วทำไมถึงเป็นแบตเตอรี่?”
ลู่โจวยิ้ม “อาจเป็นเพราะโทรศัพท์ผมแบตชอบหมดตอนเวลาสำคัญ ผมจึงอยากให้แบตเตอรี่อยู่นานขึ้นล่ะมั้ง?”
จูเลียไม่พอใจกับคำตอบนี้
เธอถาม “นี่คือเหตุผลจริงๆ งั้นเหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “ถ้าผมต้องให้เหตุผล นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ผมคิดได้ อันที่จริงเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ของผมที่สถาบันการศึกษาขึ้นสูงก็ทำการวิจัยโดยที่ไม่มีแรงจูงใจอะไรเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับผม พวกเขาแค่รู้สึกสนใจใคร่รู้เท่านั้น”
แววตาของจูเลียเปล่งประกาย “ดังนั้น คุณคิดว่าความสนใจคือแรงจูงใจที่ดีที่สุดงั้นเหรอ?”
ลู่โจวพยักหน้า “คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้”
จูเลียก้มดูสมุดโน้ตแล้วเอ่ยถาม “คำถามถัดไปอาจหยาบคายหน่อย แต่คุณอยากพูดถึงทรัพย์สินส่วนตัวไหม?”
ลู่โจวกล่าว “ขึ้นอยู่กับคำถาม ผมหวังว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนที่เจาะจง…”
เขาไม่มั่นใจนักว่าบริษัทสตาร์สกายเทคโนโลยีทำเงินให้เขาได้มากเท่าไหร่
ท้ายที่สุดแล้วตัวเลขศูนย์แถวยาวในบัญชีธนาคารของเขาก็เป็นเพียงเครื่องมือให้เขาบรรลุเป้าหมายเท่านั้น มันไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง เว้นแต่การวิจัยต้องการเงินทุนมหาศาล ลู่โจวจะไม่สนใจกิจการของบริษัทนัก
จูเลียยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ถามอะไรแบบนั้น”
เธอพูดต่อ “สตาร์สกายเทคโนโลยีทำรายได้ให้คุณได้หลายร้อยล้านจากสิทธิบัตร PDMS ดัดแปลง แบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ก็อาจทำรายได้อย่างมหาศาลให้คุณได้เช่นกัน”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณกำลังมีชีวิตที่นักวิจัยทุกคนต้องอิจฉา คุณสามารถวิจัยหัวข้ออะไรก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัด คนส่วนใหญ่อธิบายว่าหน้าที่การงานของคุณประสบความสำเร็จ แต่คุณคิดยังไงกับอาชีพการงานของคุณ?”
คำถามนี้ไม่ได้ตอบได้ง่ายๆ ลู่โจวจำเป็นต้องคิดพักใหญ่เลย
หลังจากนั้นสักครู่ สุดท้ายเขาก็ตอบ
“ผมสนุกกับวิทยาศาสตร์มากกว่าการหาเงิน ส่วนตัวเลขในบัญชีธนาคาร…แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ เหมือนที่คุณพูด ผมวิจัยอะไรก็ได้ตามต้องการโดยไม่ต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการเมือง”
“ส่วนความสำเร็จ” ลู่โจวยิ้มและกล่าว “ผมคิดว่าวิทยาศาสตร์ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ผมไม่คิดว่าผมคู่ควรกับการประเมินนี้”
การสัมภาษณ์ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที จูเลียถามคำถามเกี่ยวกับชีวิต การวิจัยและการทำงานเป็นศาสตราจารย์ ลู่โจวเลือกตอบ
ตอนท้ายการสัมภาษณ์ จูเลียถามคำถามสุดท้าย “ฉันขอทราบแผนในอนาคตของคุณได้ไหม?”
“อนาคต…” ลู่โจวเงยหน้าและคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “อาจเป็นฟิสิกส์”
จูเลียถาม “ฟิสิกส์?”
“ถูกต้อง” ลู่โจวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ฟิสิกส์เชิงทฤษฎีเป็นสาขาที่ผมให้ความสนใจมาตลอด ผมคิดว่าสาขานี้เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์อย่างใกล้ชิด อันที่จริงผมทำการวิจัยในสาขานี้ไปค่อนข้างมากแล้ว และที่สำคัญที่สุด ยังมีปัญหาฟิสิกส์ที่รบกวนใจผมอยู่”
มันคือสัญญาณ 750 GeV
แม้ว่าความเห็นหลักจะคิดว่ามันเป็นเพียงความบังเอิญ แต่ลู่โจวเชื่อว่าคณิตศาสตร์ไม่โกหกเขา
มันต้องมีความลับที่น่าอัศจรรย์อยู่เบื้องหลังสัญญาณนี้
จูเลียยิ้ม “นี่เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ ฉันหวังว่าคุณจะประสบความสำเร็จ อีกเรื่องหนึ่งฉันมีเรื่องอยากจะขอรบกวนหน่อย”
ลู่โจวกล่าว “เรื่องอะไรครับ?”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันอยากถ่ายรูปคุณขึ้นปกนิตยสารไทม์ฉบับหน้า แต่ไม่ใช่ที่นี่ วันพรุ่งนี้คุณว่างไหม?”
โอ้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องการงั้นเหรอ?
มันง่ายมาก
ลู่โจวยิ้ม
“ได้ครับ”
ลู่โจวมักจะมีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนอยู่เสมอ
เขานัดเวลาและสถานที่ถ่ายรูปกับเธอก่อนที่จูเลียจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยและช่างกล้อง
เป็นไปตามที่เธอบอกไว้ การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นาน
สมาชิกชมรมเห็นว่าผู้สัมภาษณ์ออกไปแล้ว พวกเขาจึงเดินเข้ามา
จิมมี่พูดเป็นคนแรก “โค้ช…คนพวกนั้นเป็นใคร?”
ลู่โจวกล่าว “นักข่าว”
ชายชาวแม็กซิกันถาม “คุณจะออกข่าวเหรอ?”
“น่าจะนะ” ลู่โจวมองดูสมาชิกชมรมที่กำลังชื่นชมเขาแล้วกล่าว “สู้ๆ ถ้าคุณได้แชมป์ ฉันมั่นใจว่าจะมีคนมากมายที่อยากสัมภาษณ์คุณ”
ชายชาวแม็กซิกันถาม “ผมถามได้ไหมว่านักข่าวพวกนั้นมาจากสถานีโทรทัศน์ไหน?”
“ไม่ใช่สถานีโทรทัศน์…” ลู่โจวกล่าว อันที่จริงเขาก็แปลกใจว่าทำไมถึงมีช่างกล้องมาด้วย
เอามาถ่ายรูปเหรอ?
ทุกคนเงียบเสียงลงหลังจากได้ยินว่ามันไม่ใช่สถานีโทรทัศน์
พวกเขารู้สึกหมดความสนใจ
กลายเป็นว่าลู่โจวไม่ได้จะออกทีวี
ลู่โจวเพิ่มไปอีกประโยคหนึ่ง
“มันเป็นแค่นิตยสารไทม์”
ทุกคน “…”
เมื่อได้ยินว่า’แค่’ ทุกคนก็พูดไม่ออก
สุดท้ายจิมมี่ก็พูดขึ้นมาเป็นคนแรก
เด็กคนนี้พูดเสียงค่อนข้างเบา “…นิตยสารไทม์ไม่เคยสัมภาษณ์ผู้ชนะการแข่งขันโดรน”
ทุกคนในชมรมโดรนพรินซ์ตันต่างก็เห็นด้วย
ที่ปรึกษาของพวกเขาสุดยอดมาก ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือเขาแสร้งถ่อมตนมากไป
พวกเขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ
ลู่โจวยิ้มและไม่ได้ตอบจิมมี่ กลับกันเขาตบมือแล้วเปลี่ยนหัวข้อ
“เลิกเสียเวลาได้แล้ว รีบไปซ้อม ก่อนวันแข่งขัน นี่อาจเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของฉันกับพวกคุณ”
จิมมี่ถาม “โค้ช อาทิตย์หน้าคุณยุ่งเหรอ?”
ลู่โจวพยักหน้า
“อาทิตย์หน้า ฉันจะไปเยอรมนี มันอาจใช้เวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ หรือแม้แต่เป็นเดือน ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในห้องแล็บ คุณก็ไปขอคอนนี่ได้เลย”
ลู่โจวตบบ่าชายหนุ่มและเอ่ยถาม “ฉันหวังว่าพอฉันกลับมา ฉันจะได้ยืนอยู่กับผู้ชนะนะ”
…………………………………