Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 355 สถาบันมักซ์พลังค์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 355 สถาบันมักซ์พลังค์
พิธีต้อนรับที่สนามบินไม่ได้ใหญ่นัก ไม่มีพนักงานต้อนรับ ไม่มีฝูงชน นอกจากผู้อำนวยการทั้งสามกับประธาน มีนักวิจัยสองคนเท่านั้นที่มาด้วย
จากที่ฟาลติ้งส์บอก ทั้งสองเป็นผู้ถือวุฒิปริญญาเอกของสถาบันมักซ์พลังค์ พวกเขามารับที่สนามบินด้วยเพราะพวกเขานับถือลู่โจวนานแล้ว
แม้ว่าจะไม่มีฝูงชน แต่ก็มีผู้ชนะรางวัลโนเบลสองท่านและผู้ชนะเหรียญฟิลด์อีกท่านหนึ่งมา มึนจึงเป็นการมารับที่ค่อนข้างมีความหมาย
อย่างไรก็ตามในฐานะนักวิชาการ ลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องแบบนั้น
ตอนที่เขาไปรับรางวัลที่สต็อกโฮล์ม หลังเครื่องลงจอด เขาขึ้นรถไฟแล้วไปชมดูสถานที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
ครั้งนี้ลู่โจวตั้งใจจะขึ้นแท็กซี่ไปโรงแรมเอง เขากระทั่งดูเส้นทางเดินทางไว้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะเตรียมการเก้อแล้ว…
“คุณนี่อัจฉริยะจริงๆ คุณคิดสูตรพวกนั้นได้ยังไง?” ศาสตราจารย์อาร์ตัลคาดเข็มขัดแล้วเอ่ยถาม
ลู่โจวกล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก “คุณอาจไม่เชื่อ แต่สมการชเรอดิงเงอร์สร้างแรงบันดาลใจให้ผมมากมาย”
คลิทซิ่งยิ้ม “ไม่น่าเชื่อเลย วิธี HF และการจำลองพลวัตโมเลกุลเกี่ยวข้องกับกลศาสตร์ควอนตัมอย่างมาก”
ศาสตราจารย์อาร์ตัลถามต่อ “ฉันอ่านวิทยานิพนธ์ของคุณแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจทฤษฎีบางส่วน แต่ฉันก็ยังมีข้อสงสัยตรงส่วนที่ฉันเข้าใจ คุณลดความซับซ้อนของวิธีแก้ปัญหา multi-body ground state เป็น ground state density ได้อย่างไร? อะไรคือความแตกต่างระหว่างทฤษฎีกับวิธีการคำนวณแบบเฟิส์ตพรินซิเพิลถ้ามันผ่านสมการชเรอดิงเงอร์?”
วิธีการคำนวณแบบเฟิส์ตพรินซิเพิลเป็นวิธีหลักของเคมีเชิงคำนวณสมัยใหม่ และที่มาของทฤษฎีคือสมการชเรอดิงเงอร์ในกลศาสตร์ควอนตัม วิธีการคำนวณแบบนี้มีปัญหาอยู่บ้าง
ก่อนอื่นเลย จำนวนตัวแปรมาถึง 3N (N คือจำนวนอนุภาคทั้งหมด) และจำนวนทางดาราศาสตร์นี้ก็ส่งผลให้เกิดการถกเถียงกัน
ไม่ใช่แค่เพราะจำนวนของตัวแปรมีมากไปเท่านั้น เพื่อทำให้ทฤษฎี’สวยงาม’มากขึ้น พารามิเตอร์เชิงประจักษ์ก็น่ากลัวเช่นกัน
“ครับ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด” ลู่โจวตอบ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “ผมแนะนำแนวคิดของทฤษฎี FDT (functional density theory) บางส่วนในปัญหาการกระจายของ ground state density ยกตัวอย่างการใช้รัศมีของอะตอมหลักกำหนดเป็น RA …”
“เรามาพูดข้อมูลเฉพาะกันสัปดาห์หน้าเถอะ” สตราทแมนกล่าวด้วยความสับสนงุนงง เขามองลู่โจวแล้วเอ่ยถาม “สัปดาห์นี้คุณมีแผนทำอะไร?”
ลู่โจวไม่มีกระดานดำ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายรายละเอียด
ลู่โจวคิดอยู่แป๊บหนึ่ง “ก่อนการบรรยาย ผมอยากทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ มีสถานที่ที่น่าสนใจแนะนำไหมครับ?”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งพลันรู้สึกสนใจขึ้นมา เขากล่าว “สถานที่? ที่สถาบันมักซ์พลังค์ไม่มีที่ๆน่าสนใจหรอก คุณอยากให้ฉันพาคุณไปดูไหม?”
ลู่โจวตอบทันที “รบกวนด้วยครับ”
เมื่อเทียบกับแลนด์มาร์คอย่างประตูบรันเดินเบิร์กและพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ลู่โจวสนใจห้องแล็บมากกว่า โดยเฉพาะห้องแล็บของมักซ์พลังค์ที่โด่งดังในสาขาฟิสิกส์ของสสารควบแน่น
แถมลู่โจวยังได้ผู้ชนะรางวัลโนเบลเป็นไกด์พาทัวร์อีกต่างหาก
หลังจากขับรถมาครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโรงแรมพีกนิทซ์ที่เป็นจุดหมาย
ลู่โจวลงจากรถแล้วเอากระเป๋าเดินทางออกจากท้ายรถ
เขากำลังจะบอกลาเหล่านักวิชาการ แต่แล้วจู่ๆเขาก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“เอ้อ ผมมีคำถามค้างคาใจมานานแล้ว”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่ง “เชิญเลย”
ลู่โจวยิ้ม “คำถามนี้อาจน่าเบื่อสักหน่อย ผมแค่อยากรู้ ทำไมจดหมายเชิญของผมถึงมาจากสถาบันฟิสิกส์สสารควบแน่นแทนที่จะเป็นสถาบันเคมีล่ะ?”
ถ้ามันมาจากสถาบันคณิตศาสตร์ ลู่โจวยังพอเข้าใจได้อยู่ แต่มันมาจากสถาบันฟิสิกส์สสารควบแน่นนี่สิ…แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเขาไม่น้อย แต่เขาก็ยังรู้สึกสับสนงุนงง
ทันใดนั้นก็เกิดความตึงเครียดในบรรยากาศ
โดยเฉพาะศาสตราจารย์อาร์ตัลและศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์
ลู่โจวพลันตระหนักว่าเขาไม่ควรถามคำถามนี้เลย
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งดูค่อนข้างภูมิใจ เขากระแอมแล้วพูด “คำถามที่ดี…”
อย่างไรก็ตามฟาลติ่งส์ก็ขัดจังหวะเขา
“นี่เป็นคำถามที่น่าเบื่อมาก” ฟาลติ้งส์พูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยใส่ใจนัก “นอกจากนี้ครั้งหน้าฉันจะเล่นแบล็คแจ็คแทนโยนเหรียญหัวก้อย”
ลู่โจว “…”
แม้จะยังสับสนอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
…
บรรพบุรุษของสถาบันมักซ์พลังค์คือราชสมาคมวิลเลี่ยมซึ่งถูกก่อตั้งในปี 1911 จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 เชื่อว่าความสนใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศ ดังนั้นท่านจึงก่อตั้งสมาคมด้วยน้ำมือของท่าน ราชวงศ์ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเยอรมัน
การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่หลักแหลมอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ นักวิชาการและโปรเจกต์วิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงถือกำเนิดขึ้นมากมาย ภายใน 30 ปี เทคโนโลยีของเยอรมันก็กลายเป็นที่สุดของโลก
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าราชสมาคมวิลเลี่ยมจะถูกยกเลิกไป แต่มันก็ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันแม็กซ์พลังค์แห่งสหราชอาณาจักร
ผลกระทบของมรดกทางประวัติศาสตร์นี้สามารถเห็นได้จากทุกวันนี้
แม้ว่าหลังสงครามเย็น ชุมชนวิชาการจะเอนเอียงไปทางอเมริกา แต่ฟิสิกส์สสารควบแน่นของสถาบันมักซ์พลังค์ก็ยังเป็นผู้นำของโลกมาโดยตลอด
จากแง่มุมนี้ เมื่อเทียบกับฝรั่งเศสที่สูญเสียตำแหน่งศูนย์กลางคณิตศาสตร์ของโลกไป เยอรมันโชคดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่โจวใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในห้องวันหนึ่ง ในวันที่สอง เขาก็ไปยังหนึ่งในห้องแล็บของสถาบันมักซ์พลังค์
พูดตามตรง ห้องแล็บก็เป็นมรดกของราชสมาคมวิลเลี่ยมเช่นกัน หลังผ่านการรีโนเวท มันก็ไม่มีเค้าโครงเดิมอีก
“…ห้องแล็บของสถาบันมักซ์พลังค์ตั้งอยู่ในเมืองต่างๆ ในเยอรมนี ที่นี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น แต่มันก็เป็นห้องแล็บที่ใหญ่ที่สุด โปรเจกต์เคมีและโปรเจกต์ฟิสิกส์มากมายก็ทำสำเร็จจากที่นี่”
ลู่โจวกล่าว “งั้นโปรเจกต์วิจัยที่นี่ขึ้นอยู่กับสถาบันวิจัยใช่ไหม?”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งกล่าว “ไม่ พูดตามตรงโปรเจกต์ส่วนใหญ่ที่นี่ทำโดยกลุ่มวิจัย ระหว่างกลุ่มวิจัย มีความแตกต่างใหญ่มาก เมื่อเทียบกับสถาบันวิจัยอเมริกา เราใช้วิธีวิจัยที่ต่างกัน”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งเดินไปตามทางที่มีต้นไม้เรียงรายเพื่อไปห้องแล็บฟิสิกส์สสารควบแน่น เขาคุยกับลู่โจวถึงโครงสร้างองค์กรภายในของสถาบันมักซ์พลังค์
พวกเขาเดินผ่านอาคารรูปร่างทรงกลม ลู่โจวจึงเอ่ยถาม “นั่นคือ?”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งยิ้ม “นั่นคือสถาบันฟิสิกส์พลาสมา ฉันพนันเลยว่าคุณคงเดาไม่ออกว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”
“มันเป็นเครื่องชนอนุภาคเหรอ?” ลู่โจวพูดติดตลก
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ มันไซไฟยิ่งกว่าเครื่องชนอนุภาคอีก” ศาสตราจารย์คลิทซิ่งหยอกล้อ “คุณอาจเคยได้ยินมาก่อน นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ”
………………………………..