Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 361 จดหมายฉบับใหม่
ลู่โจวส่ายหน้ากับนักศึกษาที่กำลังสับสนงุนงงก่อนจะประกาศจบการบรรยาย
เขาไม่ได้อยู่ที่ห้องเรียนต่อ กลับกันเขาเพียงหันหลังและออกห้องเรียนไป
อย่างไรก็ตามลู่โจวไปได้ไม่ไกลนักก็มีคนตะโกนเรียกเขา
“ศาสตราจารย์ลู่ โปรดรอสักครู่ค่ะ!”
ลู่โจวหยุดเดินแล้วหันหลังกลับ เขาเห็นหญิงสาวแต่งตัวดีวิ่งมาจากห้องเรียน
ลู่โจวมองหญิงสาวแล้วเอ่ยถาม “คุณคือ?”
หญิงสาวหายใจเข้าออกสองสามครั้งสงบใจตัวเองและเอามือสางผม เธอยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ฉันหูหยิง นักศึกษาปีสองมหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮ็ล์ม!”
ลู่โจวพยักหน้า “หูหยิง ยินดีที่รู้จัก คุณต้องการอะไร?”
“ไม่มีอะไรค่ะ” หูหยิงมองไปรอบๆ แล้วยิ้ม “อืม…ศาสตราจารย์ลู่ฟังดูแปลกๆ ฉันเรียกคุณว่าเทพลู่ได้ไหมคะ?”
แปลกๆ?
ลู่โจวไม่เข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์ลู่ถึงฟังดูแปลกๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจนักว่าคนอื่นจะเรียกเขายังไง
ชื่อก็คือชื่อ นอกจากนี้รูมเมทหอพักสองศูนย์หนึ่งก็ตั้งชื่อเล่นให้เขาสารพัด เขาจึงชินแล้ว
ดังนั้นลู่โจวจึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ฉันไม่มีความเห็น”
หูหยิงยิ้ม “เทพลู่ โปรดบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำยังไงฉันถึงจะเก่งเหมือนคุณ?”
มันเป็นปัญหาวิชาการ ฉันเข้าใจ
ลู่โจวยิ้ม “คุณเรียนเอกอะไร?”
หูหยิงตอบทันที “คณิตศาสตร์ประยุกต์และการค้าระหว่างประเทศ!”
ปริญญาคู่?
ลู่โจวเลิกคิ้ว
เขาไม่รู้เรื่องการค้าระหว่างประเทศมากนัก แต่คณิตศาสตร์ประยุกต์เป็นของถนัด
“คุณมีปากกากระดาษไหม?”
เขาจะให้เบอร์โทรศัพท์ฉันเหรอ?
“มีค่ะ!” แววตาของหูหยิงเปล่งประกาย เธอหยิบปากกาสมุดจากกระเป๋า จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วกล่าว “ขอบคุณค่ะเทพลู่ที่ให้คำปรึกษา!”
“ไม่ใช่แนะนำ แต่ฉันสอนคณิตศาสตร์ประยุกต์ให้คุณได้บ้าง”
ลู่โจวรับปากกาสมุดจากเธอแล้วเริ่มเขียนทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวเขียนเสร็จไปอีกหน้า และหูหยิงก็เริ่มสงสัย
ขณะที่เธอกำลังสงสัยข้อมูลติดต่อแบบไหนกันถึงใช้หน้าเดียวไม่พอ ลู่โจวก็หยุดเขียนแล้วส่งสมุดคืนให้เธอ
“นี่เป็นรายชื่อหนังสือ ฉันอ่านหนังสือพวกนี้ที่ห้องสมุดมหาลัยนี้ตอนเบื่อๆ มันเป็นประโยชน์ต่อสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์”
หูหยิง “???”
หูหยิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ลู่โจวคิดว่าเธอคงเข้าภวังค์อยู่ เขาจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ไม่มีเทคนิคอื่นนอกจากความพยายาม”
“ฉันช่วยคุณได้แค่นี้แหละ”
ก่อนที่หูหยิงจะได้พูดอะไร ลู่โจวก็หันหลังเดินจากไปแล้ว
ลู่โจวเดินออกมานอกประตูมหาลัยไปซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นเขาก็ซื้อจดหมายกับซองจดหมายมา
เขาไม่อยากลืมอะไรไป เขาจึงตัดสินใจส่งจดหมายให้อาจารย์ใหญ่สวี่ตอนบ่ายเลย
ลู่โจวเดินออกนอกซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมถุงพลาสติก เขากำลังจะกลับโรงแรม แต่แล้วเขาก็เห็นหญิงสาววิ่งมาหาเขาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน…”
หูหยิงหยุดหอบหายใจ ลู่โจวดูเธออย่างอึ้งๆ
“คุณมีอะไรอีกไหม?”
“ฉันลืมมอบให้คุณ”
“…มอบอะไร?”
“จดหมาย!”
หูหยิงหยิบจดหมายมาจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือลู่โจว
ลู่โจวรับจดหมายมาและมองเธอด้วยความสับสนงุนงง
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือน…
เธอดูไม่พอใจล่ะ?
ลู่โจวคิดไม่ออกว่าเขาทำให้เธอโกรธได้ไง ดังนั้นเขาจึงเลิกคิดเรื่องนี้ไป
ลู่โจวพลิกจดหมายอ่าน
เขาเห็นที่อยู่ของผู้ส่งแล้วอึ้ง
สถานทูตเยอรมัน?
ลู่โจวเปิดจดหมายแล้วอ่านเนื้อหาข้างใน
[…สวัสดีศาสตราจารย์ลู่ ฉันหูหมิงเต๋อ เอกอัครราชทูตเยอรมัน ฉันอยากแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลฮอฟแมน…]
ลู่โจวข้ามส่วนทางการไปแล้วอ่านย่อหน้าสุดท้าย
[…ฉันกับภรรยาสนใจเรื่องราวของคุณมาก ฉันชื่นชมความสำเร็จในสาขาคณิตศาสตร์ เคมีเชิงทฤษฎีและฟิสิกส์ของคุณอย่างยิ่ง คุณจะให้เกียรติมาทานมื้อเย็นกับเราไหม?]
[เอกอัครราชทูตหูหมิงเต๋อ]
ลู่โจวมองหูหมิงด้วยความสงสัย
จดหมายฉบับนี้เหมือนจะไม่มีปัญหา ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
อย่างไรก็ตามลู่โจวรู้สึกงุนงง
ทำไมจดหมายจากทูตถึงอยู่ในมือนักศึกษา?
ลู่โจวเอ่ยถาม
หลังฟังคำอธิบาย เขาก็พบว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษามหาลัยธรรมดาๆ
นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของสถานทูต เธอยังเป็นประธานสมาพันธ์นักศึกษาจีนแห่งมหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์ม และยังเป็นประธานสภานักศึกษาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์มอีกด้วย
แน่นอนมันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่
สิ่งสำคัญคือเธอมีพ่อเป็นทูต…
…
เขาจำเป็นต้องเห็นแก่หน้าคำเชิญของท่านทูต
ลู่โจวบอกหูหยิงว่าเขายอมรับและตกลงเวลากันคืนนี้
พรุ่งนี้เขามีงาน เขาอาจไม่ได้อยู่เบอร์ลินนานนัก เขาจึงอยากทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว
ลู่โจวกลับมาโรงแรมแล้ววางจดหมายเชิญไว้ เขาหยิบจดหมายกับซองจดหมายที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วเริ่มเขียนจดหมายของอาจารย์ใหญ่สวี่
เขาไม่คิดว่ามันจะเขียนยากอะไร แต่พอเขาเริ่มเขียน เขาก็พบปัญหา
เขาไม่เก่งการเมือง แถมเขายังไม่เคยอ่านจดหมายการเมืองที่เป็นทางการมาก่อน
เขาพบว่าจดหมายของเขาเริ่มเหมือนการอธิบายขึ้นทุกที
ลู่โจวส่ายหน้าและเอนกายพิงเก้าอี้
“ถ้าฉันรู้ว่ามันยาก ฉันเซ็นชื่อบนจดหมายเปล่าแล้วส่งให้อาจารย์ใหญ่สวี่ดีกว่า”
นี่เป็นความคิดที่ดี แต่เขาไม่มีทางทำ
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นนักวิชาการที่มีวินัย เขาต้องรักษาคำพูด
สุดท้ายลู่โจวก็ยอมแพ้ เขาขยำกระดาษแล้วเริ่มเขียนใหม่หมดอีกครั้ง
เขาเป็นนักวิชาการ เขาควรเขียนในสิ่งที่คิดก็พอ
ลู่โจวเขียนหัวข้อใหม่
[โอกาสในการประยุกต์ใช้วัสดุเชิงคำนวณในการวิจัยและพัฒนาของวัสดุศาสตร์และเคมี]
………………………………….