Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 363 ผมเป็นแค่ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 363 ผมเป็นแค่ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์
ณ ห้องหนังสือโบราณที่สวยงามในปักกิ่ง
ชายชรานั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้อ่านจดหมายอยู่ในมือ
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ในจดหมาย แต่ผู้ช่วยเขาชี้ประเด็นสำคัญให้ เขาข้ามย่อหน้าที่มีศัพท์เทคนิคไป
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชายชราวางจดหมายลงแล้วพูด “เข้ามา”
ประตูถูกแง้มออกมา ชายชราสวมสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ผู้อาวุโส คุณตามหาฉันอยู่เหรอ?”
“ฉันมีเรื่องบางอย่างไม่แน่ใจ ฉันอยากถามคุณสักหน่อย” ชายชราพูดขณะมองเฒ่าอู๋ “มันเป็นเรื่องชายหนุ่มคนหนึ่ง คุณคิดว่าเขาควรได้รับรางวัลชั้นหนึ่งหรือรางวัลชั้นสอง?”
แม้ชายชราจะไม่ได้พูดชื่อชายหนุ่ม แต่เฒ่าอู๋ก็รู้ทันทีว่าเขาพูดถึงใคร
เฒ่าอู๋หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูด “ฉันคิดว่าทั้งรางวัลชั้นหนึ่งและชั้นสองต่างก็ไม่สำคัญ รางวัลความคืบหน้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติหรือรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติเหมาะสมกว่า”
แม้รางวัลความคืบหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจะเป็นหนึ่งในห้ารางวัลแห่งชาติ แต่มันก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ารางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ
หากจะเปรียบเทียบกัน มันก็เหมือนความแตกต่างระหว่างสามนักศึกษาอัจฉริยะของมณฑลกับสามนักศึกษาอัจฉริยะของประเทศ
ชายชราคิดชั่วครู่ “ในปี 1980 คุณเฉินชนะรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติชั้นหนึ่งจากผลงานเกี่ยวกับข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัค ความเห็นฉัน ชายหนุ่มคนนี้สมควรได้แล้ว”
เฒ่าอู๋รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ เขาเลยยิ้มและพยายามโน้มน้าวอีกฝ่าย
“มันไม่ใช่ปี 1980 แล้ว แถมตอนนั้นชุมชนวิชาการในประเทศยังไม่พัฒนา ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคเป็นเพียงข้อคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้น”
ชายชรายิ้ม “งั้นแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ล่ะ? นั่นเป็นผลการวิจัยที่ใช้งานได้”
จากแผนของรัฐ พวกเขาจะเพิ่มความจุของแบตเตอรี่เป็น 350 Wh/kg ได้ในปี 2020 และต้นทุนหนึ่งหยวนต่อ Wh
แต่ตอนนี้ความก้าวหน้าในแบตเตอรี่ลิเธียม ความจุของแบตเตอรี่จึงเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ดังนั้นมันจึงเกินกว่าเป้าหมายของรัฐ
ชายหนุ่มแก้ปัญหาทางเทคนิคของลิเธียมเดนไดรต์และปัญหาวัสดุอิเล็กโทรดขั้วบวกของแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระทรวงพลังงานของรัฐจะเป็นหนี้เขา
ชายชราชอบคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถ
เฒ่าอู๋เป็นหัวหน้ากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างอดไม่ได้
ที่จริงเขาเชื่อว่าลู่โจวสมควรได้รับเกียรตินี้
อย่างไรก็ตามรางวัลของรัฐนั้นต่างจากรางวัลของสถาบันวิชาการ พวกเขาต้องคิดเรื่องนอกเหนือจากวิชาการด้วย พวกเขาจำเป็นต้องคิดถึงปฏิกิริยาของผู้อื่น
เฒ่าอู๋คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมา “ถ้าคุณมอบรางวัลให้เขาตอนนี้ แล้วถ้าเกิดเขาประสบความสำเร็จมากกว่านี้ล่ะ? เราจะมอบรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุดให้เขาเหรอ?”
เฒ่าอู๋ยิ้ม “ถ้าเขาสมควรได้ งั้นทำไมไม่ให้ล่ะ?”
เฒ่าอู๋ถอนหายใจ “ผู้ชนะรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุดปกติจะอายุมากกว่าแปดสิบปี ถ้าคุณมอบให้คนรุ่นใหม่ ฉันเกรงว่าสาธารณะ…”
เขาหยุดพูดครู่เดียว “ไม่ว่ายังไง มันก็อาจไม่ใช่เรื่องดีต่อเขา”
เขาพูดถูก
ครั้งนี้ชายชราไม่ได้พูด กลับกันเขาพยักหน้าและเริ่มคิด
หลังจากผ่านไปนาทีหนึ่ง เขาก็พูดขึ้น
“ไปทำธุระของตัวเองเถอะ ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง”
ผู้อำนวยการอู๋ถอนหายใจและพยักหน้า
เขาหันหลังกลับและกำลังจะเดินจากไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงชายชราพูด “เดี๋ยวก่อน”
ผู้อำนวยการอู๋หันหลังกลับไปแล้วถามด้วยความเคารพ “มีอะไรอีกเหรอครับ?”
ชายชราดันจดหมายบนโต๊ะ
“ฉันมีจดหมาย เอาไปอ่าน”
ผู้อำนวยการอู๋รับจดหมายมาเปิดอ่านทันที
เมื่อเขาเห็นหัวข้อจดหมาย เขาก็อึ้ง
[โอกาสในการประยุกต์ใช้วัสดุเชิงคำนวณในการวิจัยและพัฒนาของวัสดุศาสตร์และเคมี]
…
ลู่โจวอยู่ในเยอรมัน เขาไม่รู้เลยว่าจดหมายที่ส่งไปมหาวิทยาลัยจินหลิงถูกส่งไปยังผู้นำรัฐบาล
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สนใจวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องการเมือง
หลังกลับมาจากสถานทูต เขากับศาสตราจารย์คลิทซิ่งก็ไปไกรฟ์วาลด์ที่อยู่ในเยอรมันตะวันออก
เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประชากรน้อยกว่าเจ็ดหมื่นคนเสียอีก เกือบทั้งหมดเป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยไกรฟ์วาลด์ ที่แห่งนี้ก็เหมือนพรินซ์ตันของเยอรมัน มันเงียบสงบและอยู่ในชนบท มันเหมาะแก่การศึกษาและเกษียณอายุอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามลู่โจวกับศาสตราจารย์คลิทซิ่งไม่ได้มามหาวิทยาลัยไกรฟ์วาลด์ พวกเขามาสถาบันวิจัยเวนเดลสไตน์ 7-x
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งเดินเข้าไปในสถาบันและพาลู่โจวไปห้องแล็บ เขาพาไปหาผู้รับผิดชอบแล้วพูดกับลู่โจว
“นี่คือคนที่ฉันพูดถึง ศาสตราจารย์ราล์ฟ แคริเบอร์ เขาทำงานที่นี่มานานกว่าสิบปีแล้ว ทำให้เขาเป็นหนึ่งในวิศวกรวิจัยที่แก่ที่สุดของที่นี่”
“ใช่แล้ว ฉันเฝ้าดูเด็กคนนี้เติบโตขึ้น” ศาสตราจารย์แคริเบอร์พูดพร้อมกับถอดหมวกนิรภัย จากนั้นเขาก็ยื่นมือขวาออกมาทางลู่โจว “ยินดีต้อนรับศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ฉันยินดีมากที่คุณสนใจโปรเจกต์นี้”
เขาพูดถึงเครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์ที่จริงแล้วเครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์เกี่ยวข้องกับพรินซ์ตัน แม้ว่าจะเป็นเยอรมันที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ แต่มันเป็นไลแมน สปิตเซอร์ นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันที่เสนอแนวคิดนี้เป็นคนแรก
อย่างไรก็ตามเวลานั้น แนวคิดนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นแนวคิดที่สูงล้ำเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ทั้งด้านวิศวกรรมและด้านวัสดุศาสตร์
สิบปีให้หลัง สเตลล่าร์เรเตอร์เครื่องแรกก็ถือกำเนิดขึ้น ห้าสิบปีต่อมา เครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์ก็ยังเป็นรุ่นต้นแบบ มันอาจใช้เวลาอีกห้าสิบปีกว่ารุ่นในอุดมคติจะถูกสร้างขึ้น
ลู่โจวจับมืออีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็พูดอย่างถ่อมตน
“ผมเป็นแค่ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ ผมไม่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิวชั่น ผมมาเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ผมจึงเกรงว่าจะช่วยคุณไม่ได้”
ในฐานะผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ศาสตราจารย์แคริเบอร์ไม่ค่อยเคารพนักฟิสิกส์นัก “ฮ่าๆ ใครจะสนกัน? ในความเห็นของฉัน ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์พรินซ์ตันน่าอัศจรรย์กว่าศาสตราจารย์ฟิสิกส์เสียอีก”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่แคริเบอร์ก็สวมหมวกนิรภัยกลับแล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณมาได้เวลาพอดี วันนี้เราจะมีการทดลอง มากับฉันสิ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นเจ้าหนู”
เขากวักมือเรียกและพาทั้งสองออกจากห้องแล็บ
………………………………..