Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 386 คุณไม่ตระหนักว่าการเรียนเป็นเรื่องสนุก
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 386 คุณไม่ตระหนักว่าการเรียนเป็นเรื่องสนุก
หลังการทดลอง พวกเขาก็รวบรวมข้อมูลทำรายงานการทดลอง
วันก่อนคริสต์มาส ด้วยความช่วยเหลือของนักศึกษาปริญญาเอกพลาสมาหลายคน ลู่โจวก็ทำรายงานการทดลองของทีมโปรเจกต์ He3 เสร็จแล้วส่งไปให้กับห้องแล็บเวนเดลสไตน์ 7-X
มิสเตอร์แคริเบอร์ หัวหน้าห้องแล็บเวนเดลสไตน์ 7-X เป็นคนรับผิดชอบในการตรวจสอบรายงานนี้
เขาแสดงความสนใจอย่างยิ่งหลังได้อ่านรายงานการทดลอง
แม้ว่าเขาจะยังสงสัยว่าทีมโปรเจกต์ He3 จะใช้ข้อมูลคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อวิเคราะห์ปรากฏการณ์ความปั่นป่วนพลาสมาได้สำเร็จไหม แต่เขาก็ยังพิจารณาเทคโนโลยีอะตอมโพรบ He3 อยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้ว วิธีการสังเกตนี้มีความเซนสิทีฟมากกว่าวิธีการสังเกตแบบอื่น แถมมันยังแม่นยำกว่าทั้งระดับมาโครและไมโคร
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาวิศวกรรมนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ และเขาก็เล็งเห็นความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีนี้ทันที เขากระทั่งส่งคำเชิญขอร่วมมือกับทีมโปรเจกต์ He3
เมื่อเขาตอบกลับอีเมล เลเซอร์สันก็ซื้อตั๋วไปเบอร์ลิน เขาไม่มีเวลาใช้ชีวิตช่วงวันหยุดด้วยซ้ำ เพราะเขาต้องเริ่มเตรียมตัวไปเยอรมันแล้ว
ศาสตราจารย์เลเซอร์สันเก็บข้าวของเตรียมเดินทางอยู่ในห้องแล็บ เขาหันไปมองลู่โจวที่กำลังวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองบนคอมพิวเตอร์ เขาอดถามไม่ได้ “คุณมั่นใจเหรอว่าคุณไม่อยากไปกับฉัน? เราวางแผนจะทดสอบอุปกรณ์ของเรากับเวนเดลสไตน์ 7-X มันเป็นเครื่องนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของจริง!”
ลู่โจวส่ายหน้า
“ฉันต้องไปเข้าร่วมงานประชุมหลังปีใหม่”
ศาสตราจารย์เลเซอร์สันกล่าว “งานประชุม? งานประชุมทางวิชาการ? ถ้ามันไม่ใช่งานประชุมสำคัญ ฉันแนะนำให้คุณยกเลิก”
เอ่อ…
ฉันไม่คิดว่าฉันจะยกเลิกได้
ลู่โจวกระแอม “มันไม่ใช่งานประชุมทางวิชาการ และฉันก็ยกเลิกไม่ได้ แถมฉันทำงานมาทั้งปีแล้ว ฉันอยากพักผ่อน คุณต้องไปร่วมมือกับสถาบันฟิสิกส์พลาสมามักซ์พลังค์เอง”
ศาสตราจารย์เลเซอร์สันกล่าว “น่าเสียดาย”
“ไม่น่าเสียดายหรอก ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นเป็นสักขีพยานช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ด้วยตัวเอง” ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “อย่าลืมถ่ายรูปมาฝากด้วยล่ะ แล้วก็ติดต่อฉันมาทางอีเมล”
แม้ว่าการติดต่อกันทางอีเมลจะยุ่งยากกว่าเดิมหน่อย แต่มันไม่ส่งผลต่อกระบวนการทำงานของลู่โจว ด้วยคอมพิวเตอร์กับกระดาษเปล่า เขาสามารถทำวิจัยเชิงทฤษฎีได้ทุกที่
วันก่อนคริสต์มาส
ศาสตราจารย์เลเซอร์สันบินไปเบอร์ลินพร้อมกับวิศวกรสองคนจากทีมโปรเจกต์
ประมาณบ่าย ท้องฟ้าทั่วพรินซ์ตันถูกปกคลุมด้วยหิมะ ไม่ช้ามันก็ย้อมโลกเป็นสีขาว
แม้ว่ามันยังไม่มืด แต่บนท้องถนนก็แทบไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่ถนนจัตุรัสพาลเมอร์ก็ร้างไปบ้าง ร้านค้ามากมายปิดให้บริการ
ทุกคนเต็มใจอยู่ในบ้านกับครอบครัวและสหายมากกว่าข้างนอกอันหนาวเหน็บ พวกเขาย่างไก่งวง กินพายแอปเปิลอยู่รอบโต๊ะ อวยพรให้กันมีความสุขกับปีใหม่
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้อินไปกับวันหยุดนัก
เพราะสำหรับเขา วันตรุษจีนต่างหากเป็นวันปีใหม่ที่แท้จริง
คริสต์มาสอีฟก็ไม่ต่างจากวันปกติธรรมดานัก
ลู่โจวนั่งอยู่ข้างเตาผิงอันอบอุ่นพร้อมกับแมคบุ๊ค เขากำลังดูข้อมูลที่รวบรวมโดยทีมโปรเจกต์ He3 และเอามาเทียบกับวิทยานิพนธ์พลาสมาที่ได้มาจากห้องสมุดไฟร์สโตน
หากไม่มีปรากฏการณ์ความปั่นป่วนพลาสมา การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
ลู่โจวรับสายและเอนตัวพิงโซฟา
ก่อนที่เขาจะได้พูด น้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังมาจากปลายสาย
“พี่ หนูสอบเสร็จแล้ว!”
เมื่อลู่โจวได้ยินเสียงที่กระตือรือร้น เขาก็กล่าว “เสร็จแล้วเหรอ?”
เขาคิดว่าเอกคณิตเริ่มหยุดปลายเดือนมกราหรือกุมภาเสียอีก
“ปีนี้สอบเร็ว วันหยุดเลยเร็วตามไปด้วย อ๊ะ หนูได้ยินว่าเทอมหน้าจะยากขึ้น” เสี่ยวถงกล่าวก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นเธอก็ถาม “เอ้อพี่ ตรุษจีนพี่ไม่กลับมาเหรอ?”
ลู่โจวกล่าว “พี่กลับไปอยู่แล้ว ทำไมเหรอ?”
“ไม่มีอะไร พ่อฝากมาถาม…” เสี่ยวถงนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอถามด้วยรอยยิ้มซุกซน “เอ้อ พี่ พรุ่งนี้คริสต์มาสแล้วใช่ไหม?”
ลู่โจวกล่าว “ใช่”
เสี่ยวถง “เมอร์รี่คริสต์มาส!”
ลู่โจว “เมอร์รี่คริสต์มาส…”
เธอจะบอกเป็นนัยๆให้เขามอบของขวัญให้เหรอ?
ลู่โจวสับสนเล็กน้อยกับคำอวยพรกะทันหัน เขาไม่รู้ว่าน้องสาวจะทำอะไรกันแน่
เสี่ยวถงกล่าว “งั้นตอนนี้ควรเป็นคริสต์มาสอีฟใช่ไหม?”
ลู่โจว “ใช่…”
เสี่ยวถงถามทันที “แล้วพี่จะไปฉลองกับสาวคนไหนล่ะ?”
ลู่โจวเกือบไม่ได้ตระหนักถึงเจตนาของเสี่ยวถง
แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่เจือปนด้วยความซุกซน เขาก็กล่าว “…ทำไมน้องถึงคิดแต่เรื่องแบบนี้?”
เสี่ยวถงกล่าว “พี่ พี่ไม่เด็กแล้วนะ พี่ 24 แล้ว! พี่ควรนึกถึงเรื่องสำคัญของชีวิตได้แล้ว!”
ลู่โจวถาม “24 นี่ถือว่าแก่แล้วเหรอ?”
ปลายสายเงียบ
เสี่ยวถงขมวดคิ้ว “…หนูว่าไม่นะ”
ลู่โจวถอนหายใจ
ถ้าเขาโน้มน้าวพ่อแม่ได้ง่ายเหมือนน้องก็ดีสิ
พอเขากลับบ้านไปตอนตรุษจีน เขาคงถูกพ่อแม่สอบสวนเป็นแน่
“ตั้งใจเรียนนะ อย่ามาคิดแต่เรื่องแฟนพี่ทั้งวัน ช่วงนี้พี่ยุ่งมาก ถ้าพี่ต้องการ พี่ก็หาได้ง่ายๆแหละ”
เสี่ยวถงไม่ค่อยพอใจ “หนูเป็นนักศึกษาแล้วนะ หนูไม่ใช่เด็กแล้ว ทำไมพี่ยังบอกให้หนูตั้งใจเรียนอีก…”
ลู่โจวยิ้ม “ใครบอกว่าน้องจะไม่ต้องเรียนที่มหาวิทยาลัยล่ะ? ถ้าน้องไม่เรียนตั้งแต่ตอนนี้ พอน้องโตขึ้น น้องจะทำได้แต่ไปกดไลค์รูปเว่ยป๋อของคนอื่น”
เสี่ยวถงเบื่อ “งั้นถ้าเกิดน้องตั้งใจเรียนล่ะ?”
ลู่โจวกล่าว “งั้นคนอื่นจะมากดไลค์รูปน้อง”
เสี่ยวถงกล่าว “ใครจะสนเรื่องไลค์กัน?”
ลู่โจวขำ “พี่ไม่ได้สนเรื่องไลค์ น้องแหละที่สน”
เสี่ยวถง “…”
ลู่โจวคุยกับเสี่ยวถงเล็กน้อยก่อนจะวางสาย
เขาเดินเข้าไปชงกาแฟในครัว จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาข้างเตาผิงและอ่านวิทยานิพนธ์ต่อ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้อ่าน โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ลู่โจวแปลกใจกับชื่อคนที่โทรมา
“พี่เฟย?”
ไม่สมเหตุสมผลเลย
พี่เฟยฉลองคริสต์มาสเหมือนกับวาเลนไทน์…เขาโทรหาฉันทำไมกัน?
ลู่โจวรับสายด้วยสีหน้าแปลกๆ
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
สือช่าง “โจว”
ลู่โจว “ว่าไง?”
สือช่าง “ฉัน…”
เมื่อลู่โจวได้ยินเสียงอีกฝ่าย เขาก็พอเดาได้คร่าวๆแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถอนหายใจ
“หยุดโอ้เอ้ได้แล้ว บอกมานายมีปัญหาอะไร ฉันช่วยนายได้”
สือช่างกระแอม “ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ”
ลู่โจวกล่าว “ฉันช่วยนายไม่ไหวเหรอ?”
“ฉันจะแต่งงานเดือนหน้า”
ลู่โจว “…?”
………………………………….