Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 391 กลับประเทศจีน
เมื่อลู่โจวทำธุระที่พรินซ์ตันเสร็จ มันก็วันที่ 28 แล้ว
โจวให้วันหยุดกับตัวเองกับลูกศิษย์เป็นเวลาเดือนหนึ่งและบอกให้เจอริกขับรถไปส่งที่สนามบินฟิลาเดลเฟีย
ระหว่างทางไปสนามบิน ลู่โจวไถเว่ยป๋อเล่น แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้รับสายจากหยางสวี่
“บอส คุณกลับจีนมาวันนี้เหรอ?”
หลังเห็นหน้าฟีดข่าวเพื่อน หยางสวี่ก็โทรถามลู่โจวทันที
ลู่โจวตอบ “ใช่ ฉันอยู่ระหว่างทางไปสนามบินฟิลาเดลเฟีย”
หยางสวี่กล่าว “พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่สนามบิน เครื่องคุณลงตอนไหน?”
ลู่โจวกล่าว “ไม่ต้อง คราวนี้ฉันบินตรงไปปักกิ่ง ฉันจะไปจินหลิงกลางเดือนมกรา”
“ปักกิ่ง?” หยางสวี่พลันตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขายิ้มแล้วกล่าว “มันคือ…”
ลู่โจวตอบ “ใช่ งานประชุมวันที่ 8”
“สุดยอด! คุณได้รางวัลอีกแล้วเหรอ?” หยางสวี่ถาม
เขาอดอิจฉาลู่โจวไม่ได้
งานประชุมวันที่ 8 ย่อมเป็นงานประชุมรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
เขาอาจไม่ได้รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงสุด แต่เขาอาจชนะรางวัลนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งชาติหรือรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ
รางวัลแห่งชาติทั้งห้าล้วนเป็นตำนาน สถาบันวิจัยทุกแห่งจะอ้าแขนต้อนรับผู้ชนะรางวัลแห่งชาติ
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “ไม่มีใครบอกฉันว่าเป็นรางวัลอะไร ฉันยังไม่รู้เลย แต่พอไปถึงที่นู่น ฉันก็คงรู้เอง”
“บอส คุณกำลังจะไปเข้าพิธีมอบรางวัล! อนาคตอย่าลืมผมนะ” หยางสวี่พูดหยอก จากนั้นเขาก็กล่าว “ผมจะขอถามในนามของสถาบันวิจัย เราจะมีโบนัสสิ้นปีไหม?”
ลู่โจวกล่าว “แน่นอน”
“เท่าไหร่ครับ?”
“คุณจะรู้เมื่อฉันกลับไปถึง!”
เมื่อเจอริกส่งลู่โจวที่สนามบิน ลู่โจวก็ลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในเทอร์มินอล
เขากับเฉินยู่ซานนัดกันไว้ผ่านวีแชท
ลู่โจวเดินเข้าไปในสนามบินและพบคนคุ้นหน้าคุ้นตาทันที
แว่นไร้กรอบอยู่เหนือจมูกขาวเนียน ผมดำขลับปรกอยู่บนเสื้อโค้ท เธอสวมกระโปรงคอตตอนสีดำกับถุงเท้ารวมถึงรองเท้าบูทสีน้ำตาลทำให้เธอดูทันสมัยและอ่อนเยาว์
ดูเหมือนเฉินยู่ซานจะสัมผัสได้ว่าลู่โจวอยู่ใกล้ๆ เธอจึงหันไปมองรอบๆแล้วสบเข้ากับสายตาของลู่โจว
แววตาของเธอเปล่งประกาย เธอโบกมือให้เขาไปมาก่อนจะลากกระเป๋าเดินไปหา
เมื่อเฉินยู่ซานมายืนอยู่ข้างลู่โจว เธอก็ลูบอกถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายทำให้ฉันกลัว ฉันคิดว่านายจะทิ้งฉันอีกรอบแล้ว”
ลู่โจวถาม “ทำไมคุณถึงพูดเหมือนผมทิ้งคุณบ่อยล่ะ?”
เฉินยู่ซานถลึงตามองลู่โจว
“แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เอ่อ…
ฉันคิดว่า…
ฉันไม่ได้ทิ้งไหม?
ลู่โจวทิ้งคนอื่นไปหลายครั้ง แม้เขาจะจำไม่ได้ว่าเคยทิ้งเฉินยู่ซาน แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้ว…
…
มีเวลาเหลือไม่มากนัก เฉินยู่ซานกับลู่โจวจึงไปเช็คอินขึ้นเครื่อง
ลู่โจวคิดว่าเฉินยู่ซานคงบินชั้นเฟิร์สคลาส แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะบินชั้นธุรกิจเหมือนกัน พวกเขาจึงเลือกนั่งด้วยกัน
แม้ว่าครอบครัวเธอจะร่ำรวย แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ใช้จ่ายเงินไม่ยั้งคิด
ส่วนทำไมลู่โจวไม่ซื้อตั๋วเฟิร์สคลาส…
มันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากใช้เงิน เขาแค่ไม่สนใจว่าตัวเองจะนั่งตรงไหน เว้นแต่ว่าจะมีคนซื้อตั๋วให้ ไม่งั้นเขาจะนั่งแค่ชั้นธุรกิจ
หลังได้รับบอร์ดดิ้งพาสและผ่านจุดตรวจความปลอดภัย ทั้งสองก็สาวเท้าผ่านเทอร์มินอลแล้วขึ้นเครื่อง
ลู่โจวนั่งอยู่ตรงกลางในขณะที่เฉินยู่ซานไปนั่งข้างหน้าต่าง
เขากำลังจะหลับตางีบสักครู่ แต่แล้วก็มีชายคนหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารมานั่งข้างเขาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
ชายคนนี้พูดเสียงดังมาก ผู้คนโดยรอบก็เริ่มหันมามองอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามชายคนนี้ไม่ได้เกรงกลัว เขาพูดเสียงดังต่อเหมือนกับไม่มีใครอื่นจนแอร์โฮสเตสเดินเข้ามา
“คุณคะ เครื่องกำลังจะขึ้นแล้ว โปรดปิดโทรศัพท์ด้วยค่ะ”
ชายกลางคนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังทำตามกฎ
เมื่อเห็นฉากนี้ ลู่โจวก็แอบถอนหายใจ
นั่งข้างคนแบบนี้ เขาคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่
ชายคนที่นั่งข้างๆปิดโทรศัพท์ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย เขามองไปโดยรอบเพื่อจะหาคนคุย แต่แล้วก็สังเกตเห็นลู่โจวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยถาม “สหาย คุณทำงานอะไร?”
“สอนคณิตศาสตร์”
“โอ้ อาจารย์สอนคณิตศาสตร์เหรอ? มัธยมต้นหรือมัธยมปลายล่ะ?”
“มหาวิทยาลัย”
ชายกลางคนอึ้ง เขามองลู่โจวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณสอนนักศึกษามหาวิทยาลัยเหรอ? ฉันไม่เชื่อ”
ลู่โจวคร้านจะโต้เถียงด้วย
ชายกลางคนไม่พอใจนักกับการถูกเมิน เขากวาดสายตามองหัวจรดเท้า จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นนาฬิกาของลู่โจว
“สหาย นาฬิกาคุณแบรนด์อะไร?”
ลู่โจวกล่าว “ไม่รู้ มีคนให้ฉันมา แต่ไม่ได้บอกแบรนด์อะไร”
ชายกลางคน “เพื่อนซื้อของปลอมมาให้ใช่ไหม?”
ลู่โจว “…?”
ชายคนนี้ปัญญาอ่อนเหรอ?
เมื่อเห็นว่าลู่โจวไม่ตอบคำถาม ชายกลางคนจึงหัวเราะ “ดูตรงสีสิ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เงินบริสุทธิ์”
ลู่โจวอยากเมินอีกฝ่าย แต่หลังได้ยินประโยคนี้ เขาจึงรู้สึกสนใจ เขาหันไปมองชายกลางคน “คุณดูออกเหรอ?”
ชายคนนั้นหัวเราะ “แน่นอน! ฉันเป็นเซลล์มาหลายปี ฉันดูออกอยู่แล้ว”
“งั้นลองเดาสิว่าฉันได้นาฬิกาเรือนนี้จากใคร”
“ฉันจะเดาได้ไง? ทำไมคุณไม่บอกฉันมาล่ะ?”
“สมาคมเคมีสหรัฐ”
ชายคนนั้นมองลู่โจวเหมือนกำลังมองคนบ้า
“สหาย อย่างน้อยก็โกหกให้สมจริงหน่อย คุณบอกว่าคุณสอนคณิตศาสตร์ ตอนนี้คุณบอกเคมี ทำไมคุณไม่บอกเลยล่ะว่าสหประชาชาติมอบให้?”
ลู่โจวยิ้มบางๆ “นักคณิตศาสตร์ก็ศึกษาเคมีได้เหมือนกัน”
ชายคนนั้นหัวเราะ “คุณเลิกโม้ได้แล้ว! คุณคิดว่าฉันไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเหรอ? เอาล่ะ เพราะนาฬิกาเรือนนี้ได้มาจากสมาคมเคมีสหรัฐ งั้นบอกฉันหน่อย…ทำไมพวกเขาถึงให้นาฬิกาเรือนนี้กับคุณล่ะ?”
“เพราะรางวัลเคมีอดัมส์”
“ฮ่าๆ สหาย คุณพูดไร้สาระมาก!” ชายคนนั้นหัวเราะ “เอาล่ะ บอกฉันหน่อย คุณชนะรางวัลเคมีอดัมส์ตอนไหน ฉันจะลองไปหาในกูเกิ้ล”
ลู่โจวยิ้ม “ประมาณเดือนเมษายนปีนี้”
ชายคนนั้นเปิดโทรศัพท์แล้วเข้ากูเกิ้ล เขาจะเปิดโปงคำโกหกของลู่โจว
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์การค้นหาไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ เขาเริ่มดูสับสนงุนงง
เขากดเข้าไปอ่านข่าวแล้วเห็นรูปถ่าย
ชายคนนั้นดูรูปถ่าย จากนั้นก็หันมามองลู่โจว เขารู้สึกเหมือนเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ
เชี่ย!
มัน…มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?!
ลู่โจวยิ้มและเมินอีกฝ่ายไป จากนั้นเขาก็ข่มตานอนพักผ่อน
แอร์โฮสเตสเห็นแสงโทรศัพท์ เธอจึงเดินกลับมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามรอบนี้เธอเอ่ยเตือน
“คุณคะ โปรดปิดโทรศัพท์ด้วย ถ้าคุณยังไม่ให้ความร่วมมือ เราจะขอเชิญคุณลงจากเครื่อง คุณคะ? ได้ยินฉันไหม?”
ชายกลางคนย่อมได้ยินเธอ แต่เขาช็อกเกินกว่าจะตอบได้
เมื่อเฉินยู่ซานเห็นสีหน้าของชายกลางคน เธอก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
เธอหัวเราะเสียจนท้องแข็ง…
………………………………….