Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 395 ผมแค่เดินผ่าน
มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซุนหงเปียว
“ศาสตราจารย์ซุน คุณล้อเล่นแล้ว ฉันแค่แลกเปลี่ยนความคิดกับเขาเอง” ลู่โจวกล่าว เขารู้สึกเขินๆเล็กน้อย “แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ว่าผมไม่ดีนะ”
เมื่อศาสตราจารย์ซุนได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ท่าทีเขาก็อ่อนลง จากนั้นเขาก็หาวและแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ศาสตราจารย์ลู่ คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
ลู่โจวส่ายหน้ายิ้มๆ
ตอนงานประชุมแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ที่จัดโดยกระทรวงพลังงาน คำถามของศาสตราจารย์ซุนจุดประกายการถกเถียงเรื่องแนวทางการวิจัย ด้วยเหตุนี้ศาสตราจารย์ซุนจึงล่วงเกินเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน
แน่นอนลู่โจวไม่ได้เป็นคนใจแคบ เขาจึงไม่ได้ไม่พอใจศาสตราจารย์ซุน
ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ศาสตราจารย์ซุนตีพิมพ์’ความเป็นไปได้ของการยับยั้งชัตเติลเอฟเฟกต์ของคาร์บอนทรงกลมแบบกลวง’ในวารสารที่ตีพิมพ์โดยมหาลัยสุยหมู่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้ไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ชอบถูกแย่งคน
ลู่โจวกระแอมและละสายตาจากศาสตราจารย์ซุน กลับกันเขายิ้มให้ชายร่างสูงแล้วเอ่ยถาม “สหาย คุณคิดยังไง? ข้อเสนอยังมีผลนะ ภายในสองปี ฉันจะให้คุณตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในวารสารชั้นนำ คุณอยากส่งไปไหนไซเอินซ์หรือเนเจอร์?”
นักวิจัยวิทยาศาสตร์มักจะไม่สนใจเรื่องเงินเดือน นอกจากนี้สถาบันวิจัยเอกชนจะสามารถให้เงินเดือนสูงกว่าโพสต์-ดอกแน่นอน
คนที่สนใจด้านวิชาการ การตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ลงวารสารเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีคนมากมายที่สนใจแค่เรื่องการทดลอง แต่ไม่สนใจเรื่องเงิน
เมื่อหลัวฝานได้ยินข้อเสนอลู่โจว เขาก็เริ่มคิด
ถ้าเป็นคนอื่นบอกเขาว่า’จะให้เขาตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในวารสารชั้นนำ’ เขาคงไม่เชื่อ
แต่นี่ลู่โจวเชียวนะ…
เขาไม่ใช่คนธรรมดา
เพราะลู่โจวตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ลงวารสารมากกว่าสองครั้งต่อปี
หลัวฝานครุ่นคิด เขาเริ่มรู้สึกสนใจ
อย่างไรก็ตามเขาเห็นศาสตราจารย์ซุนกำลังมองมาทางเขา…
หลัวฝานยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ผม…ผมต้องคิดดูก่อน”
แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่เขาแค่พูดเพื่อไว้หน้าศาสตราจารย์ซุนเท่านั้น
คนหนึ่งเป็นนักวิชาการชื่อดังในประเทศ ส่วนอีกคนก็เป็นนักวิชาการชื่อดังระดับโลก
เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินใจแล้ว
ลู่โจวสัมผัสได้ เขาจึงยิ้มแล้วส่งนามบัตรให้หลัวฝาน
ศาสตราจารย์ซุนที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างถลึงตามองลู่โจว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไร
เขารู้ว่าเขามอบข้อเสนอสู้กับลู่โจวไม่ได้ นอกจากนี้การจะมอบข้อเสนอให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
งานประชุมจะเริ่มแล้ว ด้วยความสำเร็จของเจ้าหนูคนนี้ รางวัลระดับชาติอยู่ในมือของลู่โจวแล้ว
ศาสตราจารย์ซุนอยากมีเพื่อนมากกว่าศัตรู
แม้ว่าอัจฉริยะของศาสตราจารย์ซุนจะถูกแย่งตัวไป แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกสบายใจนิดหน่อย
หลัวฝานรับนามบัตรมา เขาทนสายตาศาสตราจารย์ซุนไม่ได้ เขาจึงเดินไปเงียบๆ
ศาสตราจารย์ซุนหันกลับมามองลู่โจว “ศาสตราจารย์ลู่ คุณมาสุ่ยหมู่เพื่อสร้างความลำบากให้ฉันเหรอ?”
ลู่โจวลูบจมูก
“คุณเข้าใจผิดแล้ว อันที่จริง…ผมแค่เดินผ่าน”
บรรยากาศเหมือนแข็งค้างไปสองวิ
ศาสตราจารย์ซุนกระแอม “ศาสตราจารย์ลู่ อย่าล้อกันเล่นเลย”
“ไม่ๆ ผมไม่ได้ล้อเล่น”
“คุณไม่ได้ตั้งใจมาหาฉันจริงเหรอ?” ศาสตราจารย์ซุนมองลู่โจวและเอ่ยถาม เขาแปลกใจกับคำตอบของลู่โจว เขาไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดเล่น
ลู่โจวมองสีหน้าประหลาดใจของศาสตราจารย์ซุน เขาไม่รู้จะพูดอะไร
ลู่โจวแค่มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยลัยสุยหมู่เท่านั้น
เขาไม่ได้มาหาศาสตราจารย์ซุน อันที่จริงเขาไม่คิดเลยว่าจะมาแย่งตัวคน
อย่างไรก็ตาม…
ลู่โจวรู้สึกว่าศาสตราจารย์ซุนคงไม่อยากฟังความจริงเท่าไหร่
…
ลู่โจวไปเที่ยวมหาวิทยาลัยสุยหมู่ มหาลัยวิทยาเยี่ยน มหาลัยวิทยาหมินสูอยู่สองสามวัน เขาแม้แต่ได้รับเชิญจากนักวิชาการเซี่ยงให้ไปบรรยาย’วิธีสร้างองค์ประกอบกรุป’ที่สถาบันวิทยาศาสตร์จีน แถมเขายังได้แบ่งปันการวิจัยเรื่องทฤษฎีจำนวนเพิ่มเติมแก่ลู่โจวด้วย
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็ถึงวันที่ 8 มกราแล้ว
ลู่โจวตื่นมาแต่เช้าตรู่
เมื่อเขาทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมเสร็จ เขาก็กลับไปที่ห้อง จากนั้นเขาก็สวมชุดสูทตัวเดียวกับตอนที่เขาสวมเข้าพิธีมอบรางวัลที่สต็อกโฮล์ม
ลู่โจวชื่นชมตัวเองผ่านกระจกอยู่พักหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเผิงโทรมาเตือนเขา เขาคงไปสายแล้ว
พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมปักกิ่ง
ลู่โจวผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยที่ประตูก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่วีไอพีเข้าไปข้างใน เวลานี้สถานที่จัดงานอัดแน่นด้วยผู้คนแล้ว
เมื่อนักวิชาการเซี่ยงเห็นลู่โจว เขาก็เดินมาหาอย่างรวดเร็ว
“ทำไมคุณถึงมาช้าขนาดนี้ล่ะ?”
ลู่โจวกล่าว “รถติดนิดหน่อย…ผมมาสายเหรอ?”
นักวิชาการเซี่ยงตอบ “ไม่เชิง แต่คนส่วนใหญ่มักจะมาก่อนชั่วโมงหนึ่งถึงสองชั่วโมง งานประชุมนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะสร้างเส้นสาย อาจารย์ของคุณฝากฉันดูแลคุณ และฉันวางแผนจะแนะนำคุณให้รู้จักกับใครบางคน แต่เราไม่มีเวลาทำแบบนั้นแล้ว”
อาจารย์ของลู่โจวย่อมเป็นนักวิชาการหรู
เมื่อลู่โจวได้ยินว่านักวิชาการหรูไม่มา เขาจึงถาม “นักวิชาการหรูไม่มาเหรอ?”
นักวิชาการเซี่ยงส่ายหน้า “เขาเพิ่งกลับมาจากสวิสเมื่อวาน เขาต้องไปดาย่าเบย์ในอีกไม่กี่วัน ฉันเกรงว่าเขาคงไม่มาเวลามาหรอก”
เอาล่ะ ฉันว่านักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีคงยุ่งมากจริงๆ…
ลู่โจวจำได้ว่าวิตเตนก็บินไปมาระหว่างอเมริกากับสวิสอยู่บ่อยๆ วิตเตนอาจสอนอยู่ที่พรินซ์ตันวันหนึ่งและบินไปรายงานที่ CERN ในวันถัดมาก็ได้
ขณะที่ลู่โจวกำลังคุยกับนักวิชาการเซี่ยง หวังไห่เฟิงที่กำลังคุยกับสหายอยู่ใกล้ๆก็พลันสังเกตเห็นเขา
ไม่มีทางที่หวังไห่เฟิงจะมองข้ามลู่โจวไป ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็เป็นนักวิชาการที่อายุน้อยที่สุดในงานประชุมนี้
มันคงเป็นเรื่องยากแล้วที่จะไม่สังเกตเห็นลู่โจว!
หวังไห่เฟิงมองลู่โจวที่กำลังเดินมาแล้วรีบปั้นหน้ายิ้ม
“ศาสตราจารย์ลู่ สบายดีไหม?”
ลู่โจวเห็นว่ามีคนมาทักทาย เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย
เขาจำหวังไห่เฟิงไม่ได้เลยสักนิด
“ขอโทษครับ คุณคือ?”
หวังไห่เฟิงคิ้วกระตุก
แววตาเขามีร่องรอยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็รีบยิ้มแล้วกล่าว “ศาสตราจารย์ลู่ คุณขี้ลืมจริงๆ ไม่ถึงปี เราพบกันที่งานประชุมแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ คุณลืมฉันได้ไง?”
แววตาของลู่โจวเปล่งประกาย เขายิ้ม
“โอ้ คุณคือศาสตราจารย์หวัง…คุณเป็นเจ้านายหลิวหงใช่ไหม?”
เมื่อหวังไห่เฟิงได้ยินชื่อหลิวหง เขาก็แทบระเบิด
ไม่ใช่แค่มันจะกล้าแย่งคนของเขาเท่านั้น มันยังกล้าพูดต่อหน้าอีก
น่ารังเกียจ!
เมื่อนักวิชาการเซี่ยงเห็นว่าบรรยากาศดูตึงเครียดเล็กน้อย เขาจึงกระแอมและพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“เอาล่ะๆ งานประชุมจะเริ่มแล้ว ไว้หลังงานประชุมจบเราค่อยมาคุยกัน”
แม้ว่าหวังไห่เฟิงจะไม่ชอบลู่โจว แต่เขาอยู่ห้องประชุมใหญ่ เขาจึงไม่อาจมาโต้แย้งตรงนี้ได้
เขาเห็นชายชราที่กำลังยืนอยู่ข้างลู่โจว และเขาก็บอกได้ว่าชายชราเป็นนักวิชาการ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มั่นใจสถานะของชายชรานัก
หวังไห่ฟังสงบใจลงเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร กลับกันเขาหันหลังจากไป
“ดูคุณสิ…” นักวิชาการเซี่ยงกดบ่าลู่โจวและลดน้ำเสียงลง “ถ้าคุณไม่รักษาความสัมพันธ์ไว้ คุณอาจไปล่วงเกินคนอื่น!”
ลู่โจวจนปัญญา
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้หวังไห่เฟิงไม่พอใจ
พวกเขาเคยคุยกันครั้งเดียวคืองานประชุมแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
ถ้าหวังไห่เฟิงไม่ได้แนะนำตัวและพูดถึงงานประชุม ลู่โจวคงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร…
งานประชุมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เหล่าศาสตราจารย์ นักวิชาการและผู้มีอำนาจนั่งประจำที่กันครบแล้ว เสียงในห้องประชุมค่อยๆลดลง
แสงสีแดงสดใสของโพเดียมให้บรรยากาศที่เคร่งขรึมและน่ายำเกรง
มีเพลงบรรเลงขึ้น และงานประชุมมอบรางวัลวิชาการที่เป็นเกียรติสูงสุดก็เริ่มขึ้นในที่สุด!
…………………………………