Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 400 ลูกสาวของฉัน?
เช้าวันที่สามหลังงานประชุม
ณ สำนักงานภายในทบวงการจัดตั้งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชายกลางคนสวมแว่นกำลังนั่งอ่านเหรินเหรินเดลี่อยู่ที่โต๊ะทำงาน
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ชายคนนั้นวางหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนจะกล่าว “เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก เฉินเป่าฮว่าเดินเข้ามา
“ไง นายหาฉันอยู่เหรอ?”
แม้ว่าเหอเหนียนจะมียศสูงกว่าเฉินเป่าฮว่า แต่ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและไม่เรียกกันด้วยตำแหน่งทางการ
แม้ทั้งสองจะอยู่ในทบวงการจัดตั้งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ก็อยู่คนละหน่วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึงพูดกันเองได้ด้วยท่าทีสบายๆ
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มีบางอย่างผิดปกติ
เฒ่าเหออบอุ่นผิดปกติ เขาจึงระวังตัวขึ้นเล็กน้อย
เมื่อมองเหอเหนียนยิ้มและผายมือเชิญ เฉินเป่าฮว่าก็รู้สึกสับสนงุนงง
“เฒ่าเฉิน ฉันไม่คิดเลยว่านายจะมาไวขนาดนี้ นั่งก่อนสิ มาคุยกัน”
“โอ้ นายจะโน้มน้าวให้ฉันทำอะไรบางอย่างสินะ?” เฒ่าเฉินนั่งลงบนโซฟาแล้วกล่าว “บอกฉันมาตรงๆ เถอะ ถ้าฉันทำได้ฉันก็ทำ”
“โน้มนาวอะไรกัน? เฒ่าเฉิน นายพูดเป็นเล่น…” เหอเหนียนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันแค่อยากถามอะไรสักหน่อย”
“เรื่อง?”
“วันก่อนที่สนามบิน ผู้หญิงที่ลงจากเครื่องพร้อมกับศาสตราจารย์ลู่เป็นลูกสาวนายใช่ไหม?”
เฉินเป่าฮว่าขมวดคิ้ว เขาดูไม่ค่อยอยากตอบคำถามเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังตอบกลับไปสั้นๆ
“ใช่”
เมื่อเหอเหนียนได้ยินคำตอบ เขาก็ดูสนใจ
“แล้ว…ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
“ฉันไม่รู้” เฉินเป่าฮว่าส่ายหน้า “ฉันไม่รู้เรื่องเพื่อนของลูกสาว”
“เฒ่าเฉิน ในฐานะสหายเก่ากัน ฉันอยากจะด่านายจริงๆ” เหอเหนียนมีท่าทางจริงจัง “เธอเป็นลูกสาวนาย นายจะไม่สนใจเรื่องนี้ได้ไง?”
“เธอเป็นลูกสาวฉัน นายจะสนใจทำไม?” เฉินเป่าฮว่ามองอีกฝ่ายแล้วกล่าว “เธอไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทำไมฉันต้องมากังวลด้วย? เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว นายอยากพูดอะไรกันแน่? อย่าทำฉันเสียเวลา”
เมื่อเหอเหนียนเห็นเฉินเป่าฮว่าไม่ติดเบ็ด เขาก็ยิ้ม
“งั้น…ฉันจะเข้าประเด็นเลย”
เฉินเป่าฮว่ากล่าว “เชิญ”
เหอเหนียนกล่าว “ลูกสาวของนายไม่ใช่เด็กๆ แล้ว นายเคยคิดเรื่อง เอ่อ…หาลูกเขยไหม?”
เฉินเป่าฮว่าเลิกคิ้วสูง เขาผุดลุกจากโซฟาอย่างเดือดพล่าน
“ลูกชายสารเลวของนายสามสิบแล้ว อย่าคิดเลยว่าจะได้ลูกสาวของฉัน! อย่าแม้แต่จะคิด!”
เหอเหนียนรีบกล่าว “เฒ่าเฉิน อย่าพึ่งโมโหสิ ฉันไม่ได้พูดถึงลูกชายฉัน ฉันไม่ได้สนใจลูกชายสารเลวของฉัน! ฉันพูดถึง…ลู่โจว รู้จักใช่ไหม?”
เฉินเป่าฮว่าใจเย็นลงเล็กน้อย
“…ใช่ ทำไม?”
“เบื้องบนคิดว่าเขาสำคัญ ดังนั้นหน่วยเราจึงสืบเรื่องของเขาโดยเฉพาะ”
เฒ่าเฉินกล่าว “ใช่ แล้ว?”
เหอเหนียนหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “นายน่าจะรู้ว่าศาสตราจารย์ลู่…ไม่เคยมีแฟนมาก่อน”
เฉินเป่าฮว่ากล่าว “โอ้ บางทีเขาอาจจะยุ่งกับการวิจัยเกินไปจนไม่มีเวลาหาแฟน”
เหอเหนียนกล่าว “สุดท้ายเขาก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว!”
เฉินเป่าฮว่ายิ้มแล้วกล่าว “ถ้าเกิดเขาชอบผู้ชายล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำตอบของสหาย เหอเหนียนก็เกือบพ่นน้ำชาออกจากปาก จากนั้นเขาก็กระแทกขวดสุญญากาศกับโต๊ะแล้วกล่าว “งั้น เราก็ต้องหาวิธีทำให้เขากลับมาชอบผู้หญิง!”
เฉินเป่าฮว่ากล่าว “ช่างมันเถอะ ถ้าเขาไม่อยากมีใคร นายจะฝืนให้เขามีคู่ทำไม?”
“อ่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เหอหนานยิ้มแล้วกล่าว “แต่ฉันจะสื่อแบบนั้นแหละ”
เหอเหนียนเห็นว่าเฉินเป่าฮว่าไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ “ลองคิดดู เขาอยู่คนเดียว อย่างมากเขาก็กังวลแค่เรื่องพ่อแม่ แต่มันสำคัญด้วยเหรอ? ดูลูกชายไม่รักดีของฉันสิ เขาไม่เคยมาเยี่ยมฉันเลย แถมยังแทบไม่ได้โทรมาหาฉัน นายคิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้เชื่อถือได้เหรอ? มันเชื่อถือไม่ได้เลย!”
“สุดท้ายเขาจะทนกับสิ่งยั่วยวนใจไม่ได้ ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะมีครอบครัวต่างชาติแล้วไปอยู่ต่างประเทศ มันไม่ใช่แค่ความผิดพลาดต่อหน่วยเราเท่านั้น แต่มันยังเป็นความผิดพลาดต่อประเทศด้วย!”
การดึงตัวอัจฉริยะต่างประเทศเป็นหนึ่งในหน้าที่ของหน่วยงานขององค์กร และส่วนใหญ่จะถูกจัดการโดยหน่วยงานของกระทรวงอัจฉริยะ
และการดึงตัวอัจฉริยะระดับสูงมักจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์ของพวกเขามักจะยืดหยุ่นมากกว่า
ยกตัวอย่างการค้นหาญาติของอัจฉริยะต่างประเทศในประเทศจีน การชักจูงทางอารมณ์ ข้อเสนอเงินทุนวิจัย ฯลฯ นี่เป็นกลยุทธ์พื้นฐาน
นอกจากกลยุทธ์พื้นฐาน ยังมีเทคนิค’ให้ยาตรงกับโรค’ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของจีน
มันคงเป็นเรื่องดีถ้าพวกเขาหาแฟนให้ลู่โจวได้
อย่างไรก็ตามเฉินเป่าฮว่าไม่ค่อยพอใจนัก
เขาอดพูดแย้งไปไม่ได้
“นายจะส่งลูกสาวของฉันไปทำไม? ทำไมนายไม่ส่งลูกสาวของตัวเองไปล่ะ?”
เหอเหนียนจนปัญญา “ฉันอยากมีลูกสาวนะ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว!”
น้ำเสียงเขาเหมือนจะไม่ได้พูดเล่น
ถ้าเขามีลูกสาวแล้วลู่โจวชอบลูกสาวเขา เขาจะย้ายออกจากคฤหาสน์ในปักกิ่งทันทีแล้วให้คู่รักแต่งงานใหม่ย้ายเข้าไป
ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นการเสียสละที่คุ้มค่า
เฉินเป่าฮว่าส่งเสียง’เฮอะ’แล้วกล่าว “หุบปากไปเลย ฉันจะบอกให้ อย่าแม้แต่จะคิด! ฉัน เฉินเป่าฮว่า จะไม่ขายลูกสาวเด็ดขาด!”
“เฒ่าเฉิน อย่าคิดแบบนั้น ฉันจะขายลูกสาวของนายได้ไง…” เหอเหนียนผุดลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว “ทั้งสองโสดแถมยังอายุไล่เรี่ยกัน ศาสตราจารย์ลู่เป็นคนที่ยอดเยี่ยม นายคิดจริงๆ เหรอว่าลูกสาวนายจะถูกขาย?”
เฉินเป่าฮว่ามองสหายเก่าแล้วกล่าว “นายจัดการชีวิตเขา นายเคยคิดจากมุมมองของเขาบ้างไหม? ถ้าเกิดเรื่องมันเป็นตรงกันข้ามล่ะ?”
เหอเหนียนขมวดคิ้วและคิดเล็กน้อย เฉินเป่าฮว่าพูดมีเหตุผล
เวลามีความเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวนี้มันเป็นยุคสิทธิส่วนบุคคลและอิสรภาพแล้ว
ถ้าลู่โจวไม่พอใจกับการแต่งงานแล้วไม่กลับมาจีนอีก มันคงน่ากลัวมาก…
เฉินเป่าฮว่าเห็นว่าเหอเหนียนเงียบไป เขาจึงกล่าว “นายจะบังคับความรักไม่ได้ ถ้าพวกเขาชอบพอกัน งั้นก็ปล่อยมันไป ถ้าพวกเขาไม่ชอบพอกัน ไม่ว่าพวกเราจะพยายามหนักแค่ไหน มันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ฉันอยากให้ลูกสาวมีความสุข ฉันไม่อยากให้เธอแต่งงานเพื่อผลประโยชน์”
เหอเหนียนมองหน้าเฉินเป่าฮว่า
“เฒ่าเฉิน”
เฉินเป่าฮว่า “มีไร?”
เหอเหนียนถาม “นายกับภรรยา…ไม่มีความสุขเหรอ?”
เฉินเป่าฮว่าตอบทันที “ไปไกลๆ เลย!”
…
“ฮัดชิ้ว!”
ลู่โจวจามเสียงดัง
“…ใครนินทาฉันเนี่ย?”
ลู่โจวลูบจมูกขณะเดินออกนอกสนามบินนานาชาติจินหลิง
เขาซื้อตั๋วกลับจินหลิงไว้นานแล้ว
หลังงานเลี้ยงของรัฐ ลู่โจวก็พักอยู่ที่โรงแรมหนึ่งวันเต็ม วันถัดมาเขาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อขึ้นเครื่องกลับจินหลิง
ครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใคร เขาไม่ได้โพสต์บนหน้าฟีดข่าวด้วย
เหตุผลหลักคือเขาไม่อยากรบกวนคนอื่น
เมื่อเขามาถึงสนามบินและกำลังขึ้นแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยจินหลิง จู่ๆ เขาก็เห็นคนที่คุ้นเคย
ลู่โจวอึ้ง เขาเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง
คนที่กำลังยืนอยู่นอกสนามบินไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังเผิง
รถที่อยู่ข้างหลังเขาก็เป็นรถคันเดียวกับที่ลู่โจวใช้ในปักกิ่ง
ลู่โจวถาม “ทำไม…คุณถึงอยู่นี่ล่ะ?”
หวังเผิงกล่าว “ปักกิ่งมาจินหลิงใช้เวลาขับสิบสองชั่วโมงเอง เมื่อวานผมขับมาตอนเช้าและมาถึงตอนค่ำ”
ลู่โจวพูดไม่ออก
“…คุณต้องเหนื่อยมากแน่”
หวังเผิงยิ้มอย่างเต็มใจ
“ไม่เหนื่อยเลย ผมมีความสุขที่ได้รับใช้คนอื่น!”
………………………………….