Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 401 สมดุลในใจ
เมื่อลู่โจวก้าวขึ้นรถ หวังเผิงก็ขับรถพาเขาไปเมืองมหาวิทยาลัยเซียนหลิน
พอพวกเขาขับรถผ่านประตูโรงเรียน ลู่โจวก็พลันสังเกตเห็นป้ายแบนเนอร์บนประตูโรงเรียน
[ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ลู่โจวที่ได้รับรางวัลวิทยาศาสตร์ระดับประเทศอันดับหนึ่ง!]
ลู่โจวมองข้อความสีขาวบนป้ายแบนเนอร์สีแดงแล้วรู้สึกคิดถึง
จะว่าไป เขาขึ้นชื่อบนป้ายแบนเนอร์กี่ครั้งแล้วนะ?
เขาจำได้ว่าครั้งแรกเป็นเพราะ Higher Education Society Cup ที่เขาไปแข่งขันสร้างแบบจำลองคณิตศาสตร์
หวังเผิงเห็นป้ายแบนเนอร์เช่นกัน “นี่เป็นโรงเรียนของคุณใช่ไหม?”
ลู่โจวกล่าว “ใช่ครับ”
หวังเผิงเห็นสีหน้าคิดถึงของลู่โจว เขาก็เอ่ยถาม “ศาสตราจารย์ลู่ คุณวางแผนจะกลับมาที่จินหลิงไหม?”
“ครับ” ลู่โจวกล่าว “ทรัพยากรทางการศึกษาของซูโจวไม่เลว แถมผมก็ชอบที่นี่ ด้วยประสบการณ์ของผมที่พรินซ์ตัน ผมวางแผนสร้างสถาบันการศึกษาขั้นสูงที่นี่ด้วย ผมอยากทำให้มันเป็นสถาบันที่ดีที่สุดในเอเชีย”
ลู่โจวย่อมกำลังคุยโว
เขาไม่มั่นใจว่าทำได้ไหม
อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่คิดว่าหวังเผิงจะเชื่อเขา
ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ เขาคงถือว่ามันเป็นเรื่องโกหกแล้ว
แต่นี่คือลู่โจว…
หวังเผิงเชื่ออย่างอดไม่ได้!
หลังจากนั้นสักครู่ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา
“…ศาสตราจารย์ลู่ทะเยอทะยานจริงๆ ผมนับถือมาก!”
“ฮ่าๆ” ลู่โจวยิ้ม “อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังเลย ผมแค่พูดไปงั้นแหละ”
การเรียนเป็นเรื่องหนึ่ง การสอนก็เป็นเรื่องหนึ่ง
เฒ่าชิวพยายามมาหลายปีเพื่อสร้างสาขาวิชาคณิตศาสตร์ให้เหมือนกับฮาร์วาร์ดที่มหาวิทยาลัยสุยหมู่ ส่วนสถาบันวัสดุเชิงคำนวณของลู่โจวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นอยู่เลย มันคงอีกพักใหญ่กว่าจะเห็นผล
หวังเผิงไม่ได้พูดอะไร แต่เขาจำคำพูดของลู่โจวเงียบๆ เขาต้องเอากลับไปรายงานเบื้องบน
ถ้าลู่โจวอยู่ที่จีนได้…
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นเรื่องดีต่อประเทศ
รถขับมาจอดที่ตึกแล็บ ลู่โจวก้าวลงจากรถแล้วหันกลับมามองหวังเผิง
“ผมอาจอยู่ที่นี่สองสามชั่วโมง ทำไมคุณไม่ออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อยล่ะ?”
หวังเผิงกล่าว “เที่ยวเล่น?”
ลู่โจวกล่าว “ผมหมายถึง หาวิธีฆ่าเวลาสักหน่อย”
หวังเผิงยิ้ม “ไม่จำเป็น ผมรออยู่ที่รถก็ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเผิง ลู่โจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ลู่โจวหยิบเอากล่องชาจากท้ายรถแล้วเดินไปตึกแล็บ
ตอนนี้การสอบจบลงแล้ว นักศึกษาในวิทยาเขตจึงกลับบ้านไปแล้ว ทั้งตึกแล็บถูกทิ้งร้าง และมันดูเหมือนไม่มีใครอยู่เลย
ลู่โจวเดินไปเคาะประตูออฟฟิศที่คุ้นเคย
มีเสียงดังมาจากข้างในออฟฟิศ
“เข้ามา”
ลู่โจวเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อถังจื้อเหว่ยเห็นลู่โจว รอยยิ้มก็ปรากฏ
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าเธออยากมาหาฉันก็มาเลย ซื้อของขวัญมาด้วยมันหยาบคายเกินไป”
“ผมว่าไม่ซื้อของติดไม้ติดมือมาด้วยหยาบคายมากกว่า” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็วางชาไว้บนโต๊ะก่อนจะกล่าว “บุหรี่กับเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ ผมไม่รู้จะซื้ออะไร ผมเลยซื้อชามาฝาก”
เฒ่าถังส่ายหน้าแล้วหันไปมองลูกศิษย์
“เสี่ยวหวัง ไปต้มน้ำแล้วมาช่วยชงชาให้หน่อย”
“ครับ!”
เสี่ยวหวังที่นั่งอยู่อีกฟากของออฟฟิศลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ตู้
น้ำในกาต้มน้ำไฟฟ้าเริ่มเดือด
จากนั้นเสี่ยวหวังก็วางชุดน้ำชากับกาต้มน้ำไฟฟ้าบนโต๊ะกาแฟ
ลู่โจวมองเสี่ยวหวังแล้วอดพูดไม่ได้ “รุ่นพี่หวังยังไม่จบอีกเหรอ?”
“ผมจบปีนี้…ผมได้ข้อเสนอจากสุยหมู่แล้ว ผมตั้งใจจะไปตอนพฤษภา”
“ปริญญาเอก?”
“ใช่”
ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ขอแสดงความยินดีด้วย”
เสี่ยวหวังมีความสุขที่ลู่โจวแสดงความยินดีกับเขา อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เสี่ยวหวังจ้องมองไอน้ำที่พุ่งออกมาจากกาแล้วถอนหายใจ “เฮ้อ ผมไม่เก่งเท่าคุณ ตอนผมเรียนปริญญาโท คุณเรียนปริญญาตรีอยู่เลย ตอนนี้ผมกำลังจะจบปริญญาโท คุณก็เป็นศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตันแล้ว”
ลู่โจวไม่รู้จะปลอบเสี่ยวหวังยังไง
การได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยสุยหมู่ก็น่าประทับใจมากแล้ว
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าคนอีกเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ลู่โจวไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวหวังถึงดูเศร้า
ไม่นานชาก็พร้อม ออฟฟิศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชา
เฒ่าถังจิบน้ำชาแล้วกล่าว “ชาดี! เธอเอามาจากไหน?”
ลู่โจวยิ้ม “ผมเอามาจากโรงแรมที่งานประชุม ผมว่ามันไม่น่ามีแบรนด์”
เรื่องราวของชากล่องนี้น่าสนใจ
ลู่โจวคิดว่าชาที่โรงแรมอร่อยดี เขาจึงถามเรื่องชากับผู้จัดการ
อย่างไรก็ตามผู้จัดการไม่ได้บอกเขาว่าชาชนิดนี้มาจากไหน กลับกันเขาส่งกล่องชามาที่ห้องลู่โจวสองสามกล่อง ตอนแรกลู่โจวอยากซื้อชา แต่ผู้จัดการไม่รับเงิน ผู้จัดการแค่บอกว่าชาไม่ได้จดทะเบียน และมันก็ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
ดังนั้นลู่โจวจึงรับชามาโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักหยวน
ไม่มีทางที่ลู่โจวดื่มชาหมด เขาจึงตัดสินใจนำกลับมาฝากคนอื่นที่จินหลิง
โดยเฉพาะพ่อเขา
ลู่โจวจำได้พ่อเขาเคยบอกว่างานอดิเรกที่ดีที่สุดของเขาคือการได้ดื่มชาไปด้วยตกปลาไปด้วย
เฒ่าถังส่ายหน้า “งั้นฉันจะไม่ถามแล้ว ต่อให้เธอบอก ฉันก็ไม่รู้เรื่องชาอยู่ดี”
ลู่โจวยิ้ม “ถ้าอาจารย์ชอบ ครั้งหน้าผมจะเอามาฝากอีก”
เฒ่าถังจ้องมองลู่โจวสักครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ก่อนหน้านี้ ฉันรู้ว่าอนาคตของเธอคงไม่ธรรมดา แต่ฉันไม่คิดเลยว่าความสามารถของเธอจะเกินความคาดหมายของฉัน ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันยังพูดเรื่องคณิตศาสตร์กับเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอเป็นอาจารย์ของฉันได้แล้ว”
“ไม่มีทางครับ” ลู่โจวส่ายหน้า “ผมยังใช้ความรู้คณิตศาสตร์ประยุกต์ที่อาจารย์สอนอยู่เลย”
เฒ่าถังไม่ได้สอนแค่คณิตศาสตร์ให้ลู่โจวเท่านั้น เขายังสอนมากกว่านั้นอีก
ก่อนที่ลู่โจวจะไปงานประชุมพรินซ์ตัน เขาไม่ได้มีชื่อเสียงในโลกวิชาการ สิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงในแวดวงวิชาการก็คือการบรรยายที่พรินซ์ตัน
และศาสตราจารย์ถังจื้อเหว่ยก็เป็นคนที่บอกให้เขาไปเข้าร่วมการบรรยาย
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้พบศาสตราจารย์ดีๆ สักคน
ลู่โจวดีใจมากที่ได้พบกับเฒ่าถัง
ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน ลู่โจวก็ไม่มีวันลืมคนที่ช่วยเหลือเขา
“เอาล่ะ เลิกทำให้ฉันเขินได้แล้ว…” เฒ่าถังโบกมือเป็นพัลวัน “ฉันรู้ดีว่าตัวเองอยู่ระดับไหน”
เฒ่าถังหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “เธอไม่ใช่เด็กแล้ว เธอเป็นอัจฉริยะระดับประเทศ ในเรื่องการศึกษา ฉันคงไม่มีอะไรสอนเธอแล้ว แต่ฉันยังมีเรื่องนอกเหนือจากนี้สอนเธอได้บ้าง…แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอจะอยากฟังไหม”
ลู่โจวทำสีหน้าจริงจัง “ศาสตราจารย์ ผมฟังอยู่ครับ”
เฒ่าถังไม่ได้มองลู่โจว กลับกันเขาหันไปมองเสี่ยวหวังแทน
จากนั้นเขาก็กล่าวช้าๆ “รางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติระดับประเทศอันดับหนึ่งเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว ด้วยประกาศนียบัตรสีแดง เธอสามารถทำในสิ่งที่นักวิจัยวิทยาศาสตร์ส่วนมากฝันถึงได้”
“ถ้าเธออยากไปอยู่ระดับที่สูงขึ้น เธอต้องมีสมดุลในใจ รู้ไหมอะไรมีค่าหรือไม่มีค่า?”
เสี่ยวหวังจ้องมองเฒ่าถัง เขาอดบ่นในใจไม่ได้
เวรเอ้ย!
ฉันไม่เคยมาสนใจเรื่องพวกนี้เลย
อย่าพูดถึงรางวัลระดับประเทศเลย รางวัลระดับมณฑลฉันก็ไม่มีปัญญาแล้ว…
อย่างไรก็ตามลู่โจวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาแสดงสีหน้าขบคิด
สิ่งที่ศาสตราจารย์ถังพูด ที่จริงเป็นสิ่งที่ลู่โจวกำลังคิดอยู่
“ไม่ต้องจริงจังมากก็ได้” ศาสตราจารย์ถังกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบขวดสุญญากาศขึ้นมาจิบน้ำชาก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ฉันมีเรื่องอื่นอยากถาม”
ลู่โจวเงยหน้ามอง “ครับ?”
“หลัวเหวินเซวียนเป็นยังไงบ้าง? เขาจบการศึกษารึยัง?”
ลู่โจวได้ยินชื่อหลัวเหวินเซวียน เขาก็อดยิ้มไม่ได้
“ในที่สุดเขาก็ทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษาเสร็จแล้วครับ เขาจะได้รับปริญญาเอกจากศาสตราจารย์วิตเตนในอีกไม่กี่เดือน”
“โอ้จริงสิ? เยี่ยมเลย!” ศาสตราจารย์ถังมีความสุขมากที่ได้ยินว่าลูกศิษย์ของตนไปได้ด้วยดี เขายิ้มแล้วกล่าว “ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจแล้ว”
………………………………….